วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2556

จะเอาตัวรอดได้อย่างไร


จะเอาตัวรอดได้อย่างไร

วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 21 เทศกาลธรรมดา
ปี C
อสย 66:18-21
ฮบ 12:5-7
ลก 13:22-30

บทนำ

พระอัครสังฆราชฟูลตัน ชีน (Archbishop Fulton J. Sheen: 1895-1979) ชาวอเมริกันซึ่งมีชื่อเสียงในการเทศน์สอนทางโทรทัศน์เล่าว่า เมื่อเราอยู่ในสวรรค์กับพระเจ้า เราจะพบเรื่องที่ทำให้เราประหลาดใจอยู่ 3 เรื่อง เรื่องแรก เราจะประหลาดใจที่พบคนที่เราคาดหวังว่าอยู่ในสวรรค์แน่ๆ แต่หาเขาไม่เจอในสวรรค์ นักบุญยอห์นแห่งไม้กางเขนได้ให้เหตุผลว่าทำไมพวกนี้จึงไม่ได้อยู่ในสวรรค์ “ในวาระสุดท้ายแห่งชีวิตของเรา เราจะถูกพิพากษาว่าเราได้รักอย่างไร”

เรื่องที่สอง เราจะประหลาดใจที่พบคนที่เราไม่คาดคิดว่าจะอยู่ในสวรรค์ (เขาต้องอยู่ในนรกตามความคิดของเรา) แต่เราพบเขาอยู่ในสวรรค์ ทั้งนี้เพราะพระเจ้ามิได้ตัดสินตามมาตรฐานของมนุษย์ พระองค์มองดูที่เจตนาและประทานรางวัลตามความยุติธรรม และเรื่องที่สาม เราจะประหลาดใจที่พบว่าตัวเราเองอยู่ในสวรรค์ ทั้งๆ ที่เราเป็นคนบาป เหตุผลเพราะพระเจ้าทรงประสงค์ให้ทุกคนได้อยู่กับพระองค์ในสวรรค์

ในพระวรสารวันนี้พระเยซูเจ้าทรงให้คำตอบและเตือนสติชาวยิวและพวกเราแต่ละคนว่า “จะรอดได้อย่างไร” พวกเราจะถูกปฏิเสธหากไม่กลับใจเปลี่ยนแปลงวิถีดำเนินชีวิต จะมีผู้คนจากทุกสารทิศเข้ามาในอาณาจักรของพระเจ้า ดังนั้น เราควรตระหนักว่าการเป็นคริสตชนหรือการได้รับศีลล้างบาป ไม่ใช่หลักประกันของการเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์ นอกเสียจากว่า เราจะดำเนินชีวิตตามคุณค่าพระวรสารที่พระเยซูเจ้าทรงสอน และเลียนแบบอย่างของพระองค์

1.     จะเอาตัวรอดได้อย่างไร

ในพระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าตรัสเกี่ยวกับประตูแคบเพื่อตอบคำถามที่ว่า “มีคนน้อยคนใช่ไหมที่รอดพ้นได้” ผู้ที่พยายามติดตามพระองค์เข้าทางประตูแคบ ในการรับใช้อย่างเสียสละและแบ่งปันความรักกับผู้อื่น จะได้ร่วมงานเลี้ยงนิรันดร์กับพระบิดาเจ้า ในขณะที่ผู้ไม่ดำเนินชีวิตตามความเชื่ออยู่ข้างนอก ซึ่งได้แก่ คริสตชนที่ใจเย็นเฉย พวกเขารู้จักเจ้าของบ้านเป็นอย่างดี เคยกินดื่มด้วยกันและคิดว่าตนเองจะได้รับสิทธิพิเศษ แต่เวลานี้พวกเขาถูกทิ้งไว้ข้างนอก ไม่สามารถเข้าไปในบ้านได้

เป้าหมายแห่งชีวิตคริสตชนคือ การอยู่กับพระคริสตเจ้าทุกเวลาและตลอดนิรันดร ทำไมเราถึงมาวัด คำตอบคงมากกว่าการมาร่วมพิธีมิสซาตามธรรมเนียมที่เราถือปฏิบัติ เรามาที่นี่เพราะต้องการอยู่กับพระเจ้าและเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ ไม่ใช่เพียงแค่ชั่วโมงเดียวในหนึ่งอาทิตย์ที่วัด แต่เราจะต้องนำพระองค์กลับออกไปพร้อมกับเราในชีวิตจริงที่บ้าน ในสังคมและในที่ต่างๆ ที่เราจะไป เพื่อเราจะได้อยู่กับพระองค์ตลอดเวลาและพบพระองค์ในบุคคลต่างๆ ที่เราพบเห็น

ทุกวันนี้ คริสตชนถูกท้าทายด้วยกระแสและค่านิยมของโลกหลายรูปแบบ โดยเฉพาะค่านิยมที่ว่า “คนอื่นก็ทำอย่างนี้กันทั้งนั้น” เช่น คดโกง เอารัดเอาเปรียบ หรือประพฤติผิดศีลธรรมต่างๆ หากเราทำบ้างคงไม่เป็นไร เพราะคนส่วนใหญ่ต่างก็ทำกัน เป็นการง่ายที่จะเข้าทางประตูกว้างหรือทำอย่างที่คนส่วนใหญ่ทำกัน แต่การเดินสวนกระแสย่อมยากกว่าเสมอ แต่นี่คือการเดินทางสู่ความศักดิ์สิทธิ์ เป็นการเข้าทางประตูแคบ เพื่อจะได้มีชีวิตที่สนิทความสัมพันธ์กับพระเจ้า และร่วมส่วนในงานเลี้ยงนิรันดร์กับพระองค์

