วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2553

อิมมานูแอล: พระเจ้าสถิตกับเรา

วันอาทิตย์ สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า ปี A
อสย 7:10-14
รม 1:1-7
มธ 1:18-24

บทนำ

อากาศหนาวเริ่มแผ่ปกคลุมหลายพื้นที่ ทำให้คิดถึงเรื่องเด็กชายคนหนึ่ง อายุประมาณ 10 ขวบ ที่ไม่มีรองเท้าใส่ ยืนตัวสั่นเทาด้วยความหนาวเหน็บหน้าร้านขายรองเท้า ตาจ้องมองไปที่รองเท้าที่ตู้โชว์ในร้าน มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินผ่านมาสังเกตเห็นจึงถามเด็กชายว่า “กำลังมองอะไรอยู่จ๊ะหนู” เด็กชายคนนั้นตอบว่า “ผมกำลังวอนขอรองเท้าคู่หนึ่งจากพระเจ้า”

หญิงคนนั้นได้จูงมือเด็กชายเข้าไปในร้าน และบอกเจ้าของร้านให้หาถุงเท้าสักครึ่งโหลมาให้ พร้อมกับขออ่างน้ำและผ้าเช็ดตัวสักผืน เจ้าของร้านจัดแจงสิ่งที่เธอต้องการให้ทันที จากนั้นเธอได้พาเด็กชายไปหลังร้าน คุกเข่าลงล้างเท้าและทำความสะอาดให้ เป็นเวลาเดียวกับที่เจ้าของร้านนำถุงเท้ามาให้ เธอได้ใส่ถุงเท้าให้และซื้อรองเท้าให้หนึ่งคู่

หญิงคนนั้นเอามือลูบหัวเด็กชายด้วยความเอ็นดูและพูดกับเขาว่า “หวังว่าตอนนี้หนูคงรู้สึกอุ่นขึ้นบ้างแล้วนะ” และเดินจากไป ขณะที่เธอกำลังจะเดินจากไป เด็กชายได้คว้ามือเธอไว้ จ้องมองเธอด้วยน้ำตานองหน้า และถามเธอว่า “คุณผู้หญิงเป็นพระเจ้าใช่ไหมครับ” หญิงนั้นตอบว่า “เปล่า.. แต่ฉันเป็นลูกของพระองค์เหมือนหนูนั่นแหละ” เด็กชายคนนั้นยิ้มและพูดว่า “ผมเข้าใจแล้ว.. คุณเป็นญาติของพระองค์”

เรามาถึงสัปดาห์สุดท้ายของเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ช่วยให้เราได้ตระหนักว่า “อิมมานูแอล: พระเจ้าสถิตกับเรา” ซึ่งเป็นหัวใจของความเชื่อคริสตชน เพื่อว่าเราจะได้ไม่ต้องรอคอยพระองค์อีกต่อไป การบังเกิดมาของพระเยซูเจ้าเป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ที่แสดงให้เห็นว่า พระองค์ประทับอยู่ท่ามกลางเราแล้ว เป็นต้นในเพื่อนพี่น้อง และในบุคคลต่างๆ ที่เราพบเห็น

1. อิมมานูแอล: พระเจ้าสถิตกับเรา

เรื่องราวชีวิตในวัยเยาว์ของพระเยซูเจ้าตามคำเล่าของนักบุญมัทธิว มีเนื้อหาที่แตกต่างจากฉบับอื่น มัทธิวไม่ได้เริ่มประวัติของพระเยซูเจ้าจากแม่พระ แต่เริ่มจากนักบุญยอแซฟ เพื่อแสดงให้ชาวยิวที่เป็นคริสตชนได้เข้าใจว่า พระเยซูเจ้าเป็นพระแมสิยาห์ที่ชาวยิวรอคอย ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากกษัตริย์ดาวิดผ่านทางยอแซฟ พระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดที่ทำให้คำสัญญาของพระเจ้าสำเร็จไป และทรงเป็น “อิมมานูแอล” ที่ทำให้คำทำนายของบรรดาประกาศกปรากฏเป็นจริง

มัทธิวไม่เพียงได้ประกาศว่าคำทำนายของประกาศกอิสยาห์ได้เป็นจริงแล้วเท่านั้น แต่ยังได้อธิบายความหมายของคำว่า “อิมมานูแอล” แปลว่า “พระเจ้าสถิตกับเรา” นี่คือข่าวดีแห่งการประทับอยู่ของพระเจ้าท่ามกลางเรา ซึ่งมัทธิวเน้นเป็นพิเศษในพระวรสารของท่าน ดังนั้น พระวรสารของมัทธิวจึงจบลงด้วยพระดำรัสของพระเยซูเจ้าผู้กลับคืนชีพที่ตรัสกับพระศาสนจักรที่เพิ่งเริ่มต้นว่า “เราจะอยู่กับพวกท่านเสมอไปจนสิ้นพิภพ” (มธ 28:20)

