วันเสาร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2555

สมโภชปัสกา: พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนชีพ


 พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนชีพ 

สมโภชปัสกา
พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนชีพ
จงชื่นชมยินดีเถิด
กจ 10:34, 37-48
คส 3:1-4
ยน 20:1-9

บทนำ

ปิรามิดแห่งอียิปต์ถือเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ทุกคนรู้จักดี แต่ในความเป็นจริง ปิรามิดคือสุสานขนาดใหญ่ที่ใช้ฝังร่างของกษัตริย์ฟาโรห์แห่งอียิปต์ในลักษณะแบบมัมมี เช่นเดียวกับสุสานเวสมินเตอร์แห่งอังกฤษ ที่ใช้ฝังร่างของบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่างนักเขียน นักปรัชญาและนักการเมือง มีผู้คนและนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากไปเยี่ยมชม เพื่อคารวะหลุมศพของบุคคลที่พวกเขาเคารพนับถือ

ต่างจากสักการสถานสุสานศักดิ์สิทธิ์แห่งเยรูซาเล็ม ซึ่งผู้แสวงบุญจากทั่วโลกพากันไปคารวะหลุมศพที่ว่างเปล่า ที่มีเพียงข้อความสั้นๆ ตรงทางเข้าว่า “พระองค์ไม่ได้อยู่ที่นี่” สิ่งที่ทำให้สุสานแห่งนี้มีชื่อเสียงเพราะเชื่อกันว่า ครั้งหนึ่งสุสานแห่งนี้เคยฝังพระศพของพระเยซูเจ้า เมื่อพระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพคูหาจึงว่างเปล่า พระองค์ได้กระทำอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ ทรงฝืนกฎธรรมชาติและพิสูจน์ว่าพระองค์เป็นพระเจ้า

ปัสกาคือการสมโภชการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้า เป็นเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลก ถือเป็นการฉลองที่สำคัญและยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับเราคริสตชน ด้วยเหตุผลที่ว่า

1)         การกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้าคือความเชื่อพื้นฐานของเราคริสตชน ถือเป็นศูนย์กลางของพิธีกรรมและการฉลองทั้งหลายตลอดปี ความเชื่อ ความหวังและความหมายแห่งชีวิตคริสตชนของเราอยู่ที่การกลับคืนชีพนี้ ดังที่นักบุญเปาโลเขียนเอาไว้ว่า “ถ้าพระคริสตเจ้ามิได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ การเทศน์สอนของเราก็ไร้ประโยชน์ และความเชื่อของท่านก็ไร้ประโยชน์เช่นเดียวกัน” (1 คร 15:14)

2)         ปัสกาคือหลักประกันแห่งการกลับคืนชีพของเรา พระเยซูเจ้าได้ให้ความมั่นใจกับมาร์ธา ณ ที่ฝังศพของลาซารัสว่า “เราเป็นการกลับคืนชีพและเป็นชีวิต ใครเชื่อในเรา แม้ตายไปแล้วก็จะมีชีวิต และทุกคนที่มีชีวิตและเชื่อในเราจะไม่มีวันตายเลย...” (ยน 11:25-26)  อีกทั้งเป็นการฉลองที่ทำให้เรามีความหวังและกำลังใจในโลกที่เจ็บปวดและความโศกเศร้า เพราะพระเยซูเจ้าทรงกลับคืนชีพและประทับท่ามกลางเรา

1.           พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนชีพ

พระเยซูเจ้าได้ทรงกลับคืนชีพแล้ว นี่คือ “ข่าวดีแห่งปัสกา” ที่เราเฉลิมฉลองในวันนี้ ซึ่งมีแง่มุมที่น่าสนใจหลายประการ

ประการแรก พระเยซูเจ้าได้ทำนายล่วงหน้าถึงการกลับคืนชีพของพระองค์ ถือเป็นเครื่องหมายที่บ่งบอกให้เราได้ทราบถึงความเป็นพระเจ้าของพระองค์ “จงทำลายพระวิหารนี้แล้วเราจะสร้างขึ้นใหม่ภายในสามวัน” (ยน 2:19)

ประการที่สอง ไม่มีศาสดาคนใดที่หลุมฝังศพว่างเปล่าเหมือนพระเยซูเจ้า เราได้เห็นถึงการทำให้พระสัญญาของพระองค์บรรลุถึงความสมบูรณ์บนกางเขนและคูหาที่ว่างเปล่า ทูตสวรรค์ได้บอกกับพวกผู้หญิงที่หน้าคูหาว่า “ทำไมท่านมองหาผู้เป็นในหมู่ผู้ตายเล่า พระองค์มิได้ประทับอยู่ที่นี่ พระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้ว” (ลก 24:5-6)

ประการที่สาม การไม่เชื่อของบรรดาศิษย์และพระเยซูเจ้าได้ปรากฏมาให้พวกเขาได้เห็นหลายครั้ง นี่คือเครื่องพิสูจน์เรื่องการกลับคืนชีพ  พวกเขาได้เห็น เป็นพยานและประกาศการกลับคืนชีพของพระองค์ด้วยชีวิตของพวกเขา การประกาศข่าวดีและการเป็นพยานเรื่องการกลับคืนชีพ จึงเป็นหัวใจสำคัญของบทอ่านวันนี้

ในพระวรสารวันนี้ได้อธิบายให้เห็นถึงพระคูหาว่างเปล่าและประสบการณ์ของมารีย์ มักดาเลนา เปโตรและยอห์นเกี่ยวกับการกลับคืนชีพ ความรักที่มารีย์มีต่อพระเยซูเจ้าทำให้เธอรีบรุดไปที่คูหาและทำให้เธอได้เป็นผู้แบ่งปันพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า “ฉันได้เห็นองค์พระเจ้า” เราจะไม่สามารถเข้าใจธรรมล้ำลึกเรื่องการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้าได้ จนกว่าเราจะรักพระองค์อย่างแท้จริง ความรักคือกุญแจสำหรับที่ทำให้เกิดความเข้าใจ

2.           ความหมายสำหรับเรา

การกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้า คือศูนย์กลางของความเชื่อ ความหวังและความหมายสำหรับชีวิตคริสตชน

ประการแรก เราเป็นประชากรแห่งการกลับคืนชีพ นั่นหมายความว่าเราต้องไม่ฝังตัวเองในหลุมศพแห่งบาป นิสัยไม่ดีและความประพฤติที่ไม่ถูกต้อง เราถูกเรียกร้องให้ตายต่อบาปและความเห็นแก่ตัว เจริญชีวิตใหม่ในสันติและความชื่นชมยินดี ตระหนักถึงการประทับอยู่ขององค์พระเจ้าผู้กลับคืนชีพในทุกเหตุการณ์แห่งชีวิต สำหรับคริสตชนที่แท้ ทุกวันต้องเป็นวันปัสกาที่เราเป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูเจ้า

ประการที่สอง เราต้องเป็นคริสตชนที่สะท้อนภาพของพระเยซูเจ้าผู้กลับคืนชีพ เราถูกเรียกให้ฉายแสงแห่งความรัก ความเมตตา ความเห็นอกเห็นใจและการอุทิศตนรับใช้ตามแบบอย่างของพระเยซูเจ้า ชีวิตของเราต้องเป็นพยานให้คนอื่นได้เห็นถึงการประทับอยู่ของพระเยซูเจ้าผู้กลับคืนชีพในใจเรา

ประการที่สาม เราต้องเป็นผู้นำข่าวดีแห่งการกลับคืนชีพไปสู่ผู้อื่น ข่าวดีแห่งความรัก  ความหวังและสันติสุขที่พระเยซูเจ้าทรงนำมา อีกทั้ง การกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้าต้องช่วยเราให้ยอมรับสิ่งต่างๆ บุคคลและความเป็นจริงแห่งชีวิตด้วยแสงสว่างใหม่ ความทุกข์ยากลำบากต่างๆ ที่เราได้รับจะนำไปสู่การกลับคืนชีพและความชื่นชมยินดีพร้อมกับพระคริสตเจ้าเสมอ

บทสรุป

พี่น้องที่รัก วันสมโภชปัสกาที่เราฉลองการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้าเตือนใจเราว่า เราได้รับมอบพันธกิจเช่นเดียวกับบรรดาอัครสาวกและมารีย์ มักดาเลนา ในการนำข่าวดีแห่งการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้าไปสู่ผู้อื่น ดำเนินชีวิตในความรักต่อกันตามแบบอย่างพระเยซูเจ้า เราต้องเป็นพยานถึงข่าวดีนี้ด้วยชีวิตของเรา ด้วยการกลับใจเปลี่ยนแปลงตนเอง ละทิ้งชีวิตเก่าและตายต่อตัวเองพร้อมกับพระองค์ เพื่อเราจะได้มีชีวิตใหม่ที่ดำเนินชีวิตในแสงสว่างและความถูกต้องชอบธรรม

ความเชื่อในการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้า ความรักในพระองค์และความรักต่อเพื่อนพี่น้อง ควรเป็นเหมือนกับตะเกียงที่ส่องสว่างและนำบุคคลอื่นให้มาพบกับพระเยซูเจ้า อีกทั้ง ข่าวดีแห่งปัสกาควรได้รับการแสดงออกในชีวิตของเรา ในพิธีบูชาขอบพระคุณเราประกาศถึงการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้า ให้เราได้ประกาศความจริงนี้อีกครั้งในชีวิตประจำวันของเรา

สุขสันต์วันปัสกา!  Happy Easter!  Buona Pasqua!

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmai.com

วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
7 เมษายน 2012

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น