วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

40 ปีวัดหลังปัจจุบันของหนองแสง


40 ปีวัดหลังปัจจุบันของหนองแสง
ใครที่เคยมาเที่ยวจังหวัดนครพนม หากขับรถยนต์ผ่านถนนสุนทรวิจิตรเรียบแม่น้ำโขงไปจนสุดถนน คงสะดุดตากับโบสถ์คริสต์ขนาดใหญ่ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าริมแม่น้ำโขง ณ ตำบลหนองแสง อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม โบสถ์หลังนี้แสดงถึงความเจริญเติบโตของคริสตศาสนาในจังหวัดนครพนม ที่มีความเป็นมายาวนานกว่า 130 ปี อันนับตั้งแต่คริสต์ศาสนาเข้ามาในภาคอีสาน โดยการนำของธรรมทูตรุ่นบุกเบิกคือ คุณพ่อยอห์นบัปติสต์ โปรดม กับคุณพ่อซาเวียร์ เกโก คณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส (M.E.P.) ในปี ค.ศ. 1881 (พ.ศ. 2424)
โบสถ์ที่กล่าวถึงนี้คือ โบสถ์นักบุญอันนาหนองแสง หรือ รองอาสนวิหารนักบุญอันนาหนองแสง แห่งอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง สร้างโดยคุณพ่ออันตน เสงี่ยม ศรีวรกุล (ดีศรีวรกุล) ขณะเป็นเจ้าอาวาสในช่วงปี ค.ศ. 1964-1976 (พ.ศ.2507-2519)  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการระลึกถึงความเสียสละและความกล้าหาญของธรรมทูตรุ่นแรก ที่ได้นำเมล็ดพันธุ์แห่งพระวรสารมาหว่านในแผ่นดินอีสาน และเพื่อเป็นการโมทนาคุณพระเจ้าที่ได้เลือกคนอีสานที่สองคอนเป็นตัวอย่างของการสละชีวิตเพื่อยืนยันความเชื่อ อีกทั้ง เพื่อทำให้หนองแสงในฐานะศูนย์กลางของมิสซังลาวและภาคอีสานในอดีต ได้สาดแสงเจิดจ้าไปทั่วดินแดนอีสานอีกครั้ง
โบสถ์หลังนี้นับเป็นโบสถ์หลังที่ 4 มีพิธีวางศิลาฤกษ์โดยพระสมณทูตยวง โมเร็ตตี พระสมณทูตวาติกันประจำประเทศไทย ในวันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 1972 (พ.ศ. 2515) ซึ่งตรงกับวันสมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นสวรรค์  โดยสร้างตามแบบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ คล้ายคลึงกับอาสนวิหารหลังเก่าที่ถูกทำลาย ด้วยความร่วมมือร่วมใจอย่างพร้อมเพรียงของคริสตชนหนองแสง ด้วยแรงศรัทธาของคริสตชนจากที่ต่างๆ  และเหนือสิ่งอื่นใดคือความช่วยเหลือของพระเจ้า วัดหลังใหม่จึงสำเร็จลงอย่างน่าสรรเสริญ
เมื่อสร้างเสร็จโบสถ์หลังนี้จึงโอ่อ่าสวยงามทั้งภายนอกและภายใน สมกับเป็นรองอาสนวิหารอย่างแท้จริง มีพิธีเสกและเปิดอย่างยิ่งใหญ่เมื่อวันที่  18 เมษายน ค.ศ. 1975 (พ.ศ. 2518) โดยพระสังฆราชเกลาดีอุส บาเย อดีตประมุขมิสซังลาว, มิสซังท่าแร่และมิสซังอุบลราชธานี ธรรมทูตรุ่นที่สองผู้บุกเบิกและมีบทบาทสำคัญในพระศาสนจักรท้องถิ่นแห่งนี้
นับเป็นเรื่องน่าทึ่งที่คุณพ่อเสงี่ยม ดีศรีวรกุล สามารถสร้างวัดใหญ่โตสวยงามหลังนี้เมื่อ 40 ปีก่อนได้ ขณะที่สังฆมณฑลยังยากจน ผู้คนอัตคัดขัดสน เครื่องไม้เครื่องมือและเทคโนโลยียังล้