วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

บ้านเณรใหญ่นักบุญยอแซฟ


เวียดนามภาคใต้
(บันทึกการเดินทางไปแสวงบุญเวียดนามใต้ 27-31 กรกฎาคม 2015)
3.         บ้านเณรใหญ่นักบุญยอแซฟ
วันที่สองของการเดินทาง (28 กรกฎาคม) พวกเราบางคนตื่นแต่เช้าเพื่อไปเล่นน้ำทะเล บ้างเก็บภาพหรือเดินเล่นสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าบริเวณชายหาดเมืองหวู่งต่าว ซึ่งสงบสวยงาม มีชาวเวียดนามพาครอบครัวมาเล่นน้ำทะเลและออกกำลังกายยามเช้าจำนวนมาก กล่าวกันว่ามีสามสิ่งที่หายากที่สุดในเวียดนามคือ 1) สุนัข, 2) กระเทย และ 3) คนอ้วน ซึ่งเป็นความจริงทีเดียว ลองกวาดสาตาดูตามถนนและชายหาดตั้งแต่วันแรกไม่พบสามสิ่งที่ว่านี้ จะพบก็แต่พวกเรากันเองซึ่งมีแต่ประเภทช้างน้อยทั้งนั้น
เป้าหมายของการเดินทางวันนี้คือเมืองดาหลัด โดยมีกำหนดการแวะเยี่ยมบ้านเณรใหญ่นักบุญยอแซฟเพียงแห่งเดียวที่เมืองชวนล็อก (Xuan Loc) ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก เพื่อร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณที่วัดของบ้านเณรที่ใหญ่โตและสวยงามมาก พร้อมกับสามเณรกลุ่มหนึ่งโดยมีพระคุณเจ้าจำเนียร สันติสุขนิรันดร์ เป็นประธานในพิธีในแบบภาษาอังกฤษปนไทย มีการแปลเป็นภาษาเวียดนามในเวลาที่พระคุณเจ้ากล่าวและเทศน์ ซึ่งพระคุณเจ้าได้ให้ข้อคิดกับสามเณรและพระสงฆ์ที่ร่วมพิธีตอนหนึ่งว่า



“ดิโอเจเนส นักปรัชชากรีกผู้มีชื่อเสียง วันหนึ่งได้จุดตะเกียงเดินไปมาตอนกลางวันแสกๆ คนที่พบเห็นเลยถามว่า เหตุใดท่านจึงจุดตะเกียงกลางวันเช่นนี้ ดิโอเจเนสตอบว่า เพื่อมองหามนุษย์ที่แท้จริงที่ไม่ทุจริตคดโกง ตามความเห็นของดิโอเจเนสในทุกสังคมย่อมมีทั้งคนดีและคนไม่ดี เหมือนอุปมาเรื่องเมล็ดพันธุ์ดีกับวัชพืชที่ขึ้นปะปนกันตามที่เราได้ยินในพระวรสารวันนี้ เราพระสงฆ์และสามเณรต้องดำเนินชีวิตเป็นคนดีท่ามกลางคนไม่ดี ต้องมั่นคงในการทำความดีเพื่อจะได้มีอิทธิพลและเปลี่ยนคนไม่ดีให้กลายเป็นคนดี มิฉะนั้นเราอาจจะถูกคนชั่วดูดกลืนเป็นคนไม่ดีไปด้วย”



บ้านเณรนักบุญยอแซฟชวนล็อก เป็นบ้านเณรใหญ่ของหลายสังฆมณฑลทางภาคใต้ มีสามเณรใหญ่ทั้งปรัชญาและเทววิทยากว่า 400 คน พระสงฆ์ประจำบ้านเณร 20 องค์ และอีก 30 องค์เป็นอาจารย์สอนแต่ไม่ได้พักประจำ หลังมิสซาทางบ้านเณรได้เลี้ยงอาหารเที่ยงคณะของพวกเรา นับเป็นการต้อนรับที่อบอุ่นและประทับใจ พร้อมกับถือโอกาสแสดงความยินดีกับคุณพ่อธีระยุทธ อนุโรจน์และคุณพ่อสุริยา ผันพลี โอกาสครบรอบวันเกิดวันนี้พอดี ก่อนที่พระคุณเจ้าจะกล่าวขอบคุณและมอบปัจจัยสนับสนุนกระแสเรียกและกิจการของบ้านเณร



จากนั้นคณะของพวกเราได้เดินทางมุ่งหน้าสู่ดาหลัด มีการแวะตามจุดพักรถเป็นระยะๆ บางที่ไม่มีจุดพักรถยนต์จึงต้องอาศัยข้างทาง ช่วยรถน้ำต้นกาแฟชาวบ้านข้างทาง หญิงเจ้าของต้นกาแฟออกมาถามไถ่ แต่ไม่ได้ว่าอะไรแถมใจดีนำน้ำชาร้อนๆ มาบริการอีกต่างหาก แม้ระยะทางไปดาหลัดจะไม่ไกลมาก ราว 280 กิโลเมตรแต่ใช้เวลาเดินทางกว่า 6 ชั่วโมง เนื่องจากรถยนต์โดยสารในเวียดนามจำกัดความเร็วไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อีกทั้ง เป็นเส้นทางขึ้นภูเขาเพราะดาหลัดตั้งอยู่บนความสูง 1,500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
เวลาที่พวกเราเดินทางถึงดาหลัดแม้จะเป็นเวลามืดค่ำแล้ว แต่สังเกตได้ถึงสีสันยามค่ำคืนของเมืองตากอากาศแห่งนี้ และสัมผัสได้ถึงฤดูกาลซึ่งไกด์ชาวเวียดนามบอกเราว่าวันหนึ่งมี 4 ฤดู หลังรับประทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารซึ่งเคยเป็นที่พักของชาวฝรั่งเศส บริษัททัวร์ที่นำพวกเรามาเวียดนามครั้งนี้ ได้จัดหาเค้กและดอกไม้แสดงความยินดีกับคุณพ่อที่เกิดในวันนี้อีกครั้ง   ก่อนจะเข้าพักที่โรงแรม Du Parc Hotel เป็นการสิ้นสุดภารกิจวันที่สอง




Don Daniele        เรื่อง/ภาพ
Du Parc Hotel, Dalat City, VIETNAM
July 28, 2015

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น