มหัศจรรย์ของสิ่งเล็กน้อย
วันอาทิตย์ สัปดาห์ที่ 11
เทศกาลธรรมดา
ปี B
|
อสค 17:22-24
2คร 5: 6-10
มก 4: 26-34
|
บทนำ
วันหนึ่ง
หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งได้เดินเข้าไปในย่านที่ยากจนที่สุดของเมืองกัลกัตตาเธอได้พบสถานการณ์ที่น่าเศร้า
เด็กจำนวนมากไร้ที่อยู่และถูกทอดทิ้ง คนยากจนและคนเจ็บป่วยที่นอนรอความตายทุกหัวระแหง
เธอพูดกับตนเองว่าเธอต้องทำบางสิ่งบางอย่างให้สำเร็จ เธอได้รวบรวมเงินทั้งหมดที่มีอยู่ไปเช่าห้องแถวเล็กๆ
โกโรโกโสห้องหนึ่ง จากนั้นได้ออกไปรวบรวมเด็กเร่ร่อนที่ถูกทอดทิ้งและไร้ที่พึ่งมาอยู่รวมกันในห้องนั้น
เธอได้ใช้ห้องแถวนั้นเป็นโรงเรียน
เวลานั้นเธอไม่มีโต๊ะ ไม่มีเก้าอี้ ไม่มีกระดานดำ เธอสอนพวกเขาโดยใช้พื้นที่เต็มไปด้วยฝุ่นเป็นกระดาน
ใช้ไม้แทนชอล์กเขียนบนพื้นฝุ่น และใช้ผ้าขี้ริ้วลบเมื่อต้องการเขียนข้อความใหม่ นี่คือวิธีที่ผู้หญิงคนหนึ่งใช้ต่อสู้กับความยากจนและความโหดร้ายของสังคมที่อยู่รายล้อมเธอ
แม้จะเป็นการแก้ปัญหาที่น่าสมเพท แต่นี่คือวิธีที่ดีที่สุดที่เธอสามารถทำได้
เวลาผ่านไปพร้อมกับการเจริญเติบโตของงานที่เธอได้เริ่มไว้ ในวันที่เธอจบชีวิตในโลกนี้ เธอมีโรงเรียนที่มีอุปกรณ์ครบครันและทันสมัยมากกว่า
80 โรง, มีหน่วยบรรเทาสาธารณภัยเคลื่อนที่มากกว่า 300 หน่วย, มีคลินิกสำหรับคนโรคเรื้อนมากกว่า 70 แห่ง, มีบ้านสำหรับคนที่กำลังจะตายมากกว่า 40 หลัง, มีบ้านสำหรับเด็กไร้ที่พึ่งมากกว่า 30 หลัง และมีอาสาสมัครที่สานต่องานของเธอมากกว่า
40,000 คน
เราคงเดาได้ไม่ยากว่าผู้หญิงที่พูดถึงนี้คือ
บุญราศีคุณแม่เทเรซาแห่งกัลกัตตา ผู้หญิงที่เป็นแม่พระของชาวอินเดียและคนยากจนทั่วโลก ใครเลยจะคิดว่าเมล็ดพืชเล็กๆ ที่เธอหว่านจะเกิดผล นี่คืองานของพระเจ้าที่เริ่มจากจุดเล็กๆ
เช่นนี้เสมอ พระเจ้าทรงทำให้งานนั้นเติบโตและเกิดผลในแบบที่เราคาดไม่ถึง
1.
มหัศจรรย์ของสิ่งเล็กน้อย
พระอาณาจักรของพระเจ้าเป็นเหมือนกับเมล็ดพืชซึ่งเป็นเมล็ดเล็กๆ
ที่คนนำไปหว่านในดิน มันเติบโตทั้งกลางวันกลางคืน เราไม่ทราบว่ามันเติบโตได้อย่างไร
เพราะอยู่นอกเหนืออำนาจของคนหว่าน สิ่งที่เราทำได้คือการใส่ปุ๋ย พรวนดิน รดน้ำ
ทำหน้าที่ในส่วนของเราให้ดีที่สุด ส่วนการทำให้เติบโตเป็นหน้าที่ของพระเจ้า
เมล็ดมัสตาร์ดเป็นเมล็ดทั่วไปที่เป็นเพียงเมล็ดเล็กๆ แม้จะไม่ใช่เมล็ดที่เล็กที่สุดในปาเลสไตน์
แต่เป็นเมล็ดที่ทุกคนรับรู้ว่าเล็กมาก แต่ภายในเมล็ดเล็กๆ นี้มีศักยภาพที่จะเป็นต้นไม้ใหญ่
เราสามารถพบกับพระเจ้าได้ในเหตุการณ์ปกติทั่วไปในชีวิตของเรา
หรือในสิ่งเล็กน้อยที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไร จึงมีคำพูดว่า “พระเจ้าไม่ได้เรียกเราให้ทำสิ่งใหญ่โตในชีวิต
แต่เรียกเราให้ทำสิ่งธรรมดาด้วยวิธีที่พิเศษ”
ในกรณีของเมล็ดพืชและเมล็ดมัสตาร์ด การเติบโตเป็นไปอย่างช้าๆ จนเราสังเกตไม่เห็น
มันเติบโตเกิดขึ้นแบบเงียบๆ และช้า แต่มั่นคงสม่ำเสมอ
เราจึงต้องอดทนและเฝ้าคอยด้วยความหวัง
เป็นธรรมดาอยู่เองที่ดอกและผลจะไม่ออกพร้อมกับการเพาะปลูก
ทุกอย่างย่อมมีเวลาของมัน บางครั้งยาวนานเกิดกว่าที่เราคาดเอาไว้ ที่สุด มันจะผลิดอกออกผลหรือสุกปลั่งจนเราสามารถเก็บเกี่ยวหรือใช้ประโยชน์ได้
งานของพระเจ้าเริ่มจากสิ่งเล็กน้อยเช่นนี้เสมอ
2.
บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าในวันนี้
ได้ให้บทเรียนและแนวปฏิบัติสำหรับเราคริสตชนหลายประการ
ประการแรก เราจะต้องทำส่วนของเราให้ดีที่สุด อาณาจักรของพระเจ้าเติบโตในใจมนุษย์
เมล็ดพันธุ์แห่งความเชื่อหยั่งรากตัวเราแต่ละคน เมื่อเราร่วมมือพระจิตเจ้าในการพรวนดินรดน้ำ
ทำส่วนของเราให้ดีที่สุด มันจะเติบโตขึ้นอย่างน่ามหัศจรรย์
ให้เราได้เรียนรู้จักพระประสงค์ของพระเจ้าด้วยการนำพระวาจาของพระองค์มาปฏิบัติในชีวิต
เราต้องหว่านเมล็ดพันธุ์ด้วยความรัก ความหวัง ความเมตตากรุณาและการให้อภัย
นี่คือการมีส่วนทำให้อาณาจักรของพระเจ้าเติบโตในโลกนี้
และบรรลุถึงความสมบูรณ์ในอาณาจักรสวรรค์
ประการที่สอง เราต้องมีความอดทนไม่หมดหวัง
การเจริญเติบโตของเมล็ดพืชและเมล็ดมัสตาร์ดเป็นไปอย่างช้า เราจึงต้องมีความอดทนสูง
ไม่หมดกำลังใจง่ายๆ เมื่อเห็นงานที่เราลงทุนลงแรงไปไม่เกิดผลทันตา
หรือไม่เป็นตามที่เราคาดหวัง เราจะต้องวางใจในพระจิตเจ้า
เพราะการเจริญเติบโตของอาณาจักรของพระเจ้าเป็นงานของพระจิตเจ้า
ดังคำกล่าวของนักบุญเปาโลที่ว่า “ทั้งผู้ปลูกและผู้รดน้ำก็ไม่สำคัญ
แต่ผู้มีความสำคัญแท้จริงคือพระเจ้าผู้บันดาลให้เติบโตขึ้น” (1 คร 3:7)
ประการที่สาม เราไม่ควรมองข้ามสิ่งเล็กน้อย
แม้เมล็ดมัสตาร์ดจะเป็นเพียงเมล็ดเล็กๆ แต่สามารถเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่
ให้ร่มเงาและที่อาศัยแก่นกและสิ่งมีชีวิต คริสตชนแต่ละคนจะต้องพยายามทำหน้าที่ธรรมดาที่ตนเองรับผิดชอบอย่างเต็มที่ งานที่เรากำลังทำอยู่แม้เป็นงานเล็กๆ แต่เป็นงานที่สำคัญ
อัศจรรย์ที่ยืนยันความจริงข้อนี้คือ
ความเจริญเติบโตและเป็นปึกแผ่นมั่นคงของพระศาสนจักรในปัจจุบัน
ซึ่งเริ่มต้นจากคนเพียงหยิบมือเดียว (ประมาณ 120 คน)
บทสรุป
พี่น้องที่รัก คำอุปมาเรื่องเมล็ดพืชแสดงให้เห็นวิธีปฏิบัติงานของพระเจ้าซึ่งแตกต่างจากการทำงานของมนุษย์
เหมือนเมล็ดพืชที่งอกทั้งกลางวันกลางคืนอย่างเงียบๆ
โดยที่เราไม่รู้ตัวและคาดไม่ถึง บ่อยครั้งเรามนุษย์ต้องการเห็นความสำเร็จแบบทันตาเห็น
ความสำเร็จไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน เราต้องเรียนรู้ที่จะอดทนและรอคอย
ประการสำคัญ เป็นพระเจ้าที่ทำให้เติบโตและเกิดผล เราจึงเป็นหนี้บุญคุณพระเจ้าในทุกสิ่ง
คำอุปมาเรื่องเมล็ดมัสตาร์ดสอนเราว่า
“สิ่งที่ยิ่งใหญ่มักเริ่มต้นจากสิ่งเล็กน้อยเสมอ” เราจึงไม่ควรมองข้ามสิ่งเล็กน้อยหรือสิ่งธรรมดาทั่วไปในชีวิตประจำวัน
เราอาจพบพระเจ้าได้จากสิ่งธรรมดาเหล่านี้
และสำนึกเสมอว่าเราต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด
แม้จะเป็นสิ่งเล็กน้อยในสายตาของใครต่อใคร “แม้เราจะไม่สามารถทำงานอะไรที่ใหญ่โตได้
แต่เราสามารถทำงานเล็กๆ ธรรมดานั้นด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่” (บุญราศีเทเรซาแห่งกัลกัตตา)
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว15 มิถุนายน 2012
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น