วันเสาร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2555

กางเขนใหญ่วัดนาบัว


 กางเขนใหญ่วัดนาบัว 

“ไม้กางเขนเป็นบันไดที่นำไปสู่สวรรค์” (The cross is a ladder leads to heaven) ถือเป็นคำกล่าวที่ไม่ได้เกินความเป็นจริงแต่ประการใด เพราะกางเขนถือเป็นศูนย์กลางแห่งความเชื่อคริสตชน เป็นเครื่องหมายแห่งความรักของพระเจ้าผ่านทางการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนของพระเยซูเจ้า บุตรพระเจ้าที่ทรงรับเอากายเป็นมนุษย์และทรงเปลี่ยนเครื่องหมายแห่งความตายในสมัยนั้น ให้กลายเป็นเครื่องหมายแห่งความรักและความรอดนิรันดร



ดังนั้น ทุกวัดจึงมีไม้กางเขน เครื่องหมายแห่งความรอดนี้ เช่นเดียวกับวัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว แต่กางเขนที่ใช้ในวัดนาบัวหลังปัจจุบัน เป็นกางเขนของวัดไม้ของคุณพ่อปีแอร์ โกลาส์ เมื่อชาวนาบัวบูรณะวัดไม้เพื่อเป็นอนุสรณ์ “สมโภช 125 ปีแห่งความเชื่อและการแพร่ธรรม” จึงจำเป็นต้องนำกางเขนดังกล่าวกลับไปไว้ที่เดิม ประกอบกับกางเขนดังกล่าวมีขนาดเล็กเกินไปไม่สมดุลกับวัดหลังปัจจุบันที่ใหญ่มาก และมักได้ยินเสียงจากบรรดาพระสงฆ์ โดยเฉพาะพระสงฆ์ลูกวัดว่าสมควรเปลี่ยนกางเขนวัดหลังปัจจุบันได้แล้ว



ความพยายามในการเปลี่ยนกางเขนของวัดหลังปัจจุบัน มีมาก่อนการสมโภช 125 ปีแห่งความเชื่อและการแพร่ธรรม เมื่อวันที่ 21 มกราคม ค.ศ. 2012 ที่ผ่านมา แต่ไม่สามารถดำเนินการให้เสร็จทันการเฉลิมฉลองในวาระดังกล่าวได้ ทำได้เพียงตัวกางเขนติดไว้ที่หอระฆัง เนื่องจากราคาพระรูปพระเยซูเจ้าติดกางเขนนั้นแพงมาก แต่ชาวนาบัวไม่ละความพยายามที่จะทำให้โครงการนี้สำเร็จ



ที่สุด ความพยายามนี้ปรากฏเป็นจริงเมื่อคณะแสวงบุญจากวัดนักบุญยอห์นบัปติสตา เจ้าเจ็ด ภายใต้การนำของคุณพ่อถนอมศักดิ์ เลื่อนประไพ เจ้าอาวาส ที่พาสัตบุรุษมาเยี่ยมวัดนาบัวเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2012 โดยรับปากจะช่วยให้โครงการนี้สำเร็จและได้ส่งเงินมาช่วยจัดซื้อพระรูปพระเยซูเจ้า ทางวัดจึงสามารถดำเนินการจัดซื้อพระรูปพระเยซูเจ้า ขนาดสูง 2.20 เมตรในราคา 60,000.- บาท



พระรูปนี้เดินทางมาถึงนาบัวในตอนสายของวันวันศุกร์ที่ 6 เมษายน ค.ศ. 2012 ซึ่งเป็นวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ และพี่น้องชาวนาบัวได้นมัสการพระรูปนี้ในภาคนมัสการกางเขนของวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ พร้อมทั้งได้เป็นส่วนหนึ่งและสักขีพยานในพิธีเสกพระรูปนี้ก่อนจะเริ่มพิธีกรรมวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ด้วย นับเป็นความลงตัวที่พระรูปนี้มาถูกเวลาและเป็นความชื่นชมยินดีของชาวนาบัวโดยทั่วกัน



เนื่องจากพระรูปนี้ใหญ่มาก แต่หน้ากว้างของตัวกางเขนที่ทำไว้ยังมีขนาดเล็ก ทางวัดจึงได้เสริมกางเขนเดิมที่ทำไว้ให้ใหญ่ขึ้น โดยได้รับความช่วยเหลือจากชาวนาบัวที่เป็นช่างได้ลงมาช่วยกัน จนได้กางเขนขนาดใหญ่ สูง 670 เซนติเมตร ปีกกว้าง 400 เซนติเมตร หน้ากว้าง 49 เซนติเมตร นับเป็นกางเขนที่ใหญ่ที่สุดในอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง



เมื่องานทุกอย่างพร้อมจึงได้พร้อมใจกันปลดกางเขนเดิมลงมาเมื่อวันที่  10 เมษายน รุ่งขึ้นวันที่ 11 เมษายนได้ร่วมแรงร่วมใจกันอีกครั้งในการติดตั้งกางเขนใหญ่แทนที่ เมื่อติดตั้งเรียบร้อยจึงได้นำพระรูปของพระเยซูเจ้าขึ้นติดตั้ง รวมถึงติดตั้งกางเขนเดิมที่วัดไม้ ใช้เวลาในการดำเนินงาน 3 วันเต็มจนงานทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์ ชาวนาบัวได้กางเขนใหญ่เด่นเป็นสง่าทั้งที่วัดไม้และวัดหลังปัจจุบัน



วันเสาร์ที่ 14 เมษายน ค.ศ. 2012 ชาวนาบัวได้ร่วมในพิธีเสกกางเขนใหญ่ที่เสร็จสมบูรณ์ ก่อนพิธีบูชาขอบพระคุณโอกาสวันขึ้นปีใหม่ไทย (วันสงกรานต์) วันฉลองครอบครัวและวันผู้สูงอายุ นับเป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่งของพี่น้องชาวนาบัว อีกทั้ง กางเขนใหญ่นี้จะเป็นเครื่องเตือนใจให้ลูกๆ ชาวนาบัวได้เดินตามหนทางแห่งไม้กางเขนของพระเยซูเจ้าในชีวิต เทิดทูนความรักของพระเจ้าให้กลายเป็นความรักของตนเอง และตอกตรึงชีวิตของตนกับความรักอันยิ่งใหญ่แห่งไม้กางเขนของพระองค์ ตลอดไป



คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
14 เมษายน 2012

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น