การเป็นพยานถึงการกลับคืนชีพ
วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลปัสกา
ปี B
|
กจ 2:14,22-28
1ปต 1:17-21
ลก 24:13-35
|
บทนำ
มีเรื่องจริงที่ไม่น่าเชื่อเรื่องหนึ่งเกิดขึ้นที่ประเทศยูโกสลาเวีย
เป็นเรื่องราวผู้พิพากษาคนหนึ่งที่ถูกไฟฟ้าช๊อตขณะอาบน้า ภรรยาพบเขานอนหมดสติบนพื้นจึงเรียกให้คนช่วยนำส่งโรงพยาบาล
แพทย์ลงความเห็นว่าเขาเสียชีวิตแล้ว ภรรยาจึงนำร่างของเขาไปไว้ที่ศาลาพักศพ
สถานีวิทยุได้กระจายข่าวการเสียชีวิตของผู้พิพากษารายนี้อย่างรวดเร็ว กลางดึกคืนนั้นเอง
ผู้พิพากษาเริ่มรู้สึกตัว เมื่อเขาทราบว่าตนเองอยู่ที่ไหนจึงรีบไปบอกยามที่เฝ้าอยู่
พอเห็นเขาเท่านั้นแหละยามตาลีตาเลือกวิ่งหนีไป
พลันเขานึกขึ้นมาได้ว่าควรโทรศัพท์ไปบ้านบอกภรรยา
แต่สถานการณ์กลับเลวร้ายยิ่งกว่าเพราะเพียงเขาบอกว่า “สวัสดีที่รัก นี่ผมเองนะ”
ภรรยาของเขาแผดร้องและเป็นลมหมดสติ เขาพยายามโทรหาเพื่อนบ้านหลายคนแต่พวกเขาคิดว่านั่นเป็นการล้อเล่นของพวกนึกสนุก
เขาจึงเดินไปเคาะประตูบ้านเพื่อน แต่ทุกคนต่างคิดว่าเขาเป็นผี ที่สุด เขาตัดสินใจโทรศัพท์หาเพื่อนที่อยู่อีกเมืองหนึ่งซึ่งไม่ทราบข่าวการตายของเขา
อาศัยเพื่อนคนนี้เขาจึงสามารถบอกครอบครัวของเขาและเพื่อนคนอื่นๆ ว่าเขายังมีชีวิตอยู่จริงๆ
ในพระวรสารวันนี้บอกให้เราทราบว่า พระเยซูเจ้าได้พยายามบอกบรรดาสาวกของพระองค์ให้ทราบว่าพระองค์ไม่ใช่ผี
ทั้งนี้เพื่อขจัดความคลางแคลงสงสัยและความหวาดกลัวของพวกเขาให้หมดสิ้นไป
พระองค์ได้แสดงมือและเท้าให้พวกเขาได้เห็น ทรงเชื่อเชิญให้สัมผัสและมองดูตัวตนของพระองค์อย่างที่พระองค์เป็น
และได้กินปลาย่างชิ้นหนึ่งต่อหน้าพวกเขา เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าพระองค์ไม่ใช่ผี
พระองค์ทรงประทับท่ามกลางพวกเขาเหมือนเมื่อครั้งที่อยู่กับพวกเขาตลอดเวลาสามปี
1.
การเป็นพยานถึงการกลับคืนชีพ
ศิษย์สองคนที่พระเยซูเจ้าปรากฏพระองค์ให้พวกเขาได้เห็นระหว่างเดินทางไปเอมมาอูส
รีบเร่งเดินทางกลับไปยังกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อเล่าเหตุการณ์น่ายินดีที่พวกเขาได้พบพระเยซูเจ้าให้บรรดาอัครสาวกได้ทราบ
เมื่อมาถึงพวกเขาพบว่าเปโตรเองได้พบกับพระอาจารย์เจ้าเช่นกัน
ขณะที่พวกเขาถกเถียงกันถึงเรื่องนี้อยู่ พระเยซูเจ้าได้ปรากฏพระองค์ท่ามกลางพวกเขา
ลูกาได้บันทึกและบอกเล่าเรื่องราวตอนนี้เพื่อต้องการจะบอกว่า
การสิ้นพระชนม์และการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้าทำให้พระประสงค์ของพระเจ้าที่กล่าวถึงในพระคัมภีร์ปรากฏเป็นจริง (ทรงอ้างพระคัมภีร์ที่กล่าวถึงพระองค์) และพระคริสตเจ้าผู้กลับคืนชีพแสดงพระองค์ในพิธีบิขนมปัง พระศาสนจักรในระยะเริ่มแรก
มีเอกลักษณ์อยู่ที่พิธีบิขนมปังและการนำสิ่งของมารวมเป็นของกลาง (กจ 2:42) กลุ่มคริสตชนแรกจึงมักเว้นที่ให้พระเยซูเจ้าผู้กลับคืนชีพประทับอยู่ด้วยเสมอ
ดังนั้น การที่พวกเขามาร่วมพิธีบิปัง เพื่อจะได้พบกับองค์พระคริสตเจ้าผู้กลับคืนชีพ
ในพิธีบิขนมปัง พระเยซูเจ้าได้บันดาลให้ศิษย์ทั้งสองคนตาสว่าง
พระองค์ได้แปรเปลี่ยนความท้อแท้สิ้นหวังของพวกเขาให้กลายเป็นความยินดีและความหวัง
จนพวกเขาไม่สามารถเก็บไว้กับตัวเอง ต้องรีบรุดกลับไปยังกรุงเยรูซาเล็มในคืนนั้นเพื่อแบ่งปันประสบการณ์นี้กับคนอื่น
2.
บทเรียนสำหรับเรา
พระวรสารวันนี้ได้ให้บทเรียนที่สำคัญสำหรับเราคริสตชน
ในการดำเนินชีวิตประจำวันหลายประการ
ประการแรก เราพบพระเยซูเจ้าในพิธีบิขนมปัง ศิษย์สองคนที่เอมมาอูสจำพระเยซูเจ้าได้ตอนบิขนมปัง
เราสามารถพบพระองค์ได้ในพิธีบูชาขอบพระคุณที่เรามาร่วมทุกอาทิตย์
ในภาควจนพิธีกรรมพระเยซูเจ้าทรงตรัสกับเรา ในศีลมหาสนิท
พระเยซูเจ้าทรงกลายเป็นอาหารฝ่ายจิตของเรา ที่ทำให้เราเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์และเพื่อนพี่น้อง
เรามารวมตัวกันเช่นเดียวกับบรรดาอัครสาวกและศิษย์รุ่นแรก เพื่อสำนึกถึงบาปที่เราได้กระทำ
แสดงความขอบคุณต่อพระพรที่เราได้รับ ฟังพระวาจา แบ่งปันข่าวดีและนำไปปฏิบัติ
ประการที่สอง เราต้องสานต่อพันกิจของพระคริสตเจ้า ในฐานะคริสตชนเราได้รับมอบหน้าที่ในการสานต่อ “พันธกิจแห่งความรัก
ความเมตตาและการให้อภัย” ของพระเยซูเจ้าในชีวิตประจำวัน พระเยซูเจ้าต้องการปากของเรา
ในการพูดถึงข่าวดีแห่งการกลับคืนชีพของพระองค์และให้กำลังใจคนที่สิ้นหวัง ต้องการหูของเราในการฟังปัญหาของคนที่ทุกข์ร้อน
และต้องการมือของเราในการช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน
ประการที่สาม เราต้องเป็นพยานถึงการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้า เช่นเดียวกับบรรดาอัครสาวกที่ได้เป็นพยานถึงการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้าด้วยชีวิตของพวกเขา
แรกทีเดียวเราต้องเชื่อถึงการประทับอยู่ของพระเยซูเจ้าท่ามกลางเราเสมอ ในบ้าน
ในที่ทำงานและในหมู่คณะของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนยากจน
คนเจ็บป่วยและเดือดร้อนต้องการความช่วยเหลือ เป็นพยานถึงการกลับคืนชีพของพระคริสตเจ้าในชีวิตประจำวันของเรา
บทสรุป
พี่น้องที่รัก
การร่วมเดินทางของพระเยซูเจ้าบนเส้นทางสู่เอมมาอูส
คือเครื่องหมายแห่งการประทับอยู่ของพระเยซูเจ้าท่ามกลางเรา
ทรงร่วมชีวิตกับเราโดยเฉพาะในห้วงเวลาแห่งความทุกข์และความยากลำบาก แม้เราจะจำพระองค์ไม่ได้ก็ตาม
การร่วมในพิธีบูชาขอบพระคุณเตือนเราถึงอาหารฝ่ายจิตที่ต้องแบ่งปัน
และเป็นเครื่องหมายแห่งความเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าและเพื่อนพี่น้อง
เอมมาอูส หมายถึงทุกที่ที่เราสามารถพบพระเจ้า
พระเยซูเจ้าทรงเปิดเผยพระองค์ทุกครั้งที่เรารวมกันในนามของพระองค์ “เพราะว่า
ที่ใดมีสองหรือสามคนชุมนุมกันในนามของเรา เราอยู่ที่นั่นท่ามกลางพวกเขา” (มธ 18:20) ขอให้เราได้ตระหนักถึงการประทับอยู่ของพระองค์ที่ทรงร่วมเดินทางกับเรา
ตรัสกับเรา ช่วยเหลือเราและอยู่กับเราจนสิ้นพิภพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเพื่อนพี่น้องที่เราพบเห็น
ประการสำคัญ เราต้องเป็นพยานถึงการกลับคืนชีพพระองค์ในชีวิตประจำวันของเรา
คุณพ่อขวัญ
ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
19 เมษายน 2012
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น