วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ฝักบัวหวานจากนาบัว


ฝักบัวหวานจากนาบัว

อาชีพเสริมอย่างหนึ่งของชาวนาบัวคือ การตั้งแผงขายเครื่องดื่มและของกินตลอดแนวสามแยกถนนสายนาบัว-เจริญศิลป์ ซึ่งช่วยสร้างรายได้ให้กับหลายครอบครัว บางครอบครัวที่มีที่ดินบริเวณนั้นได้เปิดร้านขายอาหารตามสั่ง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นแผงลอยตามแนวถนน ขายของกินของใช้เล็กๆ น้อยๆ สำหรับนักเดินทางที่ผ่านไปมา

สิ่งที่ขายนอกจากเครื่องดื่มเย็นๆ แล้ว ก็มีของกินซึ่งเป็นผลผลิตจากสวนที่มาจากน้ำพักน้ำแรงของชาวนาบัวเอง ช่วงนี้เป็นช่วงหน้าฝน ฝักบัวจึงมีมากหน่อย จะว่าไปแล้วได้รับของฝากอย่างฝักบัวแทบทุกวัน ทำให้รู้ถึงรสชาติหวาน กรอบ อร่อยของฝักบัว ของฝากขึ้นชื่อของนาบัวดีเป็นพิเศษ วันนี้จึงขอพูดถึงประโยชน์ของ “เม็ดบัว” ซึ่งกินอยู่ทุกวันบ้าง

เม็ดบัว สุดยอดธัญพืช

กล่าวกันว่า เม็ดบัว เป็นธัญพืชที่ให้คุณค่าทางอาหารสูง ทานได้ทั้งสดและแห้ง มีโปรตีนเป็นส่วนประกอบมากกว่าข้าว 3 เท่าเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งรวมของวิตามินอีกหลายชนิด เช่น วิตามินเอ, วิตามินซี, วิตามินอี, เกลือแร่และฟอสฟอรัส วิตามินเหล่านี้มีส่วนช่วยในการบำรุงประสาท บำรุงไต บำรุงสมอง

นอกจากนี้ เม็ดบัวยังมีสรรพคุณทางยาในการรักษา อาการท้องร่วง, บิดเรื้อรัง, สตรีประจำเดือนมามาก, น้ำอสุจิเคลื่อน (น้ำกามออกไม่รู้ตัว) ส่วนดีบัว (ต้นอ่อนที่อยู่ในเม็ดบัวมีรสขม) ยังช่วยลดความดันโลหิตสูง ช่วยเพิ่มแรงบีบตัวของหัวใจ, ช่วยขยายหลอดเลือด, แก้กระหาย, อาเจียนเป็นเลือด เป็นต้น

จากคุณสมบัติที่ดีเลิศของ เม็ดบัว คนสมัยก่อนจึงนิยมนำ เม็ดบัว มาทำอาหารทั้งคาวและหวาน เช่น ข้าวผัดเม็ดบัว, สังขยาเม็ดบัว, เม็ดบัวเชื่อม, ขนมหม้อแกงเม็ดบัว, ใส่ในเต้าฮวย เป็นต้น ถ้านำเม็ดบัวมาปรุงอาหารร่วมกับลำไยแห้ง จะทำให้สรรพคุณทางยาของเม็ดบัวเพิ่มมากขึ้น (ที่มา http://thai-healthy.blogspot.com/2011/04/blog-post.html)

เม็ดบัวป้องกันมะเร็งตับ

เมื่อไม่นานมานี้ ได้รับ Forward Mail ผลวิจัยที่สร้างความฮือฮาให้ชาวโลก กล่าวคือ มีการวิจัยพบว่า เม็ดบัวมีสารแอนติออกซิแดนต์ในปริมาณสูง ซึ่งสารนี้มีคุณสมบัติหลายอย่าง เช่น ชะลอการเสื่อมของอวัยวะและผิวพรรณ ป้องกันมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งตับ เม็ดบัวมีประโยชน์ทางยาสูงมาก แพทย์แผนไทยแนะนำว่า ช่วยบำรุงกำลัง แก้โรคข้อต่างๆ แก้ร้อนใน กระหายน้ำ

ส่วนแพทย์แผนจีนบอกว่า เม็ดบัวช่วยบำรุงไต ม้าม หัวใจและตับ ซึ่งตรงกับงานวิจัยในต่างประเทศที่ระบุว่า สารแอนติออกซิแดนต์จะช่วยปกป้องและบำรุงตับ โดยเฉพาะตับที่ต้องขับสารแอฟลาท็อกซิน (Aflatoxin) ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดมะเร็งตับออกจากร่างกาย การกินเม็ดบัวจึงสามารถป้องกันการเกิดมะเร็งได้

ผลการวิจัยของ อาจารย์ปริญดา ที่ศึกษาเปรียบเทียบปริมาณสารแอนติออกซิแดนต์ในเม็ดบัวไทยและจีนพบว่า เม็ดบัวไทยมีปริมาณสารแอนติออกซิแดนต์สูงกว่าเม็ดบัวจีน 5-6 เท่า อาจารย์ปริญดาจึงแนะนำว่า ถ้าต้องการให้ร่างกายได้รับสารแอนติออกซิแดนต์ปริมาณสูงควรเลือกกินเม็ดบัวไทยดีกว่า โดยเฉพาะเม็ดบัวไทยสด

วิธีกินคือ ลอกเปลือกออกจากเมล็ด โดยไม่ดึงเยื่อหุ้มเมล็ดและดีบัวออก กินสดๆ ทั้งเมล็ด จะทำให้ร่างกายได้รับวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านมะเร็งซึ่งอยู่บริเวณเยื่อหุ้มเมล็ด และดีบัวในปริมาณสูง ส่วนชนิดอบแห้งนั้น เรานำมาทำอาหารคาวหวานได้หลากหลาย ที่คุ้นเคยกันดี คือ น้ำอาร์ซี เม็ดบัวต้มน้ำตาลทรายแดง ผสมในเต้าฮวย หรือเต้าทึง ข้าวอบใบบัว เป็นต้น

เมื่อเม็ดบัวมีสรรพคุณทางยามากมายอย่างนี้ มีโอกาสผ่านไปทางบัว อย่าลืมอุดหนุนฝักบัวหวาน ของฝากจากนาบัวด้วยนะครับ นอกจากมีสรรพคุณมากมายตามที่กล่าวมาแล้ว ยังสามารถช่วยชาวนาบัวกลุ่มหนึ่งให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น อีกด้วย

Don Daniele เรียบเรียง
นาบัว, 20 มิถุนายน 2012

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น