วันศุกร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

อคติและความใจแคบ


อคติและความใจแคบ

วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลธรรมดา
ปี C
ยรม 1:4-5, 17, 18-19
1 คร 12:31-13:13
ลก 4:21-30

บทนำ

เล่ากันว่า พระสังฆราชพื้นเมืององค์แรกของประเทศไนจีเรีย ได้เดินทางกลับบ้านเกิดเพื่อรับการต้อนรับจากประชาชน ภายหลังที่ได้รับการอภิเษกเป็นพระสังฆราช เวลานั้นชาวไนจีเรียยังขาดการศึกษา มีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับความเชื่อคริสตชนและอำนาจของพระสังฆราช พวกเขาได้มารวมตัวกันเพื่อต้อนรับพระสังฆราชใหม่อย่างยิ่งใหญ่

ในการกล่าวต้อนรับประชาชนได้แสดงให้เห็นถึงความสุขและความชื่นชมยินดี ที่คนหนึ่งในบรรดาลูกหลานของพวกเขาได้รับตำแหน่งสูง สามารถติดต่อกับพระเจ้าได้โดยตรง (มีอำนาจในการต่อรองกับพระเจ้าได้) พวกเขาสัญญากับพระสังฆราชใหม่ว่า พวกเขาจะถือปฏิบัติตามคำสอนของคริสตศาสนาตลอดไป หากพระสังฆราชได้ใช้อำนาจยกเลิกบทบัญญัติข้อหนึ่งในสิบประการสำหรับพวกเขา

ก่อนที่พวกเขาจะบอกว่าบทบัญญัติข้อใดที่พวกเขาต้องการให้ยกเลิก พระสังฆราชหนุ่มได้กล่าวตัดบทว่า “บทบัญญัติสิบประการเป็นบัญญัติของพระเจ้า ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้” ผู้ที่มาร่วมต้อนรับต่างรู้สึกผิดหวังและแสดงออกอย่างเย็นชากับพระสังฆราชของตน จนพระสังฆราชต้องรีบเดินทางออกจากบ้านเกิดของตน ในพระวรสารวันนี้เราจะได้ยินประสบการณ์ในลักษณะเดียวกันของพระเยซูเจ้า กับชาวเมืองนาซาเร็ธบ้านเกิดของพระองค์

1.           อคติและความใจแคบ

พระวรสารของวันนี้กล่าวถึงเรื่องราวของพระเยซูเจ้า กับสถานการณ์ที่ตึงเครียดในศาลาธรรมเมืองนาซาเร็ธ สถานที่ซึ่งพระองค์เคยเจริญวัย ชาวนาซาเร็ธไม่ต้อนรับพระองค์และปฏิเสธที่จะฟังพระองค์ ทั้งนี้เพราะอคติและจิตใจที่คับแคบของพวกเขา ที่คิดว่าพระองค์เป็นแค่ลูกของช่างไม้ยากจนที่ชื่อโยเซฟ และมีแม่ชื่อมารีย์หญิงชาวบ้านที่ไม่มีอะไร แล้วพระองค์ได้ปรีชาญาณนี้มาจากไหน พวกเขาอยากให้พระองค์แสดง (อัศจรรย์) ให้พวกเขาได้เห็นว่าพระองค์เป็นพระผู้ไถ่ที่แท้จริง

พระเยซูเจ้ารู้ถึงความต้องการของพวกเขาจึงตรัสว่า ไม่มีประกาศกคนใดได้รับการต้อนรับอย่างดีในบ้านเมืองของตน” (ลก 4:24) นี่คือความจริงที่ทิ่มแทงใจดำพวกเขา พระองค์ยังอ้างถึงเหตุการณ์การอดอยากครั้งใหญ่สมัยประกาศกเอลียาห์ มีหญิงม่ายมากมายในกาลิลีแต่มีเพียงหญิงม่ายที่เมืองเศราฟัทที่ได้รับการช่วยเหลือ และสมัยประกาศกเอลีชามีคนโรคเรื้อนมากมายในอิสราแอล แต่มีเพียงนาอามานชาวซีเรียที่ได้รับการรักษา ถือเป็นการยกย่องคุณธรรมของคนต่างศาสนาเหนือกว่าชาวยิว ชนชาติที่พระเจ้าทรงเลือกสรร ทำให้พวกเขาโกรธมากถึงขนาดหาช่องทางจะฆ่าพระองค์

พระดำรัสของพระเยซูเจ้าแสดงให้ชาวนาซาเร็ธเห็นว่า พวกเขาไม่ต่างจากบรรพบุรุษของพวกเขาที่ไม่เชื่อจึงไม่มีอัศจรรย์ใดๆ เกิดขึ้น ตรงข้าม พระเจ้าได้ทำอัศจรรย์กับคนต่างศาสนาที่เชื่อในพระองค์ พระเยซูเจ้าเป็นเหมือนประกาศกในอดีตที่กล้าพูดความจริงกับคนที่กำลังเกรี้ยวกราดและไม่ต้องการฟังพระองค์ และทรงยกย่องความเชื่อของคนต่างศาสนา การปฏิเสธของชาวนาซาเร็ธเป็นภาพล่วงหน้าถึง การต่อต้านและการปฏิเสธที่พระองค์จะได้รับในเวลาต่อมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนไม้กางเขน

