การเผยแสดงของพระเจ้า
วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 2 ปี C
เทศกาลมหาพรต
|
ปฐก 15:5-12,
17-18
ฟป 3:20-4:1
ลก 9:28ข-36
|
บทนำ
เวลาเป็นเด็กเรามีความตื่นเต้นดีใจในการศึกษาวงจรชีวิตของผีเสื้อ
ซึ่งแตกต่างจากบรรดาแมลงชนิดอื่นทั้งหลาย ผีเสื้อมีวงจรชีวิต 4 ระยะ ได้แก่
ระยะไข่ (Egg Stage) ระยะหนอนหรือบุ้ง (Caterpillar Stage) ระยะดักแด้ (Chrysalis
Stage) และระยะเจริญวัย (Adult Butterfly Stage) โดยเฉพาะขั้นตอนการเปลี่ยนจากตัวหนอนเป็นดักแด้ ที่ต้องอยู่ภายในเปลือกดักแด้
ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ แต่การพัฒนาเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ถือเป็นระยะของการสะสมอาหารก่อนจะดันตัวออกมาจากรังดักแด้
กลายเป็นผีเสื้อที่มีสีสันสวยงาม หลายหลากสี
เทศกาลมหาพรต
เป็นช่วงเวลาของการฟื้นฟูชีวิตคริสตชนตลอด 40 วันเหมือนหนอนผีเสื้ออยู่ในดักแด้ เพื่อการกลับใจมาหาพระเจ้า
มหาพรตก็คือ “มาหาพระ” ละทิ้งชีวิตเก่าที่ไม่ดีไม่งามต่างๆ
หันกลับมาหาพระเจ้าและเพื่อนพี่น้อง ผ่านทางการภาวนา (ปฏิบัติกิจศรัทธาเป็นพิเศษ)
การพลีกรรมใช้โทษบาป (ลด ละ เลิก สิ่งที่ไม่ดีไม่งามต่างๆ) และการทำบุญให้ทาน
(ปฏิบัติกิจเมตตาเป็นพิเศษ) เพื่อทำให้ชีวิตคริสตชนของเราเติบโตและพร้อมที่จะกลับคืนชีพพร้อมกับพระคริสตเจ้า
พระวาจาของพระเจ้าในอาทิตย์นี้ได้พูดถึงการเผยแสดงของพระเจ้า
ต่อประชากรอิสราแอลที่พระองค์ทรงเลือกสรร โดยทรงทำพันธสัญญากับอับราฮัมและบุตรหลานของท่านว่า
จะมอบแผ่นดินพันธสัญญาที่อุดมด้วยน้ำนมและน้ำผึ้งและจะให้เป็นชนชาติใหญ่ดั่งดวงดาวบนท้องฟ้า
และอับราฮัมตอบสนองพันธสัญญานี้ที่เรียกร้องความรักและความซื่อสัตย์ ด้วยความเชื่อและความวางใจในพระเจ้า
อับราฮัมจึงได้ชื่อว่าเป็นบิดาแห่งความเชื่อ นี่คือจุดเริ่มต้นการเผยแสดงของพระเจ้าต่อมนุษยชาติ
โดยมีอับราฮัมและประชากรอิสราแอลเป็นตัวแทน และการเผยแสดงนี้บรรลุถึงความสมบูรณ์ในองค์พระเยซูเจ้า
ที่ทรงรับเอากายบังเกิดเป็นมนุษย์
1.
การเผยแสดงของพระเจ้า
ในพระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าทรงเผยแสดงให้เห็นว่าพระองค์เป็นบุตรสุดที่รักของพระบิดา
ซึ่งเป็นการแสดงให้อัครสาวกเปโตร ยากอบและยอห์นได้เห็นและเป็นพยานถึงความยิ่งใหญ่และพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า
เหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นหลังจากพระองค์ได้ตรัสทำนายถึงพระทรมานของพระองค์เป็นครั้งแรก
“บุตรแห่งมนุษย์จะต้องรับทรมานเป็นอันมาก... และจะถูกประหารชีวิต แต่จะกลับคืนชีพในวันที่สาม” (ลก 9:22) พระองค์ทรงเลือกหนทางแห่ง “ไม้กางเขน”
เพื่อนำพามนุษย์กลับไปหาพระบิดาเจ้า และการประจักษ์พระวรกายบนภูเขาทาบอร์ คือภาพล่วงหน้าของเหตุการณ์บนไม้กางเขน
และพระสิริรุ่งโรจน์ที่มนุษย์จะได้รับหลังจากผ่านหนทางแห่งไม้กางเขน
เป้าหมายของพระเยซูเจ้าในการเผยแสดงพระองค์ให้อัครสาวกที่ทรงเลือกทั้งสาม
เพื่อยืนยันถึงแผนการของพระบิดาเจ้าสวรรค์
ที่ทรงมอบบุตรสุดที่รักของพระองค์ให้รับทนทรมาน สิ้นพระชนม์และกลับคืนชีพ อีกทั้ง ทรงประสงค์ให้สาวกของพระองค์ได้รับรู้ถึงสภาวะพระเจ้าของพระองค์
เพื่อพวกเขาจะได้ละทิ้งความทะเยอทะยานฝ่ายโลก
ตามความคิดฝันของพวกเขาที่มองว่าพระผู้ไถ่จะต้องเป็นผู้นำทางการเมือง ทั้งนี้เพื่อทำให้พวกเขาได้มีความเข้มแข็งในยามที่ต้องเผชิญกับการทดลอง
เกิดอะไรขึ้นบนภูเขาทาบอร์
นอกจากพระพักตร์เปลี่ยนไปและฉลองพระองค์มีสีขาวเจิดจ้าแล้ว ลูกาเล่าว่า “บุรุษสองคนคือโมเสสและประกาศกเอลียาห์มาสนทนากับพระองค์” (ลก 9:30)
โมเสสเป็นผู้ก่อตั้งชาติอิสราเอลและเป็นผู้บัญญัติกฎหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ส่วนเอลียาห์เป็นประกาศกองค์แรกที่ชาวอิสราเอลถือว่ายิ่งใหญ่ที่สุดเช่นกัน
สองผู้ยิ่งใหญ่มาสนทนากับพระองค์ เนื้อหาของการสนทนาคือเรื่อง “การจากไปของพระองค์ที่กำลังจะสำเร็จในกรุงเยรูซาเล็ม” (ลก 9:31) นั่นคือ ความตายบนไม้กางเขน
2.
บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าในสัปดาห์นี้
ได้ให้บทเรียนและแนวปฎิบัติสำหรับเราคริสตชนในการดำเนินชีวิตหลายประการ
ประการแรก เราต้องเชื่อและวางใจในพระเจ้าเช่นเดียวกับอับราฮัม ที่เชื่อและวางใจในพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม
พระเจ้าทรงทำพันธสัญญากับอับราฮัมและบุตรหลานของท่าน และอับราฮัมได้ตอบสนองพันธสัญญานี้ด้วยความเชื่อและความวางใจในพระเจ้า
อับราฮัมจึงได้ชื่อว่าเป็นบิดาแห่งความเชื่อ ผู้เป็นแบบอย่างสำหรับเราคริสตชนในปัจจุบัน
ประการที่สอง เราต้องแบกไม้กางเขนและฟังเสียงของพระเยซูเจ้า โดยเฉพาะในห้วงเวลาที่เราอยู่ในความทุกข์และสิ้นหวัง
ให้เราได้มอบความอยากลำบากทุกอย่างและการพลีกรรมใช้โทษบาปตลอดเทศกาลมหาพรตนี้ เพื่อร่วมในพระมหาทรมานของพระองค์
เพื่อเราจะได้กลับคืนชีพและมีส่วนในพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ ประการสำคัญ
เราต้องฟังเสียงของพระองค์ที่ตรัสกับเราผ่านทางพระวาจาที่เราได้ยินได้ฟัง
และบุคคลต่างๆ ที่ตักเตือนเรา
ประการที่สาม
เราต้องตั้งใจร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณอย่างดี พิธีมิสซาคือบ่อเกิดแห่งความเข้มแข็ง
ที่พระเยซูเจ้าทรงเปลี่ยนปังและเหล้าองุ่นให้กลายเป็นพระกายและพระโลหิตของพระองค์ ซึ่งเป็นแหล่งพลังสำหรับศิษย์ของพระองค์
ให้สามารถเอาชนะการทดลองและฟื้นฟูชีวิตของตนตลอดเทศกาลมหาพรต ศีลมหาสนิทที่เรารับจะต้องเปลี่ยนชีวิตและจิตใจของเราให้กลายเป็นเครื่องมือที่ดีของพระเจ้า
ในการรัก รับใช้และให้อภัยซึ่งกันและกัน ด้วยความสุภาพ อ่อนโยนและปราศจากความเห็นแก่ตัว
บทสรุป
พี่น้องที่รัก ให้เราทำตามพระสุรเสียงของพระพระบิดาเจ้าที่ตรัสกับศิษย์ทั้งสามคนบนภูเขาทาบอร์ที่ว่า
“จงเชื่อฟังพระองค์เถิด” กล่าวคือ ยอมรับว่า “หนทางแห่งไม้กางเขน” เป็นหนทางชีวิตของบรรดาศิษย์ที่ติดตามพระองค์
นั่นคือ เราต้องผ่านกางเขนเพื่อจะได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ ทั้งนี้ก็เพราะว่า
ไม้กางเขนคือแบบอย่างแห่งความรักและการมอบชีวิตเพื่อไถ่บาปมนุษย์ทั้งหลาย
ขอให้ชีวิตของเราไม่เพียงแต่เดินรูป 14 ภาคที่วัดในทุกวันศุกร์เท่านั้น
แต่เราจะต้องแบกกางเขนของเรา และเดินตามรูปแบบชีวิตพระเยซูเจ้าบนกางเขนทุกวันตลอดชีวิตของเรา
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในความรักและการให้อภัยเพื่อนพี่น้องด้วยใจกว้าง
โดยเริ่มจากในครอบครัวของเราเองก่อน แล้วขยายไปสู่เพื่อนพี่น้องที่อยู่รอบข้าง เพราะนี่คือการดำเนินชีวิตคริสตชนที่แท้จริง
บนหนทางแห่งไม้กางเขนที่พระเยซูเจ้าทรงมอบไว้ให้แก่เรา ซึ่งพระศาสนจักรเรียกร้องเป็นพิเศษในเทศกาลมหาพรตนี้
คุณพ่อขวัญ
ถิ่นวัลย์
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว22 กุมภาพันธ์ 2013
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น