พระนางมารีย์ในงานไถ่กู้ของพระเยซูเจ้า
8
กันยายน ฉลองแม่พระบังเกิด
ตรีวารคืนที่สองที่อารามรักกางเขนแห่งท่าแร่
|
รม 8:28-30
มธ 1:18-23
|
บทนำ
วันนี้พระศาสนจักรให้เราฉลอง “แม่พระบังเกิด” เวลาที่มีใครคนหนึ่งเกิดมา
เรามีความชื่นชมยินดี และเมื่อถึงวันครบรอบวันเกิดบุคคลที่เรารักและเคารพนับถือ
เรามีการจัดงานให้ จัดหาของขวัญที่บุคคลนั้นชื่นชอบไปมอบให้ เราจะให้อะไรเป็นของขวัญสำหรับแม่พระ
แม่อันเป็นที่รักยิ่งของเรา โอกาสวันเกิดของพระนางในปีนี้
แม่พระถือเป็นของขวัญสุดประเสริฐที่พระเจ้าประทานแก่มนุษยชาติ เพื่อเป็นแบบอย่างสำหรับเราในด้านความเชื่อ
ความหวัง ความรักและการภาวนา ด้วยการนอบน้อมเชื่อฟังต่อแผนการและน้ำพระทัยของพระเจ้า
ในการเป็นมารดาของพระเจ้า ทำให้โลกของเรามีองค์พระผู้ช่วยให้รอด ที่ทรงเป็น “อิมมานูแอล”
พระเจ้าประทับท่ามกลางเรา
1. พระนางมารีย์ในงานไถ่กู้ของพระเยซูเจ้า
บทบาทของแม่พระในงานไถ่กู้ของพระเยซูเจ้า
เป็นที่เข้าใจดีในหมู่คริสตชนและในพระศาสนจักรตั้งแต่แรกเริ่ม ปิตาจารย์ของพระศาสนจักรอย่างนักบุญอีเรเนอุส
(Irenaeus) ถือว่าแม่พระเป็นสาเหตุแห่งความรอด
(Causa
Salutis) จากคำตอบของพระนางที่ให้กับทูตสวรรค์ ในช่วงปลายศตวรรษที่
20 ความคิดเรื่อง “พระนางมารีย์
ผู้ร่วมงานไถ่กู้ของพระเยซูเจ้า” (Co-Redemptrix)
ได้กลายเป็นประเด็นสำคัญในหมู่นักเทววิทยาและคริสตชนทั่วโลก มีการตั้งกลุ่มที่เรียกว่า
“เสียงประชาชนของแม่พระคนกลางระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์”
(Vox Populi Mariae Mediatrici) เพื่อเรียกร้องให้สมเด็จพระสันตะปาปาประกาศให้
“พระนางมารีย์ ผู้รวมงานไถ่กู้ของพระเยซูเจ้า”
เป็นข้อความเชื่อข้อที่ 5 เกี่ยวกับแม่พระ (Marian
Dogma)
ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา พระศาสนจักรได้ประกาศข้อความเชื่อเกี่ยวกับแม่พระมาแล้ว 4 ข้อ ซึ่งเราทราบเป็นอย่างดี ได้แก่
1)
พระนางมารีย์มารดาของพระเจ้า (Theotokos)
ถือเป็นข้อความเชื่อที่เป็นศูนย์กลางของความเชื่อทุกอย่างเกี่ยวกับแม่พระ
ที่ได้รับการประกาศอย่างชัดเจนจากสภาสังคายนาสากลที่เมืองเอเฟซัส ปี ค.ศ. 431
และพระศาสนจักรให้เราทำการสมโภชในวันแรกของปี วันที่ 1 มกราคม
2)
พระนางมารีย์เป็นพรหมจารีเสมอ
ทั้งก่อนและหลังการให้กำเนิดพระเยซูเจ้า ซึ่งได้รับการประกาศจากสภาสังคายนาลาเตรัน
ปี ค.ศ. 649
3)
พระนางมารีย์ผู้ปฏิสนธินิรมล ซึ่งพระสันตะปาปาปีโอที่ 9 ประกาศเมื่อวันที่
8 ธันวาคม ค.ศ. 1854 และพระศาสนจักรให้เราทำการสมโภชในวันที่ 8 ธันวาคม
ของทุกปี
4)
พระนางมารีย์รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ ซึ่งพระสันตะปาปาปีโอที่ 12 ประกาศเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 1950 และพระศาสนจักรให้เราสมโภชในวันที่ 15 สิงหาคม ของทุกปี
กลุ่ม Vox Populi Mariae Mediatrici ถือเป็นแนวหน้าที่กระตือรือร้นในการผลักดันคำสอนเรื่อง
“พระนางมารีย์ ผู้ร่วมงานไถ่กู้ของพระเยซูเจ้า”
ให้ได้รับการประกาศเป็นข้อความเชื่อ โดยรวบรวมรายชื่อ พระคาร์ดินัล พระสังฆราช พระสงฆ์ นักบวชและคริสตชนกว่า 6 ล้านชื่อ จาก 157 ประเทศทั่วโลกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1993 เพื่อสนับสนุนการประกาศข้อความเชื่อนี้
แม้คำสอนนี้จะยังไม่ได้รับการประกาศให้เป็นข้อความเชื่อของพระศาสนจักร
แต่คริสตชนเชื่อและถือเสมอมาว่า แม่พระเป็นผู้ร่วมงานไถ่กู้ของพระเยซูเจ้า
ตั้งแต่แรกที่พระนางได้รับแจ้งข่าวจากเทวดาคาเบรียลว่าจะเป็นมารดาของพระผู้ไถ่
คำตอบรับของแม่พระได้ทำให้พระวจนาตถ์ทรงรับเอากายในครรภ์ของพระนาง
และทำให้พระนางได้ร่วมส่วนและเป็นหนึ่งเดียวในพระทรมานและการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเจ้า
บุตรสุดที่รักของพระนางตั้งแต่วันนั้น การตั้งครรภ์โดยที่ยังไม่ได้แต่งงาน
การถูกตามล่าจากกษัตริย์เฮโรดในคืนที่ให้กำเนิดพระกุมารจนต้องหนีไปอียิปต์ หรือเหตุการณ์พระกุมารหายไปตอนอายุ
12 ปีขณะไปฉลองปัสกาที่เยรูซาเล็ม
เหล่านี้คือความทุกข์แสนสาหัสที่แม่พระได้รับ
ที่สำคัญมากกว่านั้นคือ
การพบกับพระเยซูเจ้าขณะแบกกางเขนสู่เขากัลวารีโอ
โดยที่พระนางไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ นอกจากการให้กำลังใจด้วยสายตา มีซิสเตอร์ท่านหนึ่งถามเด็กคำสอนในชั้นเรียนว่า
“พวกเธอคิดว่าแม่พระและพระเยซูเจ้าสื่อสารกันว่าอะไร”
เด็กคนหนึ่งสะท้อนคำพูดของแม่พระว่า “ทำไมถึงเป็นแบบนี้
ไม่ยุติธรรมเลย” อีกคนบอกว่า “ควรเป็นแม่ที่แบกกางเขนนี้”
ที่สุด มีเด็กหญิงคนหนึ่งพูดขึ้นว่า “หนูแน่ใจว่า
แม่พระบอกพระเยซูเจ้าว่า ‘จงแบกกางเขนต่อไป แม่จะแบกไปพร้อมกับลูก!”
คำพูดนี้สะท้อนชีวิตของแม่พระที่เข้าใจดีว่า “ไม่มีกางเขน
ไม่มีมงกุฎ” พระเยซูเจ้าได้เลือกหนทางแห่งไม้กางเขนเพื่อไถ่บาปมนุษยชาติ
ผ่านทางกางเขนพระองค์จึงได้รับชัยชนะ และ ณ เชิงกางเขนนี่เอง แม่พระได้ร่วมส่วนในงานไถ่กู้ของพระเยซูเจ้า
พระนางได้รับทรมานพร้อมกับบุตรของพระนาง สำหรับแม่คนหนึ่งคงไม่มีความทุกข์ใดยิ่งใหญ่ไปกว่าการเห็นลูกสุดที่รักกำลังตายต่อหน้าต่อตา
คำทำนายของผู้เฒ่าซีเมออนที่บอกแม่พระว่า “ความทุกข์นั้นจะเป็นเหมือนดาบคมกริบ ทำลายดวงจิตของท่านให้แตกสลายไป” (ลก 2:35) ปรากฏเป็นจริงตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงเชิงกางเขน
สิ่งที่เราต้องเข้าใจเป็นลำดับแรกเมื่อพูดถึงการเป็นผู้ร่วมงานไถ่กู้ของแม่พระคือ
บทบาทของแม่พระไม่ได้ “เท่าเสมอ” (Equal) กับพระเยซูเจ้าในงานไถ่กู้
แต่ร่วมส่วน “กับ”
(Cum) พระเยซูเจ้า บทบาทของแม่พระขึ้นอยู่กับงานของพระเยซูเจ้า
หากไม่มีพระเยซูเจ้าก็ไม่มีการไถ่กู้
ความทุกข์ทรมานของแม่พระไม่สามารถไถ่กู้มนุษยชาติได้
แต่เพราะแม่พระเป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูเจ้า ทำให้ความทุกข์ทรมานของแม่พระมีคุณค่า
ชีวิตของแม่พระเป็นหนึ่งเดียวอย่างสมบูรณ์กับงานไถ่กู้มนุษย์ให้รอดของพระเยซูเจ้า
สังคายนาวาติกันที่ 2 ในพระสังฆธรรมนูญว่าด้วยพระศาสนจักร
ยืนยันว่า “พระนางได้ปฏิบัติตามแผนการของพระเจ้า (เทียบ ยน 19:25) รับทนทรมานอย่างแสนสาหัสกับบุตรสุดที่รักของพระนาง
เป็นหนึ่งเดียวกับพระทรมานของพระองค์ด้วยหัวใจของความเป็นแม่ และยินยอมด้วยความรักให้ผู้ที่พระนางได้ให้กำเนิด
เป็นเหยื่อของการทรมาน”
(LG 58) สมเด็จพระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 เป็นผู้หนึ่งที่ยืนยันถึง การเป็นผู้ร่วมงานไถ่กู้ของแม่พระกับพระเยซูเจ้า
ในพระสมณสาส์น “มารดาพระผู้ไถ่” ในความรักและความเป็นแม่คนใหม่
ซึ่งบรรลุถึงความสมบูรณ์ ณ เชิงกางเขน (Cf. RM 23)
2. บทเรียนสำหรับเรา
โอกาสวันเกิดของแม่พระ
มารดาของพระศาสนจักรที่พระเยซูเจ้าทรงมอบให้เป็นแม่ของชาวเรา ณ
เชิงกางเขนก่อนจะสิ้นพระชนม์ โดยมีนักบุญยอห์นเป็นตัวแทน
เราจะให้อะไรเป็นของขวัญวันเกิดแก่แม่อันเป็นที่รักยิ่งของเรา
คงไม่มีของขวัญใดที่ดีไปกว่าการเลียนแบบอย่างของพระนาง
ในการตอบรับต่อแผนการและน้ำพระทัยของพระเจ้า ในการเป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูเจ้าในการแบกกางเขน
และในการรักและให้อภัยความผิดของกันและกัน
ประการแรก
การตอบรับต่อแผนการและน้ำพระทัยของพระเจ้า แม่พระได้แสดงให้เราได้เห็นถึงความไว้ใจในพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม
ที่มอบทุกอย่างไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์ ความยิ่งใหญ่ของแม่พระ ไม่ใช่อยู่ที่การเป็นมารดาของพระเจ้า
ไม่ได้อยู่ที่ตำแหน่งหรือชื่อใดๆ ที่เราเรียกขานพระนาง
แต่อยู่ที่ชีวิตของพระนางในการทำทุกอย่างตามแผนการและน้ำพระทัยของพระเจ้า
ความยิ่งใหญ่ของพระนางอยู่ตรงนี้
คำตอบสั้นๆ ของแม่พระในภาษาลาตินที่ว่า Fiat “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า
ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของท่านเถิด” (ลก 1:38) ได้ทำให้แผนการของพระเจ้าในการไถ่กู้มนุษยชาติสำเร็จไป ขอให้เราได้เลียนแบบอย่างของพระนาง
ในการตอบรับต่อแผนการและน้ำพระทัยของพระเจ้าในชีวิตประจำวันของเราเช่นกัน มิใช่ทำตามน้ำใจของเรา
ประการที่สอง
การเป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูเจ้าในการแบกกางเขน แม่พระได้ร่วมแบกกางเขนและเป็นหนึ่งเดียวกับพระมหาทรมานและการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเจ้า
ตั้งแต่เริ่มแรกของการเป็นแม่ของพระผู้ไถ่จนถึงเชิงกางเขน แม่พระได้แสดงถึงความเชื่อที่เข้มแข็ง
ความอดทนเยี่ยงวีรสตรีและเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักในหัวใจของความเป็นแม่ ทำให้แม่พระสามารถทนความไม่เข้าใจ
ความทุกข์ยากลำบากและความเจ็บปวดต่างๆ ในชีวิตได้
ขอให้เราได้แบกกางเขนของเราในแต่ละวัน ในการทำหน้าที่ต่างๆ ที่ได้รับมอบหมาย
เพื่อร่วมส่วนในพระมหาทรมานและการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเจ้า ร่วมแบกกางเขนติดตามพระองค์สู่เขากัลวารีโอด้วยหัวใจทั้งครบเช่นเดียวกับแม่พระ
ไม่ท้อแท้สิ้นหวังเมื่อเผชิญกับความยากลำบาก เพราะหากไม่มีกางเขนก็ไม่มีมงกุฎ (No cross, no crown) ผ่านทางกางเขนเท่านั้น
เราถึงจะได้รับมงกุฎอันรุ่งเรือง
ประการที่สาม การรักและให้อภัยซึ่งกันและกัน ความศรัทธาทุกอย่างเกี่ยวกับแม่พระนำไปสู่พระเยซูเจ้าเสมอ
ของขวัญที่พระนางต้องการมากที่สุดคือ
การที่เราคริสตชนดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระเยซูเจ้า โดยเฉพาะในความรักต่อกันและการให้อภัยความผิดซึ่งกันและกัน
หากเราดูพระเยซูเจ้าบนกางเขนพระองค์ได้รักและให้อภัยจนถึงที่สุด ทรงอภัยผู้ที่ประหารพระองค์ “พระบิดาเจ้าข้า โปรดอภัยความผิดแก่เขาเถิด
เพราะเขาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร” (ลก 23:34)
ดังนั้น ทุกครั้งที่เรามองดูกางเขนต้องเตือนตัวเราให้เลียนแบบพระองค์ในความรักและการให้อภัย
ในดินแดนที่มีความขัดแย้งรุนแรงทางเชื้อชาติและศาสนาอย่างอินเดีย
มีสงครามระหว่างฮินดูกับมุสลิมไม่เว้นแต่ละวัน วันหนึ่งลูกชายชาวฮินดูครอบครัวหนึ่งถูกมุสลิมฆ่าตาย
หลังจากจัดงานศพเป็นที่เรียบร้อยครอบครัวนี้ได้ไปหา มหาตะมะ คานธี
และถามว่าจะให้ทำอย่างไร คานธีก็บอกว่า
ให้ไปหาเด็กหนุ่มมุสลิมอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับบุตรชายที่ตายไป
“ดี! เราจะฆ่ามันให้ตาย” สองสามี-ภรรยาพูดด้วยความแค้น “ไม่ใช่ให้แก้แค้น”
คานธีกล่าว “แต่พวกท่านจะต้องเลี้ยงดูเขาเหมือนลูกของพวกท่านเอง” นี่คือตัวอย่างของคนที่ดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระเยซูเจ้า
การให้อภัยสำหรับเราคริสตชน หมายถึง การลืม ไม่จดจำความผิดและยกโทษด้วยใจจริง
การลืมคือการรักผู้ที่ทำผิดต่อเรามากกว่าเดิม และปฏิบัติต่อเขาเหมือนไม่เคยทำผิดต่อเรามาก่อน
บทสรุป
พี่น้องที่รัก ให้เราได้เป็นหนึ่งเดียวกับแม่พระในบูชามิสซานี้
เพื่อวอนขอพระพรจากพระเจ้าสำหรับตัวเรา ครอบครัว และหมู่คณะของเรา
เพื่อเราจะได้เรียนรู้จักพระเยซูเจ้า รักพระองค์
และรับใช้พระองค์อย่างซื่อสัตย์ตามบทบาทและฐานะของเรา เหมือนอย่างที่แม่พระได้กระทำเสมอตลอดชีวิตของพระนาง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในความวางใจพระเจ้า และกระทำทุกอย่างตามแผนการและน้ำพระทัยของพระองค์
ให้เราได้มองไปข้างหน้าอย่างมีเป้าหมายที่จะทำตามหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด
ในการร่วมแบกกางเขนกับพระเยซูเจ้าจนสุดความสามารถ ขอให้กางเขนของพระเยซูเจ้า
ได้เป็นพลังชีวิตและเครื่องนำทางเราในการดำเนินชีวิตประจำวัน In
hoc signo vinces อาศัยเครื่องหมายนี้
เราจะชนะเช่นเดียวกัน ที่สุด ขอพระนางมารีย์ที่เราฉลองการบังเกิดในวันนี้
และพระเยซูเจ้า พระเจ้าผู้ถูกตรึงบนกางเขน ได้โปรดอวยพรอาราม สมาชิกทุกคนในคณะและเราทุกคนตลอดไป
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว5 กันยายน 2011
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น