วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2556

พระเยซูเจ้า แบบอย่างของความสุภาพ


พระเยซูเจ้า แบบอย่างของความสุภาพ
วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา
ปี C
บสร 3:17-19, 27-29
ฮบ 12:18-19, 22-24
ลก 14:1, 7-14
บทนำ
มีนักท่องเที่ยวชาวอเมริกันกลุ่มหนึ่งเดินทางไปประเทศเยอรมันเพื่อชมห้องที่บีโธเฟน (Ludwig van Beethoven: 1770-1827) นักดนตรีเอกของโลกชาวเยอรมัน เคยอยู่และทำงาน รวมถึงเปียโนตัวที่ใช้ประพันธ์เพลง “มูนไลท์ โซนาต้า” (Moonlight Sonata) เด็กสาวคนหนึ่งในหมู่นักท่องเที่ยวได้นั่งลงที่เปียโนและเล่นท่อนหนึ่งของเพลงโซนาต้า เมื่อเธอเล่นจบได้พูดกับมัคคุเทศก์ว่า “ดิฉันเข้าใจว่านักดนตรีที่มีชื่อเสียงของโลกคงมาเยี่ยมชมที่นี่ทุกปี” มักคุเทศก์ตอบว่า “ใช่ ท่านเพเดเรฟสกี้ (Ignacy Jan Paderewski: 1860-1941) เพิ่งมาเยี่ยมที่นี่เมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง”
เด็กสาวรู้สึกภาคภูมิใจและพูดอย่างมั่นใจว่า “ดิฉันแน่ใจว่าเขาต้องทำเหมือนที่ดิฉันทำ คือนั่งลงตรงเปียโนตัวนี้และเล่นเพลงโซนาต้า ใช่ไหมค่ะ” แต่มัคคุเทศก์ตอบว่า เปล่าเลยครับคุณผู้หญิง เขาไม่ได้ทำอย่างนั้น ทั้งๆ ที่ทุกคนขอร้องให้เขาเล่น แต่เขาบอกว่า ‘ไม่ได้ ผมไม่คู่ควรที่จะทำเช่นนั้น’ เด็กสาวคนนั้นรู้สึกละอายที่ตนได้ถือวิสาสะเล่นเปียโนของบีโธเฟน ขณะที่นักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่ของโลกชาวโปแลนด์อย่าง เพเดเรฟสกี้ มีความสุภาพเกินกว่าที่จะเล่นเพลงของบีโธเฟนด้วยเปียโนตัวเดียวกัน
พระวาจาของพระเจ้าในอาทิตย์นี้พูดถึงเรื่อง “ความสุภาพถ่อมตน” หนังสือบุตรสิราสอนเราให้ทำทุกสิ่งด้วยความสุภาพถ่อมตน ในพระวรสารพระเยซูเจ้าทรงสอนเราให้เลือกนั่งในที่สุดท้ายในงานเลี้ยง แล้วเราจะได้รับเกียรติ และกระทำดีหรือช่วยเหลือคนที่ไม่สามารถตอบแทนเราได้ แล้วเราจะได้รับตอบแทนจากพระเจ้าผู้ชอบธรรม คนที่มีความสุภาพถ่อมตน ย่อมเป็นที่รักของพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ ความสุภาพจึงเป็นเหมือนกับความมืดที่เผยแสดงให้เห็นแสงแห่งสวรรค์
1.         พระเยซูเจ้า แบบอย่างของความสุภาพ
หนังสือบุตรสิราสอนเรา ให้ทำทุกสิ่งด้วยความสุภาพถ่อมตน ยิ่งเป็นคนใหญ่โตมากเท่าใด ยิ่งต้องถ่อมตนลงมากเท่านั้น เพื่อว่าเราจะได้เป็นที่รักและโปรดปรานของพระเจ้า ทั้งนี้ก็เพราะว่า พระเจ้าทรงได้รับเกียรติจากคนต่ำต้อย มิใช่จากคนเย่อหยิ่งทะนงตน นักบุญเอากุสตินจึงกล่าวว่า “ท่อธารแห่งพระหรรษทานของพระเจ้าจะไม่ไหลผ่านภูเขาแห่งความหยิ่งทะนง แต่ไหลผ่านหุบเหวแห่งความถ่อมตน” เนื่องจากคนที่มีใจสุภาพย่อมเปิดใจของตนต่อพระเจ้า
คนที่ถ่อมตนจะไม่ขัดสู้คนที่ทำร้ายเขา แต่หันแก้มอีกข้างให้  พระเยซูเจ้าคือแบบอย่างแห่งความสุภาพของคริสตชน เพราะเมื่อพระองค์ถูกประจานพระองค์ไม่ได้โต้ตอบ เมื่อพระองค์ถูกทรมานโดยปราศจากความผิดพระองค์มิได้ข่มขู่หรือแก้แค้น แต่เป็นต้นแบบของความสุภาพถ่อมตน “จงเลียนแบบอย่างจากเราเพราะเรามีใจสุภาพอ่อนโยนและถ่อมตน” (มธ 11:29) พระองค์ยังตรัสกับเราว่า “บุตรแห่งมนุษย์มิได้มาเพื่อให้ผู้อื่นรับใช้ แต่มาเพื่อรับใช้ผู้อื่น” (มก 10:45)
ดังนั้น ความสุภาพสำหรับคริสตชนจึงหมายถึงการเจริญชีวิตตามแบบพระคริสตเจ้า ไม่ใช่เพื่อตนเองแต่เพื่อคนอื่น ใช้พระพรต่างๆ ที่เราได้รับมา ไม่ใช่เพื่อเกียรติของตนเองแต่เพื่อคนขัดสนและต้องการความช่วยเหลือ ศิษย์ของพระคริสตเจ้าจะต้องแสดงออกถึงความรักแม้กระทั่งศัตรู ให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน และไม่คาดหวังว่าเขาจะสำนึกบุญคุณ ดังพระวรสารวันนี้ “เมื่อท่านจัดงานเลี้ยง จงเชิญคนยากจน คนพิการ คนง่อย คนตาบอด แล้วท่านจะเป็นสุข เพราะคนเหล่านั้นไม่มีสิ่งใดตอบแทนท่านได้” (ลก 14:13-14)
2.         บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าในวันนี้ได้ให้บทเรียนที่สำคัญสำหรับเราคริสตชนหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ประการแรก เราต้องปฏิบัติตนด้วยความสุภาพถ่อมตน ทั้งนี้เพราะทุกสิ่งที่เรามีล้วนแล้วแต่เป็นของประทานจากพระเจ้า เราแต่ละคนต่างเป็นคนบาปและไม่สมบูรณ์ ไม่มีสิ่งไหนที่คู่ควรแก่การภาคภูมิใจ แต่พระเจ้าทรงเรียกเราให้มีส่วนในการสร้างอาณาจักรของพระองค์ ด้วยพระพรต่างๆ ที่พระองค์ทรงประทานให้ และเลียนแบบอย่างพระคริสตเจ้า ที่ทรงถ่อมพระองค์ลงจนสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน
ประการที่สอง เราต้องใส่ใจและปฏิบัติต่อผู้ต่ำต้อยด้อยค่าในสังคม พระเยซูเจ้าทรงเชื้อเชิญเราให้ติดต่อสัมพันธ์กับบุคคลที่สังคมรังเกียจ อาทิ คนยากจน คนถูกทอดทิ้งและผู้ด้อยโอกาส ด้วยการปฏิบัติต่อเขาอย่างดีและช่วยเหลือด้วยความรักดุจพี่น้อง เพราะบุคคลเหล่านี้คือผู้ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ อีกทั้งไม่สามารถจะตอบแทนเราได้ด้วย ในอีกด้านหนึ่ง เราต้องไม่หยิ่งทะนงตนว่าดีกว่าคนอื่น หรือมองผู้อื่นอย่างเหยียดหยาม
ประการที่สาม เราต้องสำนึกในความต่ำต้อยของตน เราได้รับเชิญให้มาร่วมงานเลี้ยงศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์ทุกครั้งที่เรามาร่วมพิธีมิสซาวันอาทิตย์ เราต่างเป็นคนยากจน คนพิการและทุพลภาพฝ่ายจิตใจ แต่พระเยซูเจ้ายังทรงรักและเชื้อเชิญเรา ให้เราสำนึกในความบาปของตนอย่างนักบุญเปาโลที่เขียนถึงตัวเองว่า “ข้าพเจ้าเป็นคนแรกในบรรดาคนบาปเหล่านี้” (1 ทม 1:15) หรือนักบุญฟรังซิสอัสซีซี พูดถึงตัวเองว่า “ไม่มีใครอีกแล้วที่จะน่าเกลียด น่าชิงชัง และน่าสังเวชเท่าตัวข้าพเจ้า” เพราะเมื่อเปรียบเทียบความดีของเรากับพระเจ้าแล้วไม่มีอะไรที่จะต้องอวดตัว
บทสรุป
พี่น้องที่รัก พระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าทรงเรียกร้องผู้ที่ติดตามพระองค์ไม่ให้เลือกที่ที่มีเกียรติในงานเลี้ยง และให้ปฏิบัติต่อผู้ต่ำต้อยที่ไม่สามารถจะตอบแทนเราได้ เราทราบดีว่าท่าทีเช่นนี้ตรงข้ามกับกระแสของโลกและทำได้ยาก เพราะเกียรติยศชื่อเสียงคือยอดปรารถนาของมนุษย์ทุกคน แต่พระเยซูเจ้าทรงสอนเราให้ทำในสิ่งที่ตรงข้าม สำหรับผู้ที่เป็นศิษย์ของพระองค์ เกียรติไม่ได้อยู่ที่ตำแหน่งแต่อยู่ที่ “การรับใช้” ดำเนินชีวิตโดยไม่คิดถึงตนเองและปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความรัก ตามแบบอย่างของพระคริสตเจ้า
มีคำกล่าวว่า “พระเจ้ามีสองพระบัลลังก์ คือแห่งหนึ่งในสวรรค์ชั้นสูงสุด อีกแห่งคือในหัวใจที่ต่ำต้อยที่สุด” (D. L. Moody) เพราะเยซูเจ้าได้แสดงให้เห็นว่า เฉพาะผู้ที่มีใจสุภาพเท่านั้นที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงแห่งสวรรค์ บางคนถึงกับกล่าวว่า “ประตูสวรรค์นั้นเตี้ยมาก ไม่มีใครเข้าไปได้เว้นแต่จะได้คุกเข่าเข้าไปเท่านั้น” ดังนั้น เราจึงต้องมีหัวใจที่สุภาพอย่างแท้จริง ตระหนักว่าตนเองเป็นคนเล็กน้อย และดำเนินชีวิตเลียนแบบอย่างพระองค์ ผู้เป็นต้นแบบแห่งความสุภาพของเรา
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
โรงเรียนเซนต์ยอแซฟกุฉินารายณ์
30 สิงหาคม 2013

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น