สมัชชาสังฆมณฑลนครแห่งท่าแร่-หนองแสง
ร้อยเอ็ด: พระอัครสังฆราชหลุยส์ จำเนียร
สันติสุขนิรันดร์ ประธานสภาสมัชชาสังฆมณฑลนครแห่งท่าแร่-หนองแสง, พระสังฆราชฟิลิป บรรจง ไชยรา
ประมุขสังฆมณฑลอุบลราชธานี, พระสังฆราชยอแซฟ ชูศักดิ์ สิริสุทธิ์
ประมุขสังฆมณฑลนครราชสีมา และพระสังฆราชยอแซฟ ลือชัย ธาตุวิสัย พร้อมกับพระสงฆ์
นักบวชชายหญิงและตัวแทนฆราวาส จำนวน 78 คน ได้จัดการประชุมสมัชชาฯเรื่อง “ศิษย์ของพระคริสต์เจริญชีวิตประกาศข่าวดีใหม่”ระหว่างวันที่ 10-14 พฤศจิกายน 2014 ณ โรงแรมเพชรรัชต์การ์เด้น จังหวัดร้อยเอ็ด
การประชุมสมัชชาฯครั้งนี้
ถือเป็นการประชุมสมัชชาย่อยก่อนจะมีการประชุมสมัชชาระดับชาติ
ซึ่งถือเป็นห้วงเวลาสำคัญสำหรับบรรดาพระสังฆราช พระสงฆ์
นักบวชชายหญิงและตัวแทนฆราวาสจากสี่สังฆมณฑลภาคอีสาน ได้แสดงความคิดเห็นเพื่อความดีงามของพระศาสนจักรโดยส่วนรวม
ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างรวมเร็วของโลก เป็นการกำหนดนโยบายและทิศทางของพระศาสนจักรในระยะยาว
เพื่อใช้เป็นกรอบการอภิบาลทั้งในระดับประเทศและระดับสังฆมณฑลต่อไปในอนาคต
พระคุณเจ้าจำเนียร
สันติสุขนิรันดร์ ได้เน้นย้ำในการกล่าวปิดการสมัชชาว่า “การประกาศข่าวดีครั้งแรกเกิดขึ้นในวันพระจิตเจ้าเสด็จลงมาและเป็นวันเกิดของพระศาสนจักร
เมื่อบรรดาอัครสาวกร่วมกันภาวนาพร้อมกับพระแม่มารีย์พระมารดาของพระคริสตเจ้าและของเรา
แม่พระอยู่ร่วมในการประกาศข่าวดีของอัครสาวกและผู้สืบทอดในทุกที่ของการประกาศ เป็นประสบการณ์ของชุมนุมศิษย์ของพระคริสตเจ้ากลุ่มแรกจากห้องชั้นบน
(เทียบ กจ 2) การประกาศข่าวดีหมายถึงการจุดไฟแห่งพระจิตเจ้า
ไฟแห่งการประกาศข่าวดีในบรรดาสมาชิกของพระศาสนจักรให้ลุกร้อนขึ้น
จนกระทั่งความรักของพระคริสตเจ้าผลักดันให้เราออกไปประกาศข่าวดีใหม่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
กระบวนการประชุมสมัชชาฯครั้งนี้
เริ่มจากการประกาศกฤษฎีกาเปิดสมัชชาและพิธีบูชาขอบพระคุณ โดยพระสังฆราชฟิลิป
บรรจง ไชยรา การอธิบายเนื้อหาเอกสารประกอบการประชุมสมัชชาฯ (Instrumentum
Laboris) โดยวิทยากรซึ่งประกอบด้วย คุณพ่อสมเกียรติ ตรีนิกร,
คุณประกาย ชลหาร และอาจารย์พลชาติ ไกรบุตร ก่อนจะมีการประชุมกลุ่มย่อยซึ่งมีจำนวน
7 กลุ่มอีก 7 ครั้ง เพื่อทำความเข้าใจเนื้อหาที่วิทยากรนำเสนอและหาแนวทางในการนำไปปฏิบัติ
แล้วให้ตัวแทนนำเสนอประเด็นสำคัญให้ที่ประชุมสมัชชาฯ
กระบวนการประชุมสมัชชาฯครั้งนี้
เป็นกระบวนเดียวกันกับสมัชชาพระสังฆราชของพระศาสนจักรสากล (Synod) ที่สมาชิกผู้เข้าร่วมการประชุมสัมัชชาฯทุกคนต้องศึกษาเอกสารประกอบการประชุมสมัชชาฯล่วงหน้าอย่างละเอียด
เพื่อไตร่ตรองและทำความเข้าใจในประเด็นต่างๆ และเขียนความเห็นส่วนตัวโดยคำนึงถึงความดีส่วนรวมของพระศาสนจักร
นำเสนอความเห็นในการประชุมกลุ่มย่อยและส่งให้กองเลขาสมัชชาฯ ซึ่งจะทำหน้าที่รวบรวมและสรุปประเด็นสำคัญ
สังเคราะห์และนำเสนอต่อที่ประชุมสมัชชาฯ ต่อไป
ที่สุด
การประชุมสมัชชาฯครั้งนี้ จบลงด้วยพิธีบูชาขอบพระคุณ ซึ่งพระคุณเจ้าจำเนียร
สันติสุขนิรันดร์ ได้กล่าวปิดการสมัชชาฯตอนหนึ่งว่า “พระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศไทย
ในฐานะเป็นเครื่องหมายและเครื่องมือในการประกาศข่าวดี เพื่อสถาปนาพระอาณาจักรของพระเจ้า
ซึ่งเป็นพระอาณาจักรแห่งความยุติธรรม สันติ และความรัก พระศาสนจักรจะต้องเป็นผู้ประกาศข่าวดี
และสามารถนำทุกคนให้ก้าวไปสู่พุน้ำแห่งชีวิตคือ องค์พระคริสตเจ้า ด้วยพันธกิจรักและรับใช้ด้วยความรักเมตตา
อยู่ข้างทุกคนเป็นต้นคนยากไร้ ช่วยเหลือและคุ้มครองสิทธิและศักดิ์ศรีมนุษย์
และผู้ที่ไม่ได้รับความยุติธรรมในรูปแบบต่างๆ พร้อมทั้งมุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตทั้งฝ่ายกายและฝ่ายจิตแก่พี่น้องทุกคน”
อนึ่ง
ผู้เข้าร่วมการประชุมสมัชชาฯครั้งนี้ ได้รับแต่งตั้งจากพระอัครสังฆราชหลุยส์
จำเนียร สันติสุขนิรันดร์ ประธานสภาสมัชชาฯและประมุขอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง
ประกอบด้วย อัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง 25 คน,
สังฆมณฑลอุบลราชธานี 20 คน, สังฆมณฑลนครราชสีมา 12 คน และสังฆมณฑลอุดรธานี 21
รวมผู้เข้าร่วมสมัชชาฯทั้งหมด 78 คน โดยมี
คุณพ่อวีระเดช ใจเสรี เป็นเลขาธิการสมัชชาฯ และคุณพ่อวัชรินทร์ ต้นปรึกษา
เป็นผู้ดำเนินการประชุมสมัชชาฯ
Don Daniele รายงาน
danielkhuan@hotmail.com
โรงเรียนเซนต์ยอแซฟกุฉินารายณ์
15
พฤศจิกายน 2014
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น