วันพระคริสตสมภพกำลังใกล้เข้ามา การเฉลิมฉลองนี้เตือนเราว่าพระเจ้าทรงรับเอากายบังเกิดเป็นมนุษย์และประทับท่ามกลางเรา เทศกาลคริสต์มาสจึงเป็นช่วงเวลาที่เราจะต้องตระหนักถึงการประทับอยู่ของพระเจ้าท่ามกลางเรา พระเจ้าไม่เพียงประทับอยู่กับเราในสิ่งสร้าง ในพระวาจา แต่ในบุคคลที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์คือองค์พระคริสตเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบุคคลที่ถูกทอดทิ้งและต้องการความช่วยเหลือ “ท่านทำสิ่งใดต่อพี่น้องผู้ต่ำต้อยที่สุดคนหนึ่งของเรา ท่านก็ทำสิ่งนั้นต่อเรา” (มธ 25:40)

2. บทเรียนสำหรับเรา

เมื่อพระเจ้าสถิตกับเรา ดังนั้น ชีวิตของเราจะต้องเป็นชีวิตที่มีเป้าหมายและสะท้อนให้เห็นถึงการประทับอยู่ของพระเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในท่าที ในความเอาใจใส่ และในความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้าและต่อผู้อื่น พระเยซูเจ้าทรงเป็นองค์ความรักและความเมตตากรุณาที่ทรงรับเอากาย ทรงเป็นองค์ความดีบริบูรณ์และความนอบน้อมเชื่อฟังต่อพระเจ้าจนถึงที่สุดคือไม้กางเขน

พระเยซูเจ้าได้เสด็จมาเพื่อเพื่อนำข่าวดีแห่งความรักของพระเจ้ามาให้เรา พระองค์ทรงรักเราเหมือนพระบิดาทรงรักเรา พระองค์ทรงพระชนม์อยู่เพื่อเราและประทับอยู่กับเรา นี่คือข่าวดีที่เราจะต้องแบ่งปันในเทศกาลคริสต์มาสที่กำลังจะมาถึง ให้เราได้ต้อนรับซึ่งกันและกันเหมือนพระเจ้าทรงต้อนรับเรา ให้เราทำให้คนอื่นมีความสุขเหมือนพระเจ้าที่ทรงทำให้เรามีความสุข ให้เราได้รักซึ่งกันเหมือนพระเจ้าที่ทรงรักเรา

ครั้งหนึ่งนักบุญฟรังซิส อัสซีซี เห็นภราดาคนหนึ่งในคณะปฏิบัติต่อคนจนอย่างหยาบคาย ท่านนักบุญได้ลงโทษภราดาคนนั้นและกล่าวสอนว่า “เมื่อใดที่ท่านเห็นคนจนเป็นพี่น้อง ท่านจะได้เห็นภาพขององค์พระเจ้าและแม่พระในตัวเขา” ดังนั้น เวลาใดก็ตามที่เรามองเห็น “อิมมานูแอล” ในเพื่อนพี่น้อง เท่ากับว่าเราเข้าใจถึงการบังเกิดของพระเจ้าในหนทางที่ถูกต้อง ให้เราได้เจริญชีวิตด้วยการตระหนักในความจริงที่ว่า “พระเจ้าสถิตกับเรา” และนำความรักของพระเจ้าไปสู่เพื่อนพี่น้อง ทุกครั้งที่เรายื่นมือของเราช่วยเหลือคนจนและต้องการความช่วยเหลือ ก็เท่ากับว่าเราได้ทำให้พระเจ้าประทับอยู่อย่างแท้จริงในชีวิตของเรา

บทสรุป

พี่น้องที่รัก เทศกาลคริสต์มาสมาถึงแล้วก็ผ่านไป พระศาสนจักรได้ยืนยันเสมอมาว่า พระเจ้าสถิตกับเราในพระเยซูเจ้า และพระเยซูเจ้าจะประทับอยู่กับเราจนสิ้นพิภพ แต่บ่อยครั้งเราไม่ได้ตระหนักถึงการประทับอยู่ของพระเจ้าท่ามกลางเรา เราแต่ละคนเป็นเหมือนยากอบที่เบธเอล ซึ่งตื่นขึ้นมาและพูดว่า “พระเจ้าทรงสถิต ณ ที่นี้แน่ทีเดียว แต่ข้าหารู้ไม่” (ปฐก 28:16)

พระเจ้าทรงแจ้งให้ยอแซฟทราบถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามแผนการที่วางไว้ นักบุญยอแซฟแม้ไม่เข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมด แต่นอบน้อมเชื่อฟังและทุ่มเทให้อย่างเต็มที่ ให้เราได้น้อมรับแผนการและน้ำพระทัยของพระเจ้าที่มีต่อเราเช่นเดียวกันแม้ไม่เข้าใจ และทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที วันนี้เราถูกท้าทายให้ฟังและได้ยินเสียงของพระเจ้าที่เสด็จเข้ามาในชีวิตของเราในหลายหลายวิธี ผ่านทางบุคคลหลายรูปแบบ และในทุกย่างก้าวของชีวิต เพื่อเราจะได้สำนึกเสมอว่า “อิมมานูแอล: พระเจ้าสถิตกับเรา”
ถ้าพระกุมารขนาดใหญ่ ณ ลานมหาวิหารนักบุญเปโตร กรุงโรม ประเทศอิตาลี (ค.ศ. 2008)
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
17 ธันวาคม 2010

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น