ความช่วยเหลือของพระเจ้า
วันอาทิตย์ สัปดาห์ที่ 13
เทศกาลธรรมดา
ปี B
|
ปชญ 1:13-15;2:23-24
2 คร 8:7,9,13-15
มก 5:21-43
|
บทนำ
มีเรื่องเล่าว่า
เกิดน้ำท่วมใหญ่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ผู้คนพากันอพยพหนีไปยังที่ปลอดภัย
เว้นแต่หญิงชราคนหนึ่งที่ไม่ยอมทิ้งบ้านหนีไปไหน น้ำเริ่มท่วมพื้นชั้นล่าง
ขณะที่เธอยืนตรงขอบหน้าต่างห้องครัว มีเรือลำหนึ่งผ่านมาร้องบอกให้เธอขึ้นเรือเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง
แต่หญิงชราปฏิเสธพร้อมกับบอกว่า “ฉันวางใจในพระเจ้าว่าพระองค์จะต้องช่วยฉัน”
วันต่อมาน้ำเริ่มท่วมถึงชั้นที่สองของบ้าน
ขณะที่หญิงชรายืนอยู่ที่หน้าต่างชั้นสองมองดูน้ำที่กำลังท่วมสูงขึ้น เรืออีกลำหนึ่งผ่านมาและบอกให้เธอขึ้นมาบนเรือเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง
แต่หญิงชราปฏิเสธพร้อมกับพูดเช่นเดิมว่า “ฉันวางใจในพระเจ้าว่าพระองค์จะทรงช่วยฉัน” คนขับเรือจึงแล่นเรือจากไป
วันต่อมาน้ำท่วมถึงหลังคาบ้าน
หญิงชราต้องหนีขึ้นบนหลังคา ขณะที่เธออยู่บนหลังคารอความช่วยเหลือจากพระเจ้าอย่างมีความหวัง
เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งบินมา หย่อนบันไดเชือกและประกาศผ่านเครื่องขยายเสียง ให้เธอปีนบันไดเชือกขึ้นมาเพื่อเอาตัวรอด
แต่หญิงชรายังคงปฏิเสธและร้องบอกว่า “ฉันวางใจในพระเจ้าว่าพระองค์จะทรงช่วยฉัน”
นักบินจึงบินจากไป
ที่สุด
น้ำท่วมมิดหลังคาบ้านทำให้หญิงชราจมน้ำเสียชีวิต
เนื่องจากเธอเป็นคนชอบธรรมจึงได้เข้าสวรรค์ ก่อนจะเข้าสวรรค์เธอได้พบนักบุญเปโตรและได้บ่นกับเปโตรว่า
“ฉันวางใจในพระเจ้าว่าพระองค์จะทรงช่วยฉัน แต่ทำไมพระองค์ถึงปล่อยให้ฉันจมน้ำตาย”
เปโตรมองดูหญิงชราอย่างงงงวยและพูดกับเธอว่า “เราไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมยายถึงปฏิเสธความช่วยเหลือของพระเจ้าเล่า
ทั้งๆ ที่พระองค์ได้ส่งเรือสองลำและเฮลิคอบเตอร์อีกหนึ่งลำไปช่วย”
พระวรสารวันนี้
ได้แสดงถึงบุคคลสองคนที่ต้องการความช่วยเหลือเช่นเดียวกับหญิงชราที่ถูกน้ำท่วม
หญิงที่ป่วยเป็นโรคตกเลือดมาสิบสองปี กับไยรัสหัวหน้าศาลาธรรมที่บุตรสาววัยสิบสองขวบของเขากำลังป่วยหนัก
ทั้งสองคนต่างเชื่อวางใจในพระเจ้าเช่นเดียวกับหญิงชราคนนั้น แต่ความเชื่อวางใจของพวกเขาแตกต่างอย่างใหญ่หลวงกับของหญิงชราที่เราได้ยินในตอนต้น
1.
ความช่วยเหลือของพระเจ้า
หญิงที่ป่วยเป็นโรคตกโลหิตมีความเชื่อว่า พระเยซูเจ้าสามารถรักษาโรคตกเลือดที่เธอทุกข์ทรมานมาสิบสองปีให้หายได้
แต่เธอตระหนักว่าเธอเองต้องทำบางสิ่งบางอย่าง
เธอไม่ได้นั่งอยู่ที่บ้านรอพระเยซูเจ้ามาหา แต่ครั้นจะเปิดเผยตัวไปพบพระเยซูเจ้าคงไม่ได้
เพราะจะทำให้พระองค์เป็นมลทิน เธอจึงเดินเบียดเสียดไปกับฝูงชนเพื่อสัมผัสชายเสื้อของพระองค์
ทำให้อาการตกเลือดที่เรื้อรังมานานได้รับการรักษาให้หาย
เช่นเดียวกันไยรัส หัวหน้าศาลาธรรม ซึ่งเป็นผู้นำและเป็นที่นับหน้าถือตาในหมู่ชาวยิว
เขาเชื่อว่าพระเยซูเจ้าสามารถรักษาบุตรสาวของเขาซึ่งป่วยหนักให้หายได้ เขาตระหนักว่าจะต้องทำบางสิ่งด้วยการไปพบพระเยซูเจ้า
เพื่อขอร้องพระองค์ให้มารักษาบุตรสาวของเขาซึ่งนอนป่วยอยู่ที่บ้าน
เขาละทิ้งตำแหน่งอันมีเกียรติ
ศักดิ์ศรีและอคติที่เคยมีเพื่อไปพบกับพระเยซูเจ้าด้วยตนเอง
ทั้งหญิงที่ป่วยเป็นโรคตกโลหิตและไยรัส ได้กระทำมากกว่าความเชื่อวางใจ
พวกเขาได้ทำส่วนของพวกเขา ด้วยการใช้ช่องทางปกติทั่วไปที่เป็นไปได้
เพื่อร้องขอการรักษาจากพระเยซูเจ้าที่พวกเขาต้องการ
เราไม่สามารถนั่งงอมืองอเท้าโดยไม่ทำอะไร เพื่อจะได้รับความช่วยเหลือจากพระเจ้า
เราจะต้องร่วมมือกับพระเจ้า ทำส่วนของเราให้ดีที่สุด
นักบุญอิกญาซีโอแห่งโลโยลา ได้ขยายความความร่วมมือกับพระเจ้าในแบบที่ว่า “เราต้องทำงานของเราประหนึ่งว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเรา
แต่เราต้องภาวนาประหนึ่งว่าทุกอย่างขึ้นกับพระเจ้า” นั่นหมายความว่า
เราต้องร่วมมือกับพระเจ้าและใช้ช่องทางปกติทั่วไปที่พระเจ้าทรงประทานให้ ก่อนที่เราจะร้องขอพระองค์ให้ช่วยเหลือเราด้วยวิธีพิเศษ
2.
บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าในวันนี้
ได้ให้บทเรียนและแนวปฏิบัติสำหรับเราคริสตชนหลายประการ
ประการแรก เราจะต้องทำส่วนของเราให้ดีที่สุด
ก่อนที่จะร้องขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า เราต้องออกแรงทำในส่วนของเราที่ต้องรับผิดชอบให้ดีที่สุด
เหมือนนักเรียนนักศึกษาที่ต้องการผ่านการสอบ ก็ต้องอ่านหนังสือ ทบทวนวิชาต่างๆ
ที่ได้เรียนมา เข้าทำนอง “พระเจ้าจะช่วยคนที่ช่วยตัวเอง”
ประการที่สอง เราต้องมีใจเมตตาและปฏิบัติต่อคนที่เจ็บป่วยด้วยความรัก
โรคที่คนเป็นกันมากที่สุดในปัจจุบันคือโรคขาดความรัก
นี่คือพันธกิจแห่งการเยียวยารักษาของพระศาสนจักรในโลก เมื่อคนใดคนหนึ่งเจ็บป่วยไม่สบาย ในสถานการณ์เช่นนี้
เขาต้องการการดูแลเอาใจใส่ด้วยความรัก ความเห็นอกเห็นใจและความเมตตากรุณา
การเยี่ยมเยียนและอยู่ด้วยกับเขาคือโอสถชั้นดีที่คนป่วยต้องการมากที่สุด
ประการที่สาม เราต้องวางใจในพระทัยกรุณาและอำนาจของพระเจ้า มนุษย์ได้รับชีวิตมาจากพระเจ้า
พระองค์สามารถขับไล่โรคภัยไข้เจ็บและความตายได้
เงื่อนไขแรกสุดเพื่อคำภาวนาของเราจะได้เกิดผล เราต้องวางใจในพระทัยกรุณาของพระเจ้า
ผ่านทางการหมั่นภาวนา มาหาพระองค์บ่อยๆ ทางศีลศักดิ์สิทธิ์ รำพึงและศึกษาพระวาจาของพระองค์อยู่เสมอ
บทสรุป
พี่น้องที่รัก พระวรสารวันนี้บอกให้เราทราบถึงพระทัยกรุณาและอำนาจของพระเจ้า
ซึ่งสามารถขจัดความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานของเรามนุษย์ให้หมดสิ้นไปได้
แต่เหนือสิ่งอื่นใดเพื่อจะได้รับความช่วยเหลือหรือการเยียวยารักษาจากพระเจ้า เราต้องมีความเชื่อวางใจในพระองค์และต้องแสดงออกภายนอกให้พระองค์ได้ประจักษ์
ด้วยการทำส่วนของเราให้ดีที่สุด
พระเจ้าทรงรักเรามากจึงให้อิสระแก่เรา
ไม่บังคับให้เราต้องรับความช่วยเหลือจากพระองค์ นี่คือเครื่องหมายของความรักแท้ พระเยซูเจ้าทรงประสงค์ให้เราได้แบ่งปันและแสดงออกถึงความรักแท้นี้กับเพื่อนพี่น้อง
เป็นต้นคนที่เจ็บป่วย กำลังทนทุกข์และต้องการความช่วยเหลือ ให้เราได้มอบความวางใจอย่างเต็มเปี่ยมในพระเจ้าผู้ทรงชีวิต
เจริญชีวิตในความรักต่อพระองค์และต่อกันและกัน เป็นต้นในครอบครัว
หมู่คณะและหมู่บ้านของเรา
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว29 มิถุนายน 2012
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น