2.           บทเรียนสำหรับเรา

พระวรสารวันนี้ ได้ให้บทเรียนที่สำคัญสำหรับเราคริสตชน ในการดำเนินชีวิตประจำวันหลายประการ

ประการแรก เราต้องเผชิญหน้ากับการถูกปฏิเสธด้วยความกล้าหาญและมองโลกในแง่ดี เรื่องราวการไม่ได้รับการยอมรับของพระเยซูเจ้า คือความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของเรา แต่ละคนมีประสบการณ์ความเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธ การทรยศหักหลัง การอย่าร้าง การไม่เชื่อฟัง การถูกทอดทิ้ง ฯลฯ ให้เรามองดูในอีกด้านหนึ่ง เราอาจไม่ได้เป็นตัวแทนที่ดีของพระเจ้า หรือบ่อยครั้งเราอาจมองไม่เห็นพระเจ้าในตัวบุคคลอื่น เพราะอคติและความใจแคบของเรา ทำให้มองไม่เห็นด้านดีของผู้อื่นหรือสิ่งอื่น

ประการที่สอง เราต้องดำเนินชีวิตในความรัก เราต้องไม่ทำตัวเหมือนชาวเมืองนาซาเร็ธที่เต็มไปด้วยอคติ จิตใจคับแคบและปฏิเสธพระเยซูเจ้า แต่ต้องเป็นพยานถึงพระเยซูเจ้าทั้งด้วยคำพูดและการกระทำ ในความรักที่อดทน มีเมตตา ไม่อิจฉา ไม่อวดตัว ไม่จองหอง ไม่หยาบคาย ไม่เห็นแก่ตัว ไม่ฉุนเฉียว ไม่จดจำความผิด ตามที่นักบุญเปาโลพูดถึง  เพื่อเราจะสามารถมองเห็นการประทับอยู่ของพระคริสตเจ้าในบุคคลต่างๆ  ที่เราพบเห็น

ประการที่สาม เราต้องกล้าหาญในการทำหน้าที่ประกาศก ประกาศกมิใช่คนที่ทำนายอนาคต แต่เป็นผู้ที่พูดในนามของพระเจ้า ผ่านทางศีลล้างบาปเราได้รับการเรียกให้เป็นประกาศกเหมือนพระเยซูเจ้า ที่จะต้องพูดและดำเนินชีวิตในความจริงของพระเจ้า กล้าหาญที่จะยืนยันถึงความจริงและความถูกต้องโดยไม่เกรงกลัวสิ่งใด และพร้อมที่จะต่อสู้กับความอยุติธรรม การทุจริตคอร์รับชัน การค้ามนุษย์และสิ่งเสพติดที่ครอบงำสังคมและตัวเราในปัจจุบัน

บทสรุป

พี่น้องที่รัก พระวรสารวันนี้สอนเราให้ปฏิบัติตนต่อผู้อื่นด้วยใจกว้าง บนพื้นฐานแห่งความรักที่อดทน มีเมตตา ไม่อิจฉา ไม่อวดตัว ไม่จดจำความผิด มองเห็นความดีของกันและกันโดยปราศจากอคติ เฉพาะอย่างยิ่งในสังคมไทยปัจจุบันที่มีความแตกแยกรุนแรง มีการแบ่งสีเลือกข้าง ความรักของพระเจ้าไม่เคยแบ่งแยกหรือเลือกที่รักมักที่ชัง ไม่มียิวหรือกรีก ไม่มีทาสหรือไท แต่ทุกคนเป็นพี่น้องกัน เป็นบุตรของพระบิดาเจ้าองค์เดียวกัน

ความรักเป็นคุณธรรมที่ครบครันและสำคัญที่สุด นักบุญฟรังซิส เดอ ซาลส์ กล่าวว่า “ทุกอย่างที่ท่านทำสำเร็จได้ในความรัก” ชีวิตคริสตชนของเราจะมั่นคงหรือล้มเหลวขึ้นอยู่กับความรักที่เราแสดงออกในงานหน้าที่ของเรา ความรักจึงเป็นเครื่องวัดคุณภาพชีวิตคริสตชน ที่ค้ำจุนเราให้มีความกล้าหาญ อดทนและพร้อมจะเผชิญกับการท้าทายในลักษณะต่างๆ ดังนั้น ให้เราได้ดำเนินชีวิตในความรักและเป็นพยานถึงความรักของพระเจ้าในชีวิตประจำวันของเรา

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
31 มกราคม 2013

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น