2.     บทเรียนสำหรับเรา

พระวาจาของพระเจ้าในวันนี้ได้ให้บทเรียนที่สำคัญสำหรับเราคริสตชน ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันหลายประการ

ประการแรก เราต้องละทิ้งหนทางแห่งบาป พระเจ้าทรงให้อิสระแก่เราว่าจะเดินทางสายไหนและเลือกเข้าทางประตูแบบไหน พระเยซูเจ้าตรัสกับเราชัดเจน “ถ้าผู้ใดอยากติดตามเราก็จงเลิกนึกถึงตนเอง จงแบกไม้กางเขนของตนทุกวันและติดตามเรา” (ลก 9:23) นั่นคือการปฏิเสธตนเองและละทิ้งหนทางแห่งบาปที่นักบุญเปาโลจำแนกเป็น “การผิดประเวณี ความลามก การปล่อยตัวตามราคะตัณหา การกราบไว้รูปเคารพ การใช้เวทมนตร์คาถา การเป็นศัตรูกัน การทะเลาะวิวาท ความอิจฉาริษยา ความโกรธเคือง การแก่งแย่งชิงดี การแตกแยก การแบ่งพรรคแบ่งพวก...”  (กท 5:19-21)

ประการที่สอง เราต้องเลือกเดินในหนทางที่ถูกต้องชอบธรรม นักบุญเปาโลได้พูดถึงกิจการดีที่หมายถึง “ทางแคบ” หรือ “ประตูแคบ” ที่เราจะต้องเลือก ซึ่งเป็นผลงานของพระจิตเจ้านั่นคือ “ความรัก ความชื่นชม ความสงบ ความอดทน ความเมตตา ความใจดี ความซื่อสัตย์ ความอ่อนโยนและความรู้จักควบคุมตนเอง” (กท 5:22-23) ในอีกด้านหนึ่ง ทางแคบหรือประตูแคบยังหมายถึง การดำเนินชีวิตประจำวันในความสัมพันธ์กับพระเจ้าและผู้อื่น

ประการที่สาม เราต้องประเมินและพิจารณาตนเองทุกวัน คำอุปมาเรื่องประตูที่ปิดอยู่เตือนเราว่าเวลานั้นสั้น แต่ละวันจะผ่านไปและโอกาสจะไม่กลับมาอีก เราได้ตอบรับโอกาสในการเป็นพยานถึงพระนามของพระเยซูเจ้าอย่างไร ในการให้อภัย การแบ่งปันอาหาร เสื้อผ้าและความรักแก่ผู้ที่เข้ามาในชีวิตเราในแต่ละวัน เราได้พยายามที่จะเข้าทางประตูแคบมากน้อยแค่ไหน ในการไม่ยึดตนเองเป็นศูนย์กลาง แต่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงตนเองเพื่อเป็นเครื่องหมายแห่งพระพรและความรักของพระเจ้า

บทสรุป

พี่น้องที่รัก พระเจ้าทรงประสงค์ให้มนุษย์ทุกคนได้รอดและอยู่กับพระองค์อย่างมีความสุขตลอดไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับเราแต่ละคน พระเจ้าทรงให้อิสระกับเราที่จะเลือกหรือปฏิเสธ (ความรอด) ดังนั้น ความรอดจึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับพระเจ้าเท่านั้น แต่ขึ้นกับเราและเป็นหน้าที่ของเราด้วย เราจะต้องทำส่วนของเราให้ดีที่สุดขณะที่ยังมีเวลาและชีวิตอยู่ หากเราซื่อสัตย์ต่อหน้าที่คริสตชนและดำเนินชีวิตตามแผนการและพระประสงค์ของพระเจ้า เป็นต้น ในความรักต่อกัน ความยินดีในสวรรค์จะเป็นของเรา

แน่นอนว่าไม่มีทางลัดสำหรับการไปสวรรค์ “อาณาจักรสวรรค์ต้องการความอดทนและความพยายาม ผู้ที่ใช้ความอดทนและความพยายามเท่านั้น จึงจะเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์ได้” (มธ 11:12) ความยากลำบากต่างๆ ในชีวิตคือการตีสอนของพระเจ้า อย่างที่จดหมายถึงชาวฮีบรูบอกเราในวันนี้ นักบุญเปาโล เป็นตัวอย่างสำหรับเราในเรื่องนี้ “ข้าพเจ้าต่อสู้มาอย่างดีแล้ว ข้าพเจ้าวิ่งมาถึงเส้นชัยแล้ว ข้าพเจ้ารักษาความเชื่อไว้แล้ว” (2 ทม 4:7) ดังนั้น เราจึงไม่ควรท้อถอยในการทำความดีและและทำหน้าที่คริสตชน

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
โรงเรียนเซนต์ยอแซฟกุฉินารายณ์
23 สิงหาคม 2013

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น