ศีลมหาสนิท พลังชีวิตคริสตชน
วันอาทิตย์
สมโภชพระวรกายและพระโลหิต
ปี B
|
อพย 24:3-8
ฮบ 9:11-15
มก 14:12-16,
22-24
|
บทนำ
สามเณรชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งกำลังศึกษาอยู่ที่กรุงโรม
ได้รับเชิญให้ทำหน้าที่อธิบายมหาวิหารนักบุญเปโตรแก่นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นเพื่อนร่วมชาติ
ซึ่งไม่มีความเชื่อใดๆ เกี่ยวกับคริสต์ศาสนาเลย เขาได้เริ่มอธิบายงานศิลปะ
สถาปัตยกรรมและประติมากรรมชั้นเยี่ยมในมหาวิหารอย่างละเอียด
ที่สุดเขาได้มาหยุดอยู่ที่วัดน้อยแห่งศีลมหาสนิท ซึ่งเขาได้อธิบายอย่างรวบรัดเพราะคิดว่าคงไม่สำคัญอะไรสำหรับคนต่างศาสนาที่ไม่มีความเชื่อ
นักท่องเที่ยวสูงวัยคนหนึ่งที่ยืนฟังคำอธิบายของมัคคุเทศก์จำเป็นอย่างตั้งใจ
ได้ขอร้องให้เขาได้อธิบายเกี่ยวกับศีลมหาสนิทอย่างละเอียดอีกครั้ง
เขาได้เริ่มอธิบายเกี่ยวกับศีลมหาสนิทโดยละเอียด
เมื่อฟังจบนักท่องเที่ยวท่านนั้นอุทานออกมาว่า “ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ผู้ที่ประทับอยู่ในวัดน้อยนี้คือผลงานชั้นเยี่ยมยิ่งกว่างานศิลปะใดๆ
ในมหาวิหารนี้”
วันนี้เราสมโภชพระวรกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้า
(Corpus
Christi)
พระศาสนจักรต้องการให้เราตระหนักและเห็นคุณค่าแห่ง “การประทับอยู่ของพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิท”
ซึ่งถือเป็นของประทานที่หาค่ามิได้ที่พระเยซูเจ้าประทานแก่เราในวันพฤหัสศักดิ์สิทธิ์
เพื่อเป็นอาหารฝ่ายจิตสำหรับเราคริสตชน แม้เราจะฉลองการก่อตั้งศีลมหาสนิทในวันพฤหัสศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว
แต่พระสันตะปาปาอูร์บันที่ 4 ได้เพิ่มการฉลองศีลมหาสนิทเข้ามาในพระศาสนจักรสากลในปี ค.ศ. 1264
การสมโภชนี้ถือเป็นการเฉลิมฉลองการประทับอยู่ของพระเจ้าท่ามกลางเรา (Emmanuel) ในอันที่จะช่วยเราให้เรียนรู้ถึงความสำคัญแห่งการประทับอยู่นี้อย่างแท้จริง
และได้รับประโยชน์สูงสุดจากศีลมหาสนิทที่เรากำลังจะรับ ซึ่งได้กลายเป็นธรรมล้ำลึกแห่งความเชื่อ
ความหวังและความรักสำหรับเราคริสตชนตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงปัจจุบัน
1.
