พระพรและความรักพิเศษของพระเจ้า
พระเจ้าทรงมีแผนการสำหรับมนุษย์แต่ละคนแตกต่างกันไป หากมองอย่างผิวเผินอาจไม่เข้าใจและรับไม่ได้ อีกทั้งยังก่อให้เกิดความคลางแคลงสงสัยและคำถามในใจหลายอย่างตามมา เช่น ทำไมคนดีๆ
ที่ทำประโยชน์ให้กับสังคมจึงอายุสั้น ทำไมคนที่มีความเชื่อศรัทธาอย่างแรงกล้าต้องตายอย่างทรมาน
หรือบางคนถูกทำให้ตายอย่างทารุณโหดร้าย
คนที่ประสบชะตากรรมเช่นนี้เกิดจากบาปของเขาหรือเปล่า คำตอบที่ได้คือไม่ใช่ เพราะหลายคนเรารู้จักดี และยืนยันได้ว่าเขาเป็นคนดีจริงๆ
นี่คือ ธรรมล้ำลึกของพระเจ้า (Mysterium) ชีวิตของคุณพ่อสมพร อุปพงศ์ ได้สะท้อนความหมายของคำ
“ธรรมล้ำลึก” ได้อย่างชัดเจน ซึ่งทุกคนที่รู้จักคุณพ่อเป็นประจักษ์พยานในเรื่องนี้ได้
คุณพ่อได้ดำเนินชีวิตเป็นเครื่องหมายที่มองเห็นได้ของพระเยซูเจ้าท่ามกลางเรา
เป็นพระสงฆ์ที่ศักดิ์สิทธิ์ศรัทธา เป็นพ่อที่ใจดีมีเมตตา เป็นผู้อภิบาลที่สุภาพถ่อมตน และเป็นสมณะที่ดำเนินชีวิตสมถะเรียบง่าย สมดังคติพจน์ที่ว่า
"รักเพื่อน รักพระ สัจจะ ซื่อตรง
อุทิศตนรับใช้ เรียบง่าย สมถะ" ซึ่งคุณพ่อได้เลือก
การที่คุณพ่อต้องทนทุกข์ทรมานเพราะอาการปอดติดเชื้อในวาระสุดท้ายของชีวิต
จึงไม่ใช่การลงโทษของพระเจ้า แต่เป็น “ธรรมล้ำลึก” ซึ่งพระเจ้าทรงมีแผนการเช่นนี้เสมอในประวัติศาสตร์แห่งความรอด
พระองค์ทรงหลอมผู้ที่พระองค์ทรงรักเหมือนหลอมทองในเบ้า
เพื่อให้ได้ทองคำที่บริสุทธิ์และส่องประกายเจิดจ้าสำหรับผู้อื่น เรื่องราวของโยบในพระคัมภีร์
ชีวิตของบรรดานักบุญมรณสักขี ล้วนเป็นพยานถึงความจริงข้อนี้
ยิ่งเมื่อได้อ่านงานเขียนของคุณพ่อ
ยิ่งทำให้เห็นถึงพระพรและความรักพิเศษของพระเจ้าได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น คุณพ่อได้เขียนบทความ “25 ปี แห่งการเป็นสงฆ์ของข้าพเจ้า” โอกาสฉลอง
25 ปีชีวิตสงฆ์ เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม
ค.ศ. 2003
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
คำภาวนาของคุณพ่อต่อหน้าศีลมหาสนิทขณะเป็นสามเณร
ที่ต้องทนทุกข์กับปัญหาสุขภาพเป็นเวลาหลายปี “ถ้าลูกได้บวชเป็นพระสงฆ์แล้ว
อาจเจ็บป่วยต้องนอนอยู่บนเตียงตลอดก็ดีใจแล้ว
เพราะชีวิตนี้ได้ถวายตัวให้พระองค์แล้ว
ความเจ็บป่วย ความทุกข์
คือการถวายบูชาด้วยชีวิตของข้าพเจ้าพร้อมกับพระเยซูเจ้าบนไม้กางเขน”
พระเยซูเจ้าทรงฟังคำภาวนาของคุณพ่อ จึงประทานความเจ็บป่วยให้คุณพ่อต้องนอนอยู่บนเตียง ไปไหนไม่ได้ แต่ถึงกระนั้น มุมมองของคุณพ่อต่อเหตุการณ์ในลักษณะนี้กลับสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อที่ลึกซึ้งของคุณพ่อ โดยเฉพาะในบทความเรื่อง “ของขวัญวันบวช” ที่เขียนในโอกาสเดียวกัน
“มันเป็นการถวายมิสซาบูชาด้วยชีวิตจริงของข้าพเจ้าที่ต้องพลี มันเป็นจอกกาลิกส์ที่บรรจุด้วยเลือดของข้าพเจ้าผสมเข้ากับพระโลหิตของพระเยซูคริสตเจ้า เพื่อมอบชีวิตให้กับโลก นี่แหละคือความหมายของการเป็นสงฆ์ ข้าพเจ้าภูมิใจและมีความสุขใจเสมอเมื่อคิดถึงเหตุการณ์นี้
เพราะมันเป็นสิ่งสวยงามที่สุดชิ้นหนึ่งสำหรับชีวิตสงฆ์ของข้าพเจ้า
สงฆ์เพื่อมวลชน เพื่อผู้อื่น
มันกลายเป็นของขวัญล้ำค่าสำหรับข้าพเจ้า”
เราเชื่อว่า พระเจ้าทรงมีแผนการพิเศษบางอย่างสำหรับครอบครัว “อุปพงศ์” และอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง พระองค์ทรงเลือกคุณพ่อสมพรให้เป็นพระสงฆ์ ให้มีส่วนในธรรมล้ำลึกปัสกาของพระองค์ เพื่อร่วมส่วนในพระมหาทรมานในการไถ่กู้มนุษยชาติ อีกทั้งทำให้ภาพความรักของพระองค์ที่มีต่อมนุษย์ปรากฏชัดยิ่งขึ้น
พระเจ้าทรงเลือกคนเช่นนี้แหละสำหรับเป็นเครื่องมือของพระองค์
พระองค์ไม่ทรงเลือกคนที่ศรัทธาน้อยหรือคนที่ไม่ดีในสายตาของคนทั่วไป เพราะเขาเหล่านั้นจะรับไม่ได้ แม้ว่าบาปของเขาสมควรจะได้รับโทษก็ตาม ทั้งนี้เพราะพระเจ้าทรงรักคนบาป
ทรงให้โอกาสพวกเขาเพื่อจะได้กลับใจ
และทรงเลือกคนดีๆ ให้มีส่วนในงานไถ่กู้ของพระองค์ เพื่อคนบาปเหล่านี้
ชีวิตของคุณพ่อสมพร ได้เป็นตัวอย่างและบทเรียนล้ำค่าสำหรับทุกคนที่มีชีวิตอยู่ ให้ตระหนักในชีวิตของตนและพระพรที่ได้รับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเราซึ่งเป็นคริสตชน ในการน้อมรับน้ำพระทัยของพระเจ้าและปฏิบัติตาม ดังบทความเรื่อง “มุมมองคลื่นยักษ์ (สึนามิ)” ที่คุณพ่อได้ให้ข้อคิดไว้ว่า
“ชีวิตของเราที่กำลังดำเนินอยู่ในแต่ละวันนั้นช่างเปราะบาง
แตกดับง่าย และสั้นนัก ไม่มีอะไรแน่นอน
และจะยึดมั่นถือมั่นอะไรเป็นแก่นหลักสำหรับชีวิตได้เล่า เราไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกสักกี่วัน...
และวันเวลาที่เราจะต้องตายนั้นไม่มีใครรู้ได้ว่า เมื่อไร อย่างไร และที่ไหน...
ดังนั้นการเตรียมตัวให้พร้อมและตื่นเฝ้าอย่างมีสติอยู่ตลอดเวลา
จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญยิ่ง โดยการดำเนินชีวิตในคุณงามความดี ความยุติธรรม
ความเมตตา การเอื้ออาทรต่อผู้อื่น
และดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ของพระเจ้าในแต่ละวันอย่างดี
เพราะชีวิตของคนเราช่างเปราะบางและสั้นนัก
และสิ่งที่คงอยู่ตลอดไปซึ่งเป็นแก่นหลักสำหรับชีวิตของมนุษย์ได้ก็คือ
พระเป็นเจ้าเท่านั้น”
เวลานี้ คุณพ่อสมพรได้ทำหน้าที่ของตนและเป็นเครื่องมือที่ดีของพระเจ้าบนโลกนี้แล้ว พระองค์จึงเรียกคุณพ่อไปรับรางวัลและอยู่กับพระองค์ ความตายของคุณพ่อแม้จะอยู่ในความคาดหมายล่วงหน้า แต่เมื่อเวลานั้นมาถึงก็อดที่จะโศกสลดและเสียใจไม่ได้ โดยเฉพาะคนที่เป็นลูกศิษย์ ผู้ร่วมงาน พี่น้อง และญาติมิตร
เพื่อไม่ให้เราตกอยู่ในห้วงเหวของความทุกข์จนเกินไป คุณพ่อยังได้ให้ความหวังแก่เราว่า “ชีวิตของเราไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่หรือตาย เราก็อยู่ในความรักและพระเมตตาของพระเจ้าเสมอ ความตายจึงมิใช่การจบสิ้นหรือเป็นการสิ้นหวัง
แต่ชีวิตในองค์พระเจ้ายังคงดำเนินอยู่ในชีวิตเราอย่างต่อเนื่องแม้หลังความตาย
ความรักและความสัมพันธ์กับพระองค์ก็จะยิ่งสมบูรณ์มากขึ้น”
ขอดวงวิญญาณของคุณพ่อ ได้รับการพักผ่อนนิรันดรกับพระเจ้า
เทอญ
คุณพ่อขวัญ
ถิ่นวัลย์
สำนักมิสซังฯ สกลนคร
7 สิงหาคม 2007
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น