บสร 3:3-7, 14-17ก
คส 3:12-21
มธ 2:13-15, 19-23
บทนำ
มีสามี-ภรรยาคู่หนึ่งเพิ่งแต่งงานใหม่ ทั้งคู่รักกันมากแม้ว่าฐานะครอบครัวของพวกเขาจะยากจนก็ตาม เทศกาลคริสต์มาสกำลังใกล้เข้ามา ฝ่ายภรรยาคิดจะหาของขวัญสักอย่างให้สามี เธอตั้งใจจะซื้อสายนาฬิกาแบบห้อยคอให้สามี สำหรับนาฬิกาพกพาของเขาที่สายขาดนานมาแล้ว แต่เนื่องจากเงินไม่พอเธอจึงตัดสินใจขายผมที่ยาวสลวยของเธอ เพื่อซื้อสายนาฬิกาสำหรับนาฬิกาที่สามีรักมากเรือนนั้น
เมื่อได้ของตามที่ต้องการ เธอรีบกลับบ้านด้วยความยินดี ตั้งใจว่าจะมอบของขวัญนั้นให้สามีสุดที่รักทันทีที่เขากลับถึงบ้าน แต่เมื่อเธอกลับถึงบ้านและเปิดประตูเข้าไป เธออดแปลกใจไม่น้อยที่เห็นสามีรอเธออยู่ที่บ้านก่อนแล้ว พร้อมกับกล่องของขวัญที่ห่ออย่างดีในมือ เขาได้มอบของขวัญนั้นให้เธอพร้อมกับกล่าวว่า “สุขสันต์วันคริสต์มาส ที่รัก” และเธอได้มอบของขวัญที่เตรียมไว้ให้เขาเช่นกัน
เมื่อเธอเปิดกล่องของขวัญนั้นออก เธอแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง ในกล่องนั้นมีชุดหวีที่ทำจากเงินอย่างประณีตสวยงามมาก เธอได้เปิดผ้าคลุมผมออก ทำให้สามีทราบว่าเธอได้ตัดผมที่ยาวสลวยนั้นเสียแล้ว เช่นเดียวกับสามีเมื่อเปิดกล่องของขวัญที่ภรรยามอบให้ เขาพบสายนาฬิกาแบบพกพาซึ่งสวยงามมาก แต่น่าเสียดายที่เขาได้ขายนาฬิกาเรือนนั้นแล้วเพื่อซื้อชุดหวีเงินให้เธอ ของขวัญที่ทั้งคู่มอบให้แก่กันวันนั้น ดูเหมือนเป็นสิ่งไร้ค่าหาประโยชน์อะไรไม่ได้แล้ว แต่ความรักที่ทั้งคู่มีให้กันนั้นยิ่งใหญ่และมีค่ามากยิ่งกว่าของขวัญหลายเท่านัก
1. ครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า
พระเยซูเจ้าทรงบังเกิดมาในครอบครัว ทรงเคารพเชื่อฟังบิดามารดาของพระองค์ และได้รับการอบรมเลี้ยงดูในบรรยากาศแห่งพระหรรษทาน ในครอบครัวที่มีแม่พระและนักบุญยอแซฟ หญิงชาวยิวและช่างไม้ธรรมดาที่รัก เห็นอกเห็นใจ และให้ความเคารพซึ่งกันและกัน เป็นครอบครัวที่ร่วมทุกข์ร่วมสุข เป็นแบบอย่างในการแบ่งปันความความยินดี ความรับผิดชอบ และความทุกข์ในชีวิตครอบครัว พระศาสนจักรจึงยกย่องให้เป็นครอบครัวศักดิ์สิทธิ์และเป็นแบบอย่างของครอบครัวทั้งหลาย
พระวรสารไม่ได้ให้รายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับครอบครัวของพระเยซูเจ้า แม่พระ และนักบุญยอแซฟมากนัก แต่เราเข้าใจว่ายอแซฟเป็นคนที่ยำเกรงพระเจ้า ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระองค์โดยไม่มีเงื่อนไข เป็นบุคคลที่มีหัวใจเปิดสู่พระเจ้า เชื่อฟัง ทำตาม และพร้อมจะเผชิญกับความยากลำบากทุกอย่างเพื่อพระองค์ ยอมทิ้งบ้านอันอบอุ่นที่นาซาเร็ธเดินทางไกลไปอียิปต์เพื่อความปลอดภัย
มีสามครั้งในพระวรสารที่ยอแซฟตื่นขึ้นมากลางดึก เพื่อปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้าในการปกป้องพระกุมารเยซูและแม่พระให้ปลอดภัย ยอแซฟจึงได้ชื่อว่าเป็น “ผู้ชอบธรรม” ที่มีความรับผิดชอบในฐานะหัวหน้าครอบครัว ที่ใช้ความสามารถทุกอย่างเพื่อครอบครัว ขณะที่แม่พระเป็นคู่ชีวิตที่รับผิดชอบดูแลครอบครัว และมีส่วนในความยากลำบากต่างๆ ในการทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าอย่างเงียบๆ
ในพระวรสารของนักบุญมัทธิว ได้แสดงภาพของความเป็นหนึ่งเดียวของครอบครัวนี้ว่า สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นหนึ่งเดียวที่ลึกซึ้งของพระตรีเอกภาพ อันเป็นความสัมพันธ์แห่งความรักที่สมบูรณ์ ที่แสดงออกให้เห็นในชีวิตของพระเยซูเจ้า แม่พระ และนักบุญยอแซฟ นั่นคือ พระเยซูเจ้า องค์สันติราชาได้ทรงส่องสว่างและทำให้ชีวิตของท่านทั้งสองมีชีวิตชีวา เป็นครอบครัวที่มีสันติสุข กลมเกลียว และร่าเริงยินดี
