เวียดนามภาคใต้
(บันทึกการเดินทางไปแสวงบุญเวียดนามใต้ 27-31
กรกฎาคม 2015)
3.
บ้านเณรใหญ่นักบุญยอแซฟ
วันที่สองของการเดินทาง
(28
กรกฎาคม) พวกเราบางคนตื่นแต่เช้าเพื่อไปเล่นน้ำทะเล บ้างเก็บภาพหรือเดินเล่นสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าบริเวณชายหาดเมืองหวู่งต่าว
ซึ่งสงบสวยงาม มีชาวเวียดนามพาครอบครัวมาเล่นน้ำทะเลและออกกำลังกายยามเช้าจำนวนมาก
กล่าวกันว่ามีสามสิ่งที่หายากที่สุดในเวียดนามคือ 1) สุนัข, 2) กระเทย และ 3) คนอ้วน ซึ่งเป็นความจริงทีเดียว
ลองกวาดสาตาดูตามถนนและชายหาดตั้งแต่วันแรกไม่พบสามสิ่งที่ว่านี้ จะพบก็แต่พวกเรากันเองซึ่งมีแต่ประเภทช้างน้อยทั้งนั้น
เป้าหมายของการเดินทางวันนี้คือเมืองดาหลัด
โดยมีกำหนดการแวะเยี่ยมบ้านเณรใหญ่นักบุญยอแซฟเพียงแห่งเดียวที่เมืองชวนล็อก (Xuan
Loc) ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก เพื่อร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณที่วัดของบ้านเณรที่ใหญ่โตและสวยงามมาก
พร้อมกับสามเณรกลุ่มหนึ่งโดยมีพระคุณเจ้าจำเนียร สันติสุขนิรันดร์ เป็นประธานในพิธีในแบบภาษาอังกฤษปนไทย
มีการแปลเป็นภาษาเวียดนามในเวลาที่พระคุณเจ้ากล่าวและเทศน์ ซึ่งพระคุณเจ้าได้ให้ข้อคิดกับสามเณรและพระสงฆ์ที่ร่วมพิธีตอนหนึ่งว่า
“ดิโอเจเนส
นักปรัชชากรีกผู้มีชื่อเสียง วันหนึ่งได้จุดตะเกียงเดินไปมาตอนกลางวันแสกๆ
คนที่พบเห็นเลยถามว่า ‘เหตุใดท่านจึงจุดตะเกียงกลางวันเช่นนี้’
ดิโอเจเนสตอบว่า ‘เพื่อมองหามนุษย์ที่แท้จริงที่ไม่ทุจริตคดโกง’
ตามความเห็นของดิโอเจเนสในทุกสังคมย่อมมีทั้งคนดีและคนไม่ดี
เหมือนอุปมาเรื่องเมล็ดพันธุ์ดีกับวัชพืชที่ขึ้นปะปนกันตามที่เราได้ยินในพระวรสารวันนี้
เราพระสงฆ์และสามเณรต้องดำเนินชีวิตเป็นคนดีท่ามกลางคนไม่ดี ต้องมั่นคงในการทำความดีเพื่อจะได้มีอิทธิพลและเปลี่ยนคนไม่ดีให้กลายเป็นคนดี
มิฉะนั้นเราอาจจะถูกคนชั่วดูดกลืนเป็นคนไม่ดีไปด้วย”
บ้านเณรนักบุญยอแซฟชวนล็อก
เป็นบ้านเณรใหญ่ของหลายสังฆมณฑลทางภาคใต้ มีสามเณรใหญ่ทั้งปรัชญาและเทววิทยากว่า 400
คน พระสงฆ์ประจำบ้านเณร 20 องค์ และอีก 30
องค์เป็นอาจารย์สอนแต่ไม่ได้พักประจำ
หลังมิสซาทางบ้านเณรได้เลี้ยงอาหารเที่ยงคณะของพวกเรา นับเป็นการต้อนรับที่อบอุ่นและประทับใจ
พร้อมกับถือโอกาสแสดงความยินดีกับคุณพ่อธีระยุทธ อนุโรจน์และคุณพ่อสุริยา
ผันพลี โอกาสครบรอบวันเกิดวันนี้พอดี ก่อนที่พระคุณเจ้าจะกล่าวขอบคุณและมอบปัจจัยสนับสนุนกระแสเรียกและกิจการของบ้านเณร
จากนั้นคณะของพวกเราได้เดินทางมุ่งหน้าสู่ดาหลัด
มีการแวะตามจุดพักรถเป็นระยะๆ บางที่ไม่มีจุดพักรถยนต์จึงต้องอาศัยข้างทาง
ช่วยรถน้ำต้นกาแฟชาวบ้านข้างทาง หญิงเจ้าของต้นกาแฟออกมาถามไถ่ แต่ไม่ได้ว่าอะไรแถมใจดีนำน้ำชาร้อนๆ
มาบริการอีกต่างหาก แม้ระยะทางไปดาหลัดจะไม่ไกลมาก ราว 280
กิโลเมตรแต่ใช้เวลาเดินทางกว่า 6 ชั่วโมง เนื่องจากรถยนต์โดยสารในเวียดนามจำกัดความเร็วไม่เกิน
60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อีกทั้ง เป็นเส้นทางขึ้นภูเขาเพราะดาหลัดตั้งอยู่บนความสูง
1,500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
เวลาที่พวกเราเดินทางถึงดาหลัดแม้จะเป็นเวลามืดค่ำแล้ว
แต่สังเกตได้ถึงสีสันยามค่ำคืนของเมืองตากอากาศแห่งนี้
และสัมผัสได้ถึงฤดูกาลซึ่งไกด์ชาวเวียดนามบอกเราว่าวันหนึ่งมี 4 ฤดู หลังรับประทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารซึ่งเคยเป็นที่พักของชาวฝรั่งเศส
บริษัททัวร์ที่นำพวกเรามาเวียดนามครั้งนี้
ได้จัดหาเค้กและดอกไม้แสดงความยินดีกับคุณพ่อที่เกิดในวันนี้อีกครั้ง ก่อนจะเข้าพักที่โรงแรม
Du Parc Hotel เป็นการสิ้นสุดภารกิจวันที่สอง
Don Daniele เรื่อง/ภาพ
Du
Parc Hotel, Dalat City, VIETNAM
July 28, 2015
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น