การเรียกของพระเจ้า
วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่
5
เทศกาลธรรมดา
ปี
C
|
อสย 6:1-2,3-8
1 คร 15:1-11
ลก
5:1-11
|
บทนำ
นานมาแล้วแม่คนหนึ่งแห่งเมืองนาสวิลล์ รัฐเทนเนสซี ได้ให้กำเนิดบุตรีคนหนึ่งก่อนกำหนด
ไม่นานหลังจากนั้นเด็กหญิงคนนี้ได้ป่วยเป็นโรคปอดบวม มีไข้สูงและสุดท้ายป่วยเป็นโรคโปลิโอ
ทำให้ขาข้างหนึ่งของเธอเป็นง่อยเดินไม่ได้ เมื่ออายุได้ 5 ขวบเธอต้องใช้ไม้ค้ำยันเพื่อจะเดินได้เช่นเด็กคนอื่น
เมื่ออายุได้ 11 ขวบ
เธอได้หัดเดินเองโดยไม่ต้องใช้ไม้ค้ำยัน ก่อนจะหัดเดินทุกครั้งเธอจะภาวนา เธอหัดเดินคนเดียวโดยไม่บอกให้ใครรู้เป็นเวลาปีกว่า
ที่สุด เด็กหญิงคนนี้สามารถเดินเองได้โดยไม่ต้องใช้ไม้ค้ำยัน
และไม่เพียงเดินได้เท่านั้น เธอยังหัดวิ่ง วิ่งและวิ่ง เมื่อเธออายุได้ 16 ปี ได้เข้าร่วมคัดเลือกเป็นนักวิ่งโอลิมปิกที่เมืองเมลเบิร์น
ประเทศออสเตรเลีย และคว้าเหรียญทองแดงในการแข่งขัน 4x400 เมตรหญิง
อีกสี่ปีต่อมา ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี ค.ศ. 1960 เธอได้กลายเป็นนักกีฬาหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้าสามเหรียญทองโอลิมปิกประเภทลู่และลาน
นามของเธอคือ วิลมา รูดอล์ฟ (Wilma Rudolfp) พระเจ้าทรงเรียกเราแต่ละคนให้ทำหน้าที่แตกต่างกันไป
หัวเรื่องของบทอ่านวันนี้คือ การเรียกของพระเจ้าและการตอบสนองต่อการเรียกของประชาชน
จิตตารมย์ของการเป็นคริสตชนอยู่ที่การเป็นศิษย์ติดตาม
ซึ่งหมายถึงการตอบสนองต่อการเรียกของพระเจ้า เรื่องราวที่เราได้ฟังในบทอ่านวันนี้บอกเราถึง
มาตรฐานของพระเจ้าในการเลือกสรรคนที่จะเป็นประกาศกและศาสนบริกรของพระองค์ การเรียกประกาศกอิสยาห์
นักบุญเปาโลและเปโตร เป็นการเรียกส่วนบุคคลให้กลับใจกลายเป็นศิษย์ติดตามพระองค์
ทะเลสาบเยเนซาเรท
เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในอิสราแอล กว้าง 13 กิโลเมตร
ยาว 21 กิโลเมตร มีชื่อเรียกอีกว่า “ทะเยสาบกาลิลี”
และ “ทะเลสาบทิแบริอัส” ในสมัยพระเยซูเจ้ามีเมืองต่างๆ ตั้งอยู่รอบทะเลสาบนี้ถึงสิบเมืองและมักเรียกชื่อตามเมืองที่ตั้งอยู่
ส่วนเยนเนซาเรทเป็นชื่อของที่ราบฝั่งตะวันตกของทะเลสาบ
ที่อุดมสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่ง อีกทั้งเป็นสถานที่ที่พระเยซูเจ้าได้เผยแสดงอำนาจของพระเจ้าให้ปรากฏหลายครั้ง
1.
การเรียกของพระเจ้า
ในพระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าทรงสั่งสอนประชาชนจากเรือของเปโตร
เมื่อการเทศน์สอนสิ้นสุดลง พระองค์ทรงบอกเปโตรให้แล่นเรือออกไปในที่ลึกและลงอวน
เปโตรถือเป็นชาวประมงที่ชำนาญการจับปลาที่รู้เวลาและจุดที่ปลาชุม จึงบอกกับพระองค์ว่าพวกเขาจับปลาทั้งคืนไม่ได้สักตัว
เปโตรต้องการแสดงภูมิรู้ของตนเพราะปลาจะออกหากินเวลากลางคืนเท่านั้น พระเยซูเจ้าซึ่งเป็นเพียงช่างไม้กลับบอกให้ลงอวนตอนกลางวัน
แต่เปโตรยอมปฏิบัติตามและได้ปลาเป็นจำนวนมาก
จนต้องเรียกเรืออีกลำให้มาช่วยลากอวนเข้าฝั่ง ได้ปลาเต็มสองลำเรือ
เปโตรเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทันที ท่านตระหนักถึงการประทับอยู่ของพระเจ้า สำนึกในความบาปและความไม่เหมาะสมของตนเอง
นี่คือท่าทีที่เราพบจากบทอ่านทั้งสาม
ประกาศกอิสยาห์เห็นถึงพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้าและสำนึกว่าตนเองเป็นคนที่ริมฝีปากมีมลทิน
นักบุญเปาโลมีความรู้สึกว่าไม่ควรจะได้ชื่อว่าเป็นอัครสาวก เพราะเคยเบียดเบียนกลุ่มคริสตชน
ส่วนเปโตรกราบลงและขอให้พระเยซูเจ้าถอยห่างจากท่านผู้เป็นคนบาป
นี่คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญของทั้งสามท่าน เมื่ออยู่ต่อหน้าและมีประสบการณ์โดยตรงกับพระเจ้า
ทุกคนต่างสำนึกในความบาปและความไม่เหมาะสมของตน พระเยซูเจ้าได้ใช้โอกาสนี้ในการเรียกและมอบพันธกิจของพระองค์แก่เปโตร
อันดรูว์ ยากอบและยอห์น “อย่ากลัวเลย ตั้งแต่นี้ไปท่านจะเป็นชาวประมงหามนุษย์” และผลที่ตามมาคือ
พวกเขาได้ละทิ้งทุกสิ่งติดตามพระองค์ ไม่สนใจที่จะนำปลาไปขายสร้างรายได้ ไม่สนใจเรือและอุปกรณ์จับปลา
ซึ่งเป็นเครื่องมือเลี้ยงชีพที่มีค่ายิ่งของพวกเขาอีกต่อไป
2.
