พระเยซูเจ้า
แบบอย่างของความสุภาพ
วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา
ปี C
|
บสร 3:17-19, 27-29
ฮบ 12:18-19, 22-24ก
ลก 14:1, 7-14
|
บทนำ
มีนักท่องเที่ยวชาวอเมริกันกลุ่มหนึ่งเดินทางไปประเทศเยอรมันเพื่อชมห้องที่บีโธเฟน
(Ludwig van Beethoven:
1770-1827)
นักดนตรีเอกของโลกชาวเยอรมัน เคยอยู่และทำงาน รวมถึงเปียโนตัวที่ใช้ประพันธ์เพลง “มูนไลท์ โซนาต้า”
(Moonlight
Sonata) เด็กสาวคนหนึ่งในหมู่นักท่องเที่ยวได้นั่งลงที่เปียโนและเล่นท่อนหนึ่งของเพลงโซนาต้า
เมื่อเธอเล่นจบได้พูดกับมัคคุเทศก์ว่า “ดิฉันเข้าใจว่านักดนตรีที่มีชื่อเสียงของโลกคงมาเยี่ยมชมที่นี่ทุกปี”
มักคุเทศก์ตอบว่า “ใช่ ท่านเพเดเรฟสกี้ (Ignacy Jan Paderewski: 1860-1941) เพิ่งมาเยี่ยมที่นี่เมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง”
เด็กสาวรู้สึกภาคภูมิใจและพูดอย่างมั่นใจว่า
“ดิฉันแน่ใจว่าเขาต้องทำเหมือนที่ดิฉันทำ คือนั่งลงตรงเปียโนตัวนี้และเล่นเพลงโซนาต้า
ใช่ไหมค่ะ” แต่มัคคุเทศก์ตอบว่า “เปล่าเลยครับคุณผู้หญิง
เขาไม่ได้ทำอย่างนั้น ทั้งๆ ที่ทุกคนขอร้องให้เขาเล่น แต่เขาบอกว่า ‘ไม่ได้
ผมไม่คู่ควรที่จะทำเช่นนั้น’” เด็กสาวคนนั้นรู้สึกละอายที่ตนได้ถือวิสาสะเล่นเปียโนของบีโธเฟน
ขณะที่นักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่ของโลกชาวโปแลนด์อย่าง เพเดเรฟสกี้ มีความสุภาพเกินกว่าที่จะเล่นเพลงของบีโธเฟนด้วยเปียโนตัวเดียวกัน
พระวาจาของพระเจ้าในอาทิตย์นี้พูดถึงเรื่อง
“ความสุภาพถ่อมตน” หนังสือบุตรสิราสอนเราให้ทำทุกสิ่งด้วยความสุภาพถ่อมตน
ในพระวรสารพระเยซูเจ้าทรงสอนเราให้เลือกนั่งในที่สุดท้ายในงานเลี้ยง
แล้วเราจะได้รับเกียรติ และกระทำดีหรือช่วยเหลือคนที่ไม่สามารถตอบแทนเราได้
แล้วเราจะได้รับตอบแทนจากพระเจ้าผู้ชอบธรรม คนที่มีความสุภาพถ่อมตน
ย่อมเป็นที่รักของพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์
ความสุภาพจึงเป็นเหมือนกับความมืดที่เผยแสดงให้เห็นแสงแห่งสวรรค์
1.
พระเยซูเจ้า
แบบอย่างของความสุภาพ
หนังสือบุตรสิราสอนเรา ให้ทำทุกสิ่งด้วยความสุภาพถ่อมตน
ยิ่งเป็นคนใหญ่โตมากเท่าใด ยิ่งต้องถ่อมตนลงมากเท่านั้น
เพื่อว่าเราจะได้เป็นที่รักและโปรดปรานของพระเจ้า ทั้งนี้ก็เพราะว่า
พระเจ้าทรงได้รับเกียรติจากคนต่ำต้อย มิใช่จากคนเย่อหยิ่งทะนงตน นักบุญเอากุสตินจึงกล่าวว่า
“ท่อธารแห่งพระหรรษทานของพระเจ้าจะไม่ไหลผ่านภูเขาแห่งความหยิ่งทะนง แต่ไหลผ่านหุบเหวแห่งความถ่อมตน”
เนื่องจากคนที่มีใจสุภาพย่อมเปิดใจของตนต่อพระเจ้า
คนที่ถ่อมตนจะไม่ขัดสู้คนที่ทำร้ายเขา แต่หันแก้มอีกข้างให้ พระเยซูเจ้าคือแบบอย่างแห่งความสุภาพของคริสตชน
เพราะเมื่อพระองค์ถูกประจานพระองค์ไม่ได้โต้ตอบ
เมื่อพระองค์ถูกทรมานโดยปราศจากความผิดพระองค์มิได้ข่มขู่หรือแก้แค้น
แต่เป็นต้นแบบของความสุภาพถ่อมตน “จงเลียนแบบอย่างจากเราเพราะเรามีใจสุภาพอ่อนโยนและถ่อมตน”
(มธ 11:29) พระองค์ยังตรัสกับเราว่า “บุตรแห่งมนุษย์มิได้มาเพื่อให้ผู้อื่นรับใช้
แต่มาเพื่อรับใช้ผู้อื่น” (มก 10:45)
ดังนั้น
ความสุภาพสำหรับคริสตชนจึงหมายถึงการเจริญชีวิตตามแบบพระคริสตเจ้า
ไม่ใช่เพื่อตนเองแต่เพื่อคนอื่น ใช้พระพรต่างๆ ที่เราได้รับมา ไม่ใช่เพื่อเกียรติของตนเองแต่เพื่อคนขัดสนและต้องการความช่วยเหลือ
ศิษย์ของพระคริสตเจ้าจะต้องแสดงออกถึงความรักแม้กระทั่งศัตรู
ให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน และไม่คาดหวังว่าเขาจะสำนึกบุญคุณ ดังพระวรสารวันนี้ “เมื่อท่านจัดงานเลี้ยง
จงเชิญคนยากจน คนพิการ คนง่อย คนตาบอด แล้วท่านจะเป็นสุข
เพราะคนเหล่านั้นไม่มีสิ่งใดตอบแทนท่านได้” (ลก 14:13-14)
2.
บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าในวันนี้ได้ให้บทเรียนที่สำคัญสำหรับเราคริสตชนหลายประการ
ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ประการแรก
เราต้องปฏิบัติตนด้วยความสุภาพถ่อมตน
ทั้งนี้เพราะทุกสิ่งที่เรามีล้วนแล้วแต่เป็นของประทานจากพระเจ้า เราแต่ละคนต่างเป็นคนบาปและไม่สมบูรณ์
ไม่มีสิ่งไหนที่คู่ควรแก่การภาคภูมิใจ แต่พระเจ้าทรงเรียกเราให้มีส่วนในการสร้างอาณาจักรของพระองค์
ด้วยพระพรต่างๆ ที่พระองค์ทรงประทานให้ และเลียนแบบอย่างพระคริสตเจ้า ที่ทรงถ่อมพระองค์ลงจนสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน
ประการที่สอง
เราต้องใส่ใจและปฏิบัติต่อผู้ต่ำต้อยด้อยค่าในสังคม พระเยซูเจ้าทรงเชื้อเชิญเราให้ติดต่อสัมพันธ์กับบุคคลที่สังคมรังเกียจ
อาทิ คนยากจน คนถูกทอดทิ้งและผู้ด้อยโอกาส ด้วยการปฏิบัติต่อเขาอย่างดีและช่วยเหลือด้วยความรักดุจพี่น้อง
เพราะบุคคลเหล่านี้คือผู้ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
อีกทั้งไม่สามารถจะตอบแทนเราได้ด้วย ในอีกด้านหนึ่ง เราต้องไม่หยิ่งทะนงตนว่าดีกว่าคนอื่น
หรือมองผู้อื่นอย่างเหยียดหยาม
ประการที่สาม เราต้องสำนึกในความต่ำต้อยของตน
เราได้รับเชิญให้มาร่วมงานเลี้ยงศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์ทุกครั้งที่เรามาร่วมพิธีมิสซาวันอาทิตย์
เราต่างเป็นคนยากจน คนพิการและทุพลภาพฝ่ายจิตใจ แต่พระเยซูเจ้ายังทรงรักและเชื้อเชิญเรา
ให้เราสำนึกในความบาปของตนอย่างนักบุญเปาโลที่เขียนถึงตัวเองว่า “ข้าพเจ้าเป็นคนแรกในบรรดาคนบาปเหล่านี้”
(1
ทม 1:15) หรือนักบุญฟรังซิสอัสซีซี
พูดถึงตัวเองว่า “ไม่มีใครอีกแล้วที่จะน่าเกลียด น่าชิงชัง
และน่าสังเวชเท่าตัวข้าพเจ้า” เพราะเมื่อเปรียบเทียบความดีของเรากับพระเจ้าแล้วไม่มีอะไรที่จะต้องอวดตัว
บทสรุป
พี่น้องที่รัก
พระวรสารวันนี้
พระเยซูเจ้าทรงเรียกร้องผู้ที่ติดตามพระองค์ไม่ให้เลือกที่ที่มีเกียรติในงานเลี้ยง
และให้ปฏิบัติต่อผู้ต่ำต้อยที่ไม่สามารถจะตอบแทนเราได้ เราทราบดีว่าท่าทีเช่นนี้ตรงข้ามกับกระแสของโลกและทำได้ยาก
เพราะเกียรติยศชื่อเสียงคือยอดปรารถนาของมนุษย์ทุกคน แต่พระเยซูเจ้าทรงสอนเราให้ทำในสิ่งที่ตรงข้าม
สำหรับผู้ที่เป็นศิษย์ของพระองค์ เกียรติไม่ได้อยู่ที่ตำแหน่งแต่อยู่ที่ “การรับใช้”
ดำเนินชีวิตโดยไม่คิดถึงตนเองและปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความรัก ตามแบบอย่างของพระคริสตเจ้า
มีคำกล่าวว่า
“พระเจ้ามีสองพระบัลลังก์ คือแห่งหนึ่งในสวรรค์ชั้นสูงสุด
อีกแห่งคือในหัวใจที่ต่ำต้อยที่สุด” (D. L. Moody) เพราะเยซูเจ้าได้แสดงให้เห็นว่า
เฉพาะผู้ที่มีใจสุภาพเท่านั้นที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงแห่งสวรรค์
บางคนถึงกับกล่าวว่า “ประตูสวรรค์นั้นเตี้ยมาก
ไม่มีใครเข้าไปได้เว้นแต่จะได้คุกเข่าเข้าไปเท่านั้น” ดังนั้น เราจึงต้องมีหัวใจที่สุภาพอย่างแท้จริง
ตระหนักว่าตนเองเป็นคนเล็กน้อย และดำเนินชีวิตเลียนแบบอย่างพระองค์
ผู้เป็นต้นแบบแห่งความสุภาพของเรา
คุณพ่อขวัญ
ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
โรงเรียนเซนต์ยอแซฟกุฉินารายณ์
30 สิงหาคม 2013
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น