2. บทเรียนสำหรับเรา
การแต่งงานและสถาบันครอบครัวเป็นสถานบันที่มีความสำคัญมาก เนื่องจากมีจุดเริ่มต้นที่พระเจ้า เป็นพันธสัญญาผูกมัดระหว่างสามีภรรยาให้เป็นหนึ่งเดียวกัน และเรียกร้องความรักและความซื่อสัตย์ต่อกัน ประการสำคัญ การแต่งงานเป็นศีลศักดิ์สิทธิ์ที่พระเยซูเจ้าทรงตั้งขึ้น แต่ปัจจุบันสถาบันครอบครัวกำลังถูกท้าทายอย่างหนัก หลายครอบครัวกำลังล่มสลาย อันเนื่องมาจากความไม่เข้าใจกัน ความไม่รับผิดชอบ ความเห็นแก่ตัว และความไม่ซื่อสัตย์ต่อกัน อัตราการหย่าร้างในสังคมปัจจุบันจึงสูงมาก พ่อไปทาง แม่ไปทาง ทิ้งลูกให้เผชิญชะตากรรมโดยลำพังและเป็นปัญหาของสังคม
ชีวิตครอบครัวของพระเยซูเจ้า แม่พระ และนักบุญยอแซฟ ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่เผชิญมรสุมหนักแสนสาหัส แต่อะไรที่ทำให้ครอบครัวนี้ได้ชื่อว่าเป็นครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ ดำรงความเป็นครอบครัวและสามารถฟันฝ่าอุปสรรคปัญหาต่างๆ มาได้ นั่นเพราะครอบครัวนี้มีพระเยซูเจ้าประทับอยู่ท่ามกลาง ความสำเร็จของครอบครัวจึงไม่เพียงขึ้นอยู่กับความรักของสมาชิกที่มีต่อกันเท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยความช่วยเหลือจากพระเจ้าด้วย ครอบครัวคริสตชนจึงไม่ได้มีเพียง “พ่อ-แม่-ลูก” แต่จะต้องมีพระเยซูเจ้าประทับอยู่ท่ามกลาง
เหนือสิ่งอื่นใด เราอยู่ในพระศาสนจักร ครอบครัวใหญ่ของประชากรพระเจ้า ซึ่งเป็นที่รวมของผู้ที่มีความเชื่อในพระเยซูเจ้าและข่าวดีของพระองค์ พระศาสนจักรจึงเป็นพระกายทิพย์ที่มองเห็นได้ของพระเยซูเจ้า เราคริสตชนแต่ละคนในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของพระกายทิพย์นี้ จะต้องสานต่อพันธกิจของพระองค์ ในครอบครัวของเรา ซึ่งเป็นพระศาสนจักรระดับบ้าน (Domestic Church) โดยยึดพระคริสตเจ้าเป็นศูนย์กลางและติดตามพระองค์ทั้งในคำพูดและกิจการ ครอบครัวของเราจะต้องสะท้อนจิตตารมณ์ของครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า
บทสรุป
พี่น้องที่รัก การฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า ควรเป็นโอกาสให้เราได้พิจารณาไตร่ตรองถึงความสัมพันธ์ในครอบครัวของเรา การอยู่ร่วมกันระหว่างพ่อ-แม่-ลูกเป็นไปตามรูปแบบของครอบครัวศักดิ์สิทธิ์มากน้อยเพียงใด เราจะต้องมีความรักต่อกันตามแบบอย่างของครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะคนที่เป็นสามีภรรยาจะต้องรักและซื่อสัตย์ต่อกันต่อกันจนวันตาย ตามคำสัญญาที่เราได้ให้ไว้ (ในวันแต่งงาน) “ของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่พ่อแม่สามารถให้แก่ลูกได้คือความรักที่พวกเขามีต่อกัน” (Anon)
คนที่เป็นสามีภรรยาต้องเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน รับผิดชอบต่อครอบครัวและทำหน้าที่ของตนอย่างดี คนที่เป็นลูกเช่นเดียวกัน ต้องเคารพเชื่อฟังพ่อแม่ ไม่ทำให้พ่อแม่เสียใจและกตัญญูดูแลท่านยามแก่เฒ่า ให้เราได้ภาวนาเพื่อความสำเร็จของครอบครัว ความผาสุกของสังคม ประเทศชาติ และพระศาสนจักร ทั้งนี้ก็เพราะเมื่อใดก็ตามที่ชีวิตครอบครัวล้มเหลว สังคม ประเทศชาติ และพระศาสนจักรย่อมได้รับผลกระทบไปด้วย
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว25 ธันวาคม 2010
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น