วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สมัชชาสังฆมณฑลนครแห่งท่าแร่-หนองแสง



สมัชชาสังฆมณฑลนครแห่งท่าแร่-หนองแสง
ร้อยเอ็ด: พระอัครสังฆราชหลุยส์ จำเนียร สันติสุขนิรันดร์ ประธานสภาสมัชชาสังฆมณฑลนครแห่งท่าแร่-หนองแสง, พระสังฆราชฟิลิป บรรจง ไชยรา ประมุขสังฆมณฑลอุบลราชธานี, พระสังฆราชยอแซฟ ชูศักดิ์ สิริสุทธิ์ ประมุขสังฆมณฑลนครราชสีมา และพระสังฆราชยอแซฟ ลือชัย ธาตุวิสัย พร้อมกับพระสงฆ์ นักบวชชายหญิงและตัวแทนฆราวาส จำนวน 78 คน ได้จัดการประชุมสมัชชาฯเรื่อง ศิษย์ของพระคริสต์เจริญชีวิตประกาศข่าวดีใหม่ระหว่างวันที่ 10-14 พฤศจิกายน 2014 ณ โรงแรมเพชรรัชต์การ์เด้น จังหวัดร้อยเอ็ด

การประชุมสมัชชาฯครั้งนี้ ถือเป็นการประชุมสมัชชาย่อยก่อนจะมีการประชุมสมัชชาระดับชาติ ซึ่งถือเป็นห้วงเวลาสำคัญสำหรับบรรดาพระสังฆราช พระสงฆ์ นักบวชชายหญิงและตัวแทนฆราวาสจากสี่สังฆมณฑลภาคอีสาน ได้แสดงความคิดเห็นเพื่อความดีงามของพระศาสนจักรโดยส่วนรวม ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างรวมเร็วของโลก เป็นการกำหนดนโยบายและทิศทางของพระศาสนจักรในระยะยาว เพื่อใช้เป็นกรอบการอภิบาลทั้งในระดับประเทศและระดับสังฆมณฑลต่อไปในอนาคต
พระคุณเจ้าจำเนียร สันติสุขนิรันดร์ ได้เน้นย้ำในการกล่าวปิดการสมัชชาว่า “การประกาศข่าวดีครั้งแรกเกิดขึ้นในวันพระจิตเจ้าเสด็จลงมาและเป็นวันเกิดของพระศาสนจักร เมื่อบรรดาอัครสาวกร่วมกันภาวนาพร้อมกับพระแม่มารีย์พระมารดาของพระคริสตเจ้าและของเรา แม่พระอยู่ร่วมในการประกาศข่าวดีของอัครสาวกและผู้สืบทอดในทุกที่ของการประกาศ เป็นประสบการณ์ของชุมนุมศิษย์ของพระคริสตเจ้ากลุ่มแรกจากห้องชั้นบน (เทียบ กจ 2) การประกาศข่าวดีหมายถึงการจุดไฟแห่งพระจิตเจ้า ไฟแห่งการประกาศข่าวดีในบรรดาสมาชิกของพระศาสนจักรให้ลุกร้อนขึ้น จนกระทั่งความรักของพระคริสตเจ้าผลักดันให้เราออกไปประกาศข่าวดีใหม่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”

กระบวนการประชุมสมัชชาฯครั้งนี้ เริ่มจากการประกาศกฤษฎีกาเปิดสมัชชาและพิธีบูชาขอบพระคุณ โดยพระสังฆราชฟิลิป บรรจง ไชยรา การอธิบายเนื้อหาเอกสารประกอบการประชุมสมัชชาฯ (Instrumentum Laboris) โดยวิทยากรซึ่งประกอบด้วย คุณพ่อสมเกียรติ ตรีนิกร, คุณประกาย ชลหาร และอาจารย์พลชาติ ไกรบุตร ก่อนจะมีการประชุมกลุ่มย่อยซึ่งมีจำนวน 7 กลุ่มอีก 7 ครั้ง เพื่อทำความเข้าใจเนื้อหาที่วิทยากรนำเสนอและหาแนวทางในการนำไปปฏิบัติ แล้วให้ตัวแทนนำเสนอประเด็นสำคัญให้ที่ประชุมสมัชชาฯ
กระบวนการประชุมสมัชชาฯครั้งนี้ เป็นกระบวนเดียวกันกับสมัชชาพระสังฆราชของพระศาสนจักรสากล (Synod) ที่สมาชิกผู้เข้าร่วมการประชุมสัมัชชาฯทุกคนต้องศึกษาเอกสารประกอบการประชุมสมัชชาฯล่วงหน้าอย่างละเอียด เพื่อไตร่ตรองและทำความเข้าใจในประเด็นต่างๆ และเขียนความเห็นส่วนตัวโดยคำนึงถึงความดีส่วนรวมของพระศาสนจักร นำเสนอความเห็นในการประชุมกลุ่มย่อยและส่งให้กองเลขาสมัชชาฯ ซึ่งจะทำหน้าที่รวบรวมและสรุปประเด็นสำคัญ สังเคราะห์และนำเสนอต่อที่ประชุมสมัชชาฯ ต่อไป

ที่สุด การประชุมสมัชชาฯครั้งนี้ จบลงด้วยพิธีบูชาขอบพระคุณ ซึ่งพระคุณเจ้าจำเนียร สันติสุขนิรันดร์ ได้กล่าวปิดการสมัชชาฯตอนหนึ่งว่า “พระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศไทย ในฐานะเป็นเครื่องหมายและเครื่องมือในการประกาศข่าวดี เพื่อสถาปนาพระอาณาจักรของพระเจ้า ซึ่งเป็นพระอาณาจักรแห่งความยุติธรรม สันติ และความรัก พระศาสนจักรจะต้องเป็นผู้ประกาศข่าวดี และสามารถนำทุกคนให้ก้าวไปสู่พุน้ำแห่งชีวิตคือ องค์พระคริสตเจ้า ด้วยพันธกิจรักและรับใช้ด้วยความรักเมตตา อยู่ข้างทุกคนเป็นต้นคนยากไร้ ช่วยเหลือและคุ้มครองสิทธิและศักดิ์ศรีมนุษย์ และผู้ที่ไม่ได้รับความยุติธรรมในรูปแบบต่างๆ พร้อมทั้งมุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตทั้งฝ่ายกายและฝ่ายจิตแก่พี่น้องทุกคน”
อนึ่ง ผู้เข้าร่วมการประชุมสมัชชาฯครั้งนี้ ได้รับแต่งตั้งจากพระอัครสังฆราชหลุยส์ จำเนียร สันติสุขนิรันดร์ ประธานสภาสมัชชาฯและประมุขอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง ประกอบด้วย อัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง 25 คน, สังฆมณฑลอุบลราชธานี 20 คน, สังฆมณฑลนครราชสีมา 12 คน และสังฆมณฑลอุดรธานี 21 รวมผู้เข้าร่วมสมัชชาฯทั้งหมด 78 คน โดยมี คุณพ่อวีระเดช ใจเสรี เป็นเลขาธิการสมัชชาฯ และคุณพ่อวัชรินทร์ ต้นปรึกษา เป็นผู้ดำเนินการประชุมสมัชชาฯ


Don Daniele รายงาน
danielkhuan@hotmail.com
โรงเรียนเซนต์ยอแซฟกุฉินารายณ์
15 พฤศจิกายน 2014

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น