วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

การผจญในชีวิตประจำวัน


การผจญในชีวิตประจำวัน

วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลมหาพรต
ปี C
ฉธบ 20:4-10
รม 10:8-13
ลก 4:1-13

บทนำ

ชายหนุ่มคนหนึ่งได้รับการเสนอจากบริษัทที่เขาทำงานอยู่ ให้ไปทำงานดูแลโรงงานที่เปิดใหม่ในต่างประเทศ เขารับเงื่อนไขทันทีเพราะเห็นว่าได้ค่าตอบแทนสูง มากพอสำหรับการเริ่มต้นครอบครัวใหม่กับหญิงสาวคนรักที่เขารอคอยมาเป็นเวลานาน ทั้งสองวางแผนที่จะปลูกเรือนหอ มีกิจการเป็นของตนเองและแต่งงานกันเมื่อเขากลับมา ช่วงเวลาที่ห่างกันทำให้หญิงคนรักชักไม่แน่ใจในตัวชายหนุ่มว่าจะยังมั่นคงในรักที่มีต่อเธอหรือเปล่า เธอจึงส่งข้อความไปหาเพื่อชั่งใจเขา และเขาได้ส่งข้อความกลับมายืนยันให้รู้ว่า “ยังรักและคิดถึงเธอเสมอ แม้จะมีผู้หญิงอื่นมาชอบพอบ้าง แต่ผมพยามต่อสู้เอาชนะ เพื่อความรักของเรา”

ครั้นต่อมาหญิงสาวได้ส่งพัสดุที่บรรจุเม้าออร์แกนไปให้ชายคนรัก พร้อมกับข้อความที่เขียนว่า “ฉันส่งสิ่งนี้มาให้คุณ เพื่อคุณจะได้เป่ามันและตัดใจจากหญิงอื่น ยามที่ต้องอยู่ตามลำพัง” ชายหนุ่มส่งข้อความตอบกลับมาว่า “ผมจะฝึกเป่ามันทุกคืนและคิดถึงคุณคนเดียว” เวลาผ่านไปหลายปีจนกระทั่งครบกำหนดที่ชายหนุ่มจะกลับบ้าน ในวันเดินทางกลับหญิงสาวได้มารอรับชายคนรักที่สนามบิน เขาโผเข้าสวมกอดหญิงคนรัก แต่เธอทำมือห้ามไว้และขอให้เขาเป่าเม้าออร์แกนให้เธอฟังก่อน เพื่อพิสูจน์ว่าเขาตัดใจจากหญิงอื่น ฝึกเป่าเม้าออร์แกนชนชำนาญอย่างที่ส่งข้อความบอกเธอ

ทุกปีในเทศกาลมหาพรต เราเริ่มต้นสัปดาห์แรกด้วยเรื่องการผจญของพระเยซูเจ้าในถิ่นทุรกันดาร เพื่อช่วยเราได้หยุด ฉุกคิดและมองดูภายในจิตใจของเราว่า มีความปรารถนาใดบ้างที่เรารู้ว่าเป็นสิ่งผิดและเป็นสาเหตุที่นำไปสู่บาป เช่น ความโกรธ ความอิจฉาริษยา ความต้องการฝ่ายเนื้อหนังซึ่งมีอยู่ในตัวเราแต่ละคน การผจญจึงถือเป็นเงื่อนไขหนึ่งของความเป็นมนุษย์ และเป็นเครื่องพิสูจน์ความมั่นคงเข็มแข็งของเราในความรักที่มีต่อพระเจ้า เช่นเดียวกับชายหนุ่มที่พยายามเอาชนะการผจญทุกอย่าง เพื่อพิสูจน์รักแท้ที่มีต่อหญิงคนรัก

1.           การผจญในชีวิตประจำวัน

เวลาที่เราเผชิญกับการผจญ มิได้หมายความว่าเราเป็นคนเลว หรือเราเป็นคนบาปเมื่อเรามีความโน้มเอียงในทางไม่ดี จะเป็นบาปก็ต่อเมื่อเรายอมแพ้ต่อการผจญ พระวรสารวันนี้นักบุญลูกาได้เล่าถึงการผจญ 3 อย่างที่ปีศาจได้ทดลองพระเยซูเจ้าในถิ่นทุรกันดาร ซึ่งเกิดขึ้นทันทีหลังจากได้รับพิธีล้างจากยอห์นผู้ประกอบพิธีล้าง เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงการผจญที่พระศาสนจักรสมัยแรกได้รับ

การผจญแรก การเปลี่ยนหินให้เป็นขนมปัง เป็นความต้องการฝ่ายร่างกาย เริ่มจากปีศาจทำให้พระเยซูเจ้าเกิดความสงสัยในความเป็นพระเจ้าของพระองค์ “ถ้าท่านเป็นบุตรพระเจ้า” และแนะนำให้พระองค์เปลี่ยนหินให้เป็นขนมปัง แต่พระองค์ปฏิเสธที่จะใช้อำนาจเพื่อประโยชน์และความต้องการฝ่ายร่างกาย นั่นหมายความว่า ในการประกาศข่าวดีของพระศาสนจักร จะต้องไม่มุ่งไปที่การตอบสนองความต้องการฝ่ายร่างกายเป็นหลัก แต่ต้องช่วยพวกเขาให้สัมผัสข่าวดีและความรักของพระเจ้าเป็นสำคัญ “มนุษย์มิได้เจริญชีวิตด้วยอาหารเท่านั้น”

การผจญที่สอง การกราบนมัสการปีศาจ เป็นความต้องการทางจิตวิทยาที่ทุกคนต่างต้องการเป็นคนสำคัญ เป็นศูนย์กลางของทุกสิ่ง มีอำนาจ ได้รับเกียรติ การยอมรับและการกล่าวขวัญในทางที่ดี ปีศาจทดลองพระเยซูเจ้าให้กราบนมัสการมันเพื่อจะได้สิ่งที่พึงประสงค์ คือความภักดีของโลกทั้งมวล แต่พระองค์ทรงปฏิเสธ วิธีการที่ไม่ถูกต้องไม่อาจทำให้เป้าหมายถูกต้องได้ “จงกราบนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านและรับใช้พระองค์แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น” (ลก 4:8)

การผจญที่สาม การกระโดดจากยอดพระวิหาร เป็นการผจญทางชีวิตฝ่ายจิตที่ท้าทายพระเจ้าให้พิสูจน์ความรักของพระองค์ หรือต้องการควบคุมพระเจ้าให้ทำอย่างใดอย่างหนึ่งที่ตนต้องการ ปีศาจได้ขอให้พระเยซูเจ้ากระโจนจากยอดพระวิหารเพื่อพิสูจน์ว่าพระองค์เป็นบุตรของพระเจ้า เช่นเดียวกับประชาชนอิสราแอลที่ร้องขอเครื่องหมายเพื่อพิสูจน์ว่าพระองค์เป็นพระผู้ไถ่ และอีกครั้งหนึ่งที่พระเยซูเจ้าตอบปฏิเสธ “อย่าทดลององค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านเลย” (ลก 4:12)

2.           บทเรียนสำหรับเรา

การผจญของพระเยซูเจ้าได้ให้บทเรียนที่สำคัญสำหรับเราคริสตชน ในการดำเนินชีวิตประจำวันหลายประการ

ประการแรก เราต้องเผชิญหน้าและเอาชนะการผจญ เช่นเดียวกับพระเยซูเจ้าเราแต่ละคนอาจถูกผจญได้ง่าย จากความโน้มเอียงในทางบาป ความพึงพอใจในอำนาจ ลาภยศ สรรเสริญที่อาจทำให้เราหลงไปได้ง่ายและใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่พึงประสงค์ ให้เราเลียนแบบพระเยซูเจ้าที่ทรงเอาชนะการผจญด้วยการภาวนา การพลีกรรมใช้โทษบาปและการดำเนินชีวิตตามพระวาจาของพระเจ้า การผจญจะทำให้เราจะทำให้เราเติบโตและเข็มแข็ง

ประการที่สอง เราต้องเติบโตในความศักดิ์สิทธิ์ตลอดเทศกาลมหาพรตนี้ เทศกาลมหาพรตเป็นช่วงเวลาของการฟื้นฟูชีวิตคริสตชน 1) ด้วยการภาวนาอยู่กับพระเจ้าทุกวัน บอกกับพระองค์และฟังเสียงของพระองค์, 2) ด้วยการพลีกรรมใช้โทษบาปผ่านทางศีลแห่งการคืนดีและการให้อภัยผู้ที่ทำผิดต่อเรา 3) และด้วยการแบ่งปันความรักของเรากับผู้อื่นผ่านทางการรับใช้ที่สุภาพ ปราศจากความเห็นแก่ตัว ให้ทานและช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือ

ประการที่สาม เราต้องตื่นเฝ้าอยู่เสมอเพื่อจะได้ไม่ตกในการผจญ เราต้องเชื่อวางใจในพระเจ้าเช่นเดียวกับพระนางมารีย์ ซึ่งหลายครั้งพระนางไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของพระนาง แต่พระนางมีความวางใจในพระเจ้าและยังคงเชื่ออย่างมั่นคงในพระองค์ เราจะต้องมีความเชื่อวางใจในพระเจ้าเช่นกัน แม้เราบ่อยครั้งเราจะไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราก็ตาม

บทสรุป

พี่น้องที่รัก พระศาสนจักรให้เรามีเวลา 40 วันในเทศกาลมหาพรตเพื่อกลับใจ เปลี่ยนแปลงตนเองหันกลับมาหาพระเจ้า ละทิ้งนิสัยและความโน้มเอียงไม่ดีต่างๆในตัวเรา พระเยซูเจ้าทรงสอนและเป็นความหวังสำหรับเราในการหลีกหนีบาปและเอาชนะการผจญที่ล่อลวงเรา การตื่นเฝ้าภาวนาและจำศีลอดอาหารอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้เราสามารถเอาชนะการผจญทุกอย่างและความโน้มเอียงไม่ดีต่างๆ ในตัวเรา

พระเยซูเจ้ายังสอนเราด้วยว่า ไม่มีใครที่ไม่เคยถูกผจญและการผจญทุกอย่างสามารถเอาชนะได้ ผ่านทางการมีวินัยในตนเอง การภาวนาและการจำศีลอดอาหารโดยไม่หยุดหย่อน เทศกาลมหาพรตจึงเป็นเทศกาลศักดิ์สิทธิ์ที่เราจะได้ฟื้นฟูชีวิตคริสตชนของเรา นอกนั้น เทศกาลมหาพรต ยังเป็นช่วงเวลาของการอุทิศตนรับใช้พระเจ้าในงานเมตตากิจต่างๆ เพื่อแบ่งปันความรักของพระเจ้ากับผู้อื่น เป็นต้นคนที่เดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือ

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
15 กุมภาพันธ์ 2013

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น