เวียดนามภาคใต้
(บันทึกการเดินทางไปแสวงบุญเวียดนามใต้ 27-31
กรกฎาคม 2015)
4.
ดาหลัด เมืองวิมานในฝัน
ถ้าถามคนเวียดนามว่า
เมืองใดของเวียดนามที่น่าเที่ยวมากที่สุดสำหรับคนหนุ่มสาวหรือคู่รักที่เพิ่งจะครองรักกันใหม่ๆ
ส่วนใหญ่จะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “เมืองดาหลัด” โดยเฉพาะคู่แต่งงานที่ต้องการไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์
หรือต้องการสถานที่และบรรยากาศที่โรแมนติกที่สุด เพื่อเติมเต็มความรักให้เบ่งบานยิ่งขึ้นแล้วละก็
เมืองนี้ใช่เลย น่าจะเป็นเมืองวิมานในฝันสำหรับคู่รักทั้งหลาย
ที่อยากมาเยือนสักครั้งในชีวิต
ดาหลัด
เป็นเมืองที่มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี
มีทัศนียภาพที่สวยงามแตกต่างจากเมืองอื่นในเวียดนาม จึงไม่แปลกที่ดาหลัดเป็นเมืองตากอากาศของชาวฝรั่งเศสในยุคล่าอาณานิคม
ที่มักหนีความร้อนอบอ้าวมาพักผ่อนที่เมืองนี้ จนได้ชื่อว่า “ปารีสน้อย (Le Petit Paris)”, “เมืองแห่งฤดูใบไม้ผลิชั่วนิรันดร์ (City
of Eternal Spring)”, “เมืองแห่งความรัก (City of
Love)”, รวมถึง “เมืองแห่งดอกไม้”
เนื่องจากเป็นแหล่งที่ปลูกไม้ดอกไม้ประดับและผักที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม
ดาหลัด ตั้งอยู่ห่างจากนครโฮจิมินห์ประมาณ 310 กิโลเมตร ในช่วงสงครามไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ตัวแทนของทั้งสองฝ่ายเดินทางมาดาหลัดเพื่อพักผ่อนและฟื้นฟูจิตใจมากกว่า
หรือหาข่าวฝ่ายตรงข้าม ต่างจากพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ ดาหลัดจึงยังคงรักษาสถาปัตยกรรมสมัยอาณานิคมไว้ได้อย่างสมบูรณ์
ทั้งคฤหาสน์และอาคารรัฐบาลสไตล์ฝรั่งเศส ถือเป็นเมืองตากอากาศที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือน
เนื่องจากมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง อาทิ อาสนวิหารดาหลัด สวนพฤกษชาติ น้ำตกดาตัลลา
ตำหนักฤดูร้อนของพระเจ้าเบาได๋ หุบเขาแห่งความรักฯลฯ
อาสนวิหารดาหลัด คณะของเราเริ่มต้นเช้าวันใหม่วันที่สาม
(29 กรกฎาคม 2015) ด้วยพิธีบูชาขอบพระคุณ ณ อาสนวิหารดาหลัด เพื่อเป็นการขอบคุณและขอพรจากพระเจ้าก่อนจะเริ่มภารกิจของวันนี้
อาสนวิหารแห่งนี้รู้จักกันดีในชื่อ “โบสถ์ไก่” เนื่องจากบนหลังคามีกังหันจับทิศทางลมรูปไก่ติดอยู่
สร้างในช่วงปี ค.ศ. 1931-1942 (พ.ศ. 2474-2485) นับเป็นโบสถ์หลังแรกและเก่าแก่ที่สุดของเมืองดาหลัด มีหอระฆังสูงตระหง่านมองเห็นได้จากระยะไกล
ภายในอาสนวิหารสูงโปร่งและสวยงาม โดยเฉพาะรูปเสาที่รองรับฐานโค้งของโครงหลังคาทั้งสองข้าง
มีหน้าต่างเป็นกระจกสีรูปนักบุญต่างๆ ฝีมือหลุยส์ บาลเมต์ แห่งเมืองเกรอะน๊อบ
ประเทศฝรั่งเศส ถือเป็นศูนย์กลางของคริสตชนเวียดนามในดาหลัดและชาวฝรั่งเศสที่มาตากอากาศ
ตรงข้ามกลางถนนซึ่งเป็นสามแยก มีรูปแกะสลักพระเยซูเจ้านายชุมพาบาลที่ดี ยืนอุ้มแกะหันหน้ามายังอาสนวิหาร
สวนพฤกษชาติดาหลัด
ถือเป็นแหล่งพักผ่อนที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งในเมืองดาหลัด ที่ทำให้ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งดอกไม้
เนื่องจากมีไม้ดอกหลากสีนานาพันธุ์กว่า 300
ชนิด ที่อวดโฉม รูปทรงและสีสันแปลกตา ทั้งจากดาหลัดเอง
ภูมิภาคอื่นของเวียดนาม และจากต่างประเทศ โดยเฉพาะพืชเมืองหนาว
เนื่องจากดาหลัดมีอุณหภูมิที่เย็นตลอดปี
เหมาะสำหรับการปลูกพืชทุกชนิด
ในสวนพฤษชาติดาหลัด มีพื้นที่กว้างขวางใหญ่โต มีการจัดสวนหย่อม โรงเรือน
ซุ้มไม้ดอกไม้ประดับ และประติมากรรมสัมฤทธิ์สำหรับถ่ายรูปมากมาย สำหรับคนที่ชื่นชอบดอกไม้และการถ่ายรูป
คงเต็มอิ่มกับการหามุมสวยๆ เพื่อเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก ไกด์บอกพวกเราว่าช่วงนี้เป็นหน้าฝน
ดอกไม้จึงไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ หากเรามาช่วงหน้าหนาวดอกไม้จะสวยงามมากกว่านี้
น้ำตกดาตัลลา อยู่ทางใต้ของดาหลัดราว 5 กิโลเมตร ถือเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดในดาหลัด แต่ที่โดดเด่นคือบริการรถรางขนาด 2 ที่นั่งสำหรับนั่งไปชมน้ำตก ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวและเก๋ไก๋ไปอีกแบบ เจ้ารถรางที่ว่านี้ขับไม่ยาก เพียงแค่โยกคันบังคับไปข้างหน้าสำหรับเร่งความเร็วและโยกมาหลังสำหรับเบรก แต่ขากลับรถจะถูกดึงกลับด้วยระบบราง โดยมีเจ้าหน้าที่คอยบริหารและสามารถสื่อสารบอกวิธีการใช้เป็นภาษาไทยได้
อีกทั้ง ยังมีกระเช้าไฟฟ้านำนักท่องเที่ยวถึงบริเวณน้ำตกโดยไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ต้องชมว่าเวียดนามก้าวหน้ากว่าประเทศไทยมากในเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่ประเทศของเรามีแหล่งท่องเที่ยงทางธรรมชาติที่สวยงามยิ่งกว่ามากมาย
แต่ไม่สามารถจัดสร้างระบบขนส่งที่อำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวที่ต้องการไปชมได้
จากนั้นได้รับประทานอาหารเที่ยงที่ร้านอาหารบริเวณทางลงน้ำตก
ตำหนักฤดูร้อนของจักรพรรดิเบาได๋ สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1933-1938 (พ.ศ. 2476-2481) โดยใช้วัสดุจากฝรั่งเศสและเวียดนามภาคกลาง
ภายในประกอบด้วยห้องต่างๆ ทั้งห้องประชุม ห้องทรงงาน ห้องบรรทม ห้องโถง ฯลฯ รวม 26
ห้อง ปัจจุบัน ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ยังคงเก็บรักษาของเดิมไว้
มีเพียงห้องถ่ายภาพที่เพิ่มขึ้นมา เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สวมชุดราชวงศ์ถ่ายภาพเป็นที่ระลึก
หุบเขาแห่งความรัก
อยู่ห่างจากตัวเมืองดาหลัดไปทางเหนือประมาณ 5
กิโลเมตร เป็นหุบเขาที่ห้อมล้อมด้วยเทือกเขาสลับซับซ้อนและทิวสน
ถือเป็นจุดหมายปลายทางของคู่รักหรือคู่แต่งงานที่มาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์และเติมความรักให้เต็มล้นที่นี่
พื้นที่ของหุบเขาแห่งความรักแบ่งออกเป็น 9 โซน
โซนแรกเป็นสวนดอกไม้ รูปสลักหินอ่อน เสาหิน ร้านอาหาร
ร้านเช่าชุดถ่ายรูปและสวนสนุก ดูไม่ต่างจากสวนพฤกษชาติดาหลัดเท่าไรนัก
ที่เด่นสุดคือ
จุดสูงสุดของหุบเขานี้ ซึ่งจัดเป็นสวนเอเดน มีรูปอาดัมเอวา เสาหินที่ตกแต่งอย่างสวยงาม
พร้อมทั้งมีร้านจำหน่ายและแสดงงานฝีมือ ทั้งงานแกะสลักไม้และงานแกะสลักอัญมณีล้ำค่ารูปนกยูงและมังกร
ที่ทำจากทองแดง เงิน ทองคำ และเพชรพลอยฝีมือช่างคนไทย จากนั้นคณะของเราได้เดินทางกลับเพื่อรับประทานอาหารเย็นและกลับโรงแรมที่พัก
แต่บางท่านถือโอกาสไปเดินตลาดราตรี เพื่อหาซื้อสิ่งของที่สนใจและต้องการ นับเป็นการสิ้นสุดภารกิจของวันนี้
Du
Parc Hotel, Dalat City, VIETNAM
July 29, 2015
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น