บทเรียนสำหรับเรา
พระวรสารวันนี้ ได้ให้บทเรียนที่สำคัญสำหรับเราคริสตชน
ในการดำเนินชีวิตประจำวันหลายประการ
ประการแรก เราต้องมีความเพียรทน เรื่องราวของเปโตรและชีวิตของวิลมา
รูดอล์ฟ สะท้อนให้เห็นถึงความเพียรทน ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคปัญหา
เปโตรแม้จะหาปลาทั้งคืน ยังคงมาเบียดเสียดผู้คนฟังพระวาจาของพระเจ้า เป็นพระวาจานี้เองที่ทำให้ท่านสดชื่นและมีชีวิตชีวา
จนพระเยซูเจ้าต้องใช้เรือของท่านในการเทศน์สอน
อันเป็นภาพล่วงหน้าถึงอำนาจในการสั่งสอนของพระศาสนจักรที่มีท่านเป็นผู้นำ
(จากเรือของเปโตร)
ประการที่สอง เราต้องสำนึกในความบาปของตนเอง เพื่อจะได้รับพระเมตตาและพระหรรษทานจากพระเจ้า
เราต้องสำนึกในความบาปและความไม่เหมาะสมของตนเอง ประกาศกอิสยาห์
นักบุญเปาโลและเปโตรได้สอนเราว่า แม้จะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดท่ามกลางเราแต่ยังต้องการการกลับใจ
พระเจ้าทรงเรียกเรา
ทรงประสงค์ให้เราได้ตระหนักถึงการประทับอยู่ของพระองค์ในทุกที่ทุกแห่งและในบุคคลต่างๆ
สำนึกในความผิดบาปของตน พร้อมที่จะกระทำและประกาศข่าวดีแห่งความรักของพระเจ้าในทุกสถานการณ์แห่งชีวิตของเรา
ประการที่สาม เราต้องตอบสนองการเรียกของพระเจ้า เราแต่ละคนเป็นหนึ่งเดียวในพันธกิจของพระศาสนจักร
พระเจ้าได้เรียกเราแต่ละคนในแบบที่แตกต่างกัน แต่มีพันธกิจเดียวกันที่จะต้องทำให้สำเร็จ
การตอบสนองต่อการเรียกของพระเจ้าจะต้องเป็นเหมือนประกาศกอิสยาห์ “ข้าพเจ้าอยู่นี่
โปรดส่งข้าพเจ้าไปเถิด” เราจะต้องทำส่วนของเราให้ดีที่สุด ในการประกาศข่าวดีของพระเจ้ากับเพื่อนพี่น้อง
เพื่อนร่วมงานและมิตรสหาย ไม่นินทาว่าร้าย แต่ภาวนา ฟังความต้องการและลงมือช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
บทสรุป
พี่น้องที่รัก พระวรสารวันนี้เชิญชวนเราให้ตอบสนองต่อการเรียกของพระเจ้า ที่ทรงเรียกเราแต่ละคนตามแบบอย่างของประกาศกอิสยาห์
นักบุญเปาโลและเปโตร ที่สำนึกในความบาปและความไม่เหมาะสมของตนเอง เมื่อได้มีประสบการณ์และได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า
เราจะต้องกลับใจเปลี่ยนแปลงชีวิต ให้องค์พระคริสตเจ้าเข้ามามีส่วนในชีวิตของเรา
เพื่อช่วยให้งานทุกอย่างที่เรากระทำสำเร็จ
พระเยซูเจ้าทรงเชื้อเชิญเราทุกคนให้มีประสบการณ์ของพระเจ้า ทรงประสงค์จะใช้เราแต่ละคนเป็นเครื่องมือในการทำงานของพระองค์ให้สำเร็จ
พระองค์มิได้มองดูที่ความบาปของเรา แต่มองดูที่จิตใจ ให้เราได้เปิดตาใจของเราเพื่อ มองให้เห็นถึงการประทับอยู่ของพระเจ้าในบุคคลต่างๆ
และแผนการของพระองค์ในชีวิตของเรา ในการเป็นผู้ประกาศข่าวดีแห่งความรักของพระองค์กับเพื่อนพี่น้องที่อยู่รอบข้าง
เป็นต้น ในครอบครัว หมู่คณะและหมู่บ้านของเรา
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว07 กุมภาพันธ์ 2013
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น