ศีลมหาสนิท
พลังแห่งชีวิตคริสตชน
สังคายนาวาติกันที่ 2
ยืนยันว่า “ศีลมหาสนิทคือศูนย์กลางของความสมบูรณ์ครบครันแห่งชีวิตคริสตชน”
ทั้งนี้ก็เพราะว่า:
1) ศีลมหาสนิททำให้เรามีส่วนในพระทรมานของพระเยซูเจ้าในขณะปัจจุบันและทำให้ชีวิตของเราเกิดผล,
2) ศีลมหาสนิทช่วยเราให้สามารถนมัสการพระบิดา พระบุตรและพระจิตได้อย่างบริบูรณ์,
3) ศีลมาสนิทช่วยเพิ่มพูนความรักและทำให้เราเป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูเจ้าและเพื่อนพี่น้อง
ในการถวายเครื่องบูชาแห่งพระกายและพระโลหิตของพระองค์แด่พระบิดาเจ้า และ 4)
ศีลมหาสนิททำให้เราระลึกถึงพระทรมาน
การสิ้นพระชนม์และการกลับคืนชีพของพระคริสตเจ้าอยู่เสมอ อีกทั้ง เตือนใจเราถึงหน้าที่แห่งความรักในการยอมรับความยากลำบากและยอมทนทรมานเพื่อผู้อื่น
ในพระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าทรงตั้งศีลมหาสนิทขณะกินเลี้ยงปัสกากับบรรดาอัครสาวก
เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ที่เทวทูตของพระเจ้าได้ข้ามผ่านครอบครัวชาวยิวและลงโทษชาวอียิปต์ผู้กดขี่
ชาวยิวได้รับการช่วยให้รอดด้วยเลือดลูกแกะซึ่งทาที่ขอบประตู ในพระวรสารพระเยซูเจ้าได้ยืนยันด้วยพระวาจาและท่าทางประกอบว่า
ทรงเป็นลูกแกะปัสกาที่แท้จริงและครบครัน ด้วยการมอบพระโลหิตของพระองค์เองเพื่อความรอดของมนุษยชาติ
(ซึ่งจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าบนไม้กางเขน)
ดังนั้น ศีลมหาสนิทจึงเป็นพันธสัญญาใหม่ที่พระเยซูเจ้าทรงตั้งขึ้น
เป็นพันธสัญญาแห่งความรักที่เชื่อมโยงมนุษย์กับพระเจ้าเข้าด้วยกัน
ผ่านทางศีลล้างบาปเรามีส่วนในพันธสัญญานี้
และได้รับการรื้อฟื้นทุกครั้งในพิธีบูชาของพระคุณ
ในศีลมหาสนิททำให้เรามีประสบการณ์ถึงความรักที่เปี่ยมล้นของพระเจ้าที่มีต่อเรา
พระองค์ทรงเลี้ยงเรา รักษาเราและทำให้เราเข้มแข็งด้วยชีวิตของพระองค์เอง ศีลมหาสนิทจึงเป็นบ่อเกิดและพลังแห่งชีวิตคริสตชน
อีกทั้ง
เป็นเครื่องหมายแห่งความรักที่พระเยซูเจ้าทรงเลี้ยงประชากรของพระองค์ให้เป็นหมู่คณะและเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์
2.
บทเรียนสำหรับเรา
การสมโภชพระวรกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้าในวันนี้
ได้ให้บทเรียนและแนวปฏิบัติสำหรับเราคริสตชนหลายประการ
ประการแรก
เราจะต้องเป็นผู้นำสารแห่งความรักที่เสียสละและความเป็นหนึ่งเดียวกัน
แป้งสาลีจำนวนมากได้คุกเคล้าเข้าด้วยกันจนกลายเป็นปัง ผลองุ่นมากมายได้นำมาย่ำรวมกันจนกลายเป็นเหล้าองุ่น
พระจิตเจ้าได้ทรงเปลี่ยนเครื่องบูชาสองอย่างนี้ให้กลายเป็นพระกายและพระโลหิตของพระเยซูเจ้า
ซึ่งเป็นเครื่องหมายแห่งความรักและความเป็นหนึ่งเดียวกัน ดังนั้น เมื่อเรารับศีลมหาสนิทจากปังก้อนเดียวกันและเหล้าองุ่นจากถ้วยเดียวกัน
เราจึงควรแสดงออกถึงความรักและความเป็นหนึ่งเดียวกัน
ประการที่สอง
เราต้องเตรียมตัวให้เหมาะสมสำหรับการรับศีลมหาสนิท ก่อนจะรับศีลมหาสนิท
เราต้องสำนึกผิดและคืนดีกับพระเจ้าและเพื่อนพี่น้องผ่านทางศีลอภัยบาป
เราต้องตระหนักถึงคำเตือนของนักบุญเปาโลที่ว่า “ผู้ใดที่กินปังหรือดื่มจากถ้วยขององค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างไม่สมควร
ก็ผิดต่อพระกายและพระโลหิตขององค์พระผู้เป็นเจ้า” (1 คร 11:27)
ดังนั้น เราจึงควรรับศีลมหาสนิทด้วยดวงใจที่สะอาดบริสุทธิ์ ด้วยความเคารพและด้วยดวงใจที่ร้อนรนด้วยความรัก
ประการที่สาม
เราจะต้องเป็นผู้นำพระเยซูเจ้าไปสู่ผู้อื่น
เมื่อเราได้รับศีลมหาสนิท เราได้กลายเป็นผู้นำพระเยซูเจ้าไปสู่ผู้อื่นเช่นเดียวกับแม่พระ
ทุกครั้งที่เรามาร่วมมิสซาวันอาทิตย์และรับพระองค์ในศีลมหาสนิท
เราจะต้องไม่ทิ้งพระองค์ไว้ในวัด แต่จะต้องนำพระองค์กลับออกไปในชีวิตประจำวัน
นำพระองค์กลับไปสู่ครอบครัวและที่ทำงาน ด้วยการเป็นเครื่องหมายแห่งความรัก ความเมตตากรุณา
การให้อภัย ความสุภาพและการรับใช้ที่เสียสละขององค์พระคริสตเจ้า
บทสรุป
พี่น้องที่รัก ศีลมหาสนิท คือศูนย์กลางของความสมบูรณ์ครบครันแห่งชีวิตคริสตชน เป็นบ่อเกิดและพลังของชีวิตคริสตชนที่พระคริสตเจ้าทรงประทานแก่เรา คำว่า “มหาสนิท” หมายถึง เอกภาพหนึ่งเดียว ที่ทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกันในพระคริสตเจ้า
ดังนั้น การไปรับศีลมหาสนิทและตอบรับว่า “อาแมน” จึงเป็นการประกาศถึง เอกภาพและความเป็นหนึ่งเดียวกันของหมู่คริสตชน
ที่ทุกคนต่างรับปังจากก้อนเดียวกันและดื่มโลหิตจากถ้วยเดียวกันคือ องค์พระคริสตเจ้า
ศีลมหาสนิทจะยังคงเป็นเพียงพิธีกรรม
ที่ระลึกถึงการกระทำของพระเยซูเจ้าเมื่อสองพันปีก่อน
หากศีลมหาสนิทไม่ได้กลายเป็นชีวิตที่แท้จริงของคริสตชน ที่นำเราไปสู่ความรักที่ไม่แบ่งแยกและความเป็นเอกภาพที่เป็นหนึ่งเดียวตามแบบอย่างของพระคริสตเจ้า
นี่คือความหมายของการสมโภชพระกายและพระโลหิตที่เราฉลองในวันนี้
ดังนั้น
ทุกครั้งที่เรารับศีลมหาสนิทจึงเป็นการย้ำว่า
ทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกันและพี่น้องกัน เราต้องถามตัวเองอยู่เสมอว่าในฐานะที่เป็นคริสตชน
ทุกคนที่สัมผัสชีวิตของเราได้พบกับความรักของพระเจ้าในตัวเราหรือเปล่า
เราได้กลายเป็นเครื่องมือที่มองเห็นได้แห่งความรักและความเป็นหนึ่งเดียวกับกับพระเจ้าและเพื่อนพี่น้องมากน้อยแค่ไหน
ในชีวิตของเรา ในครอบครัวของเราและในหมู่บ้านของเรา
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว8 มิถุนายน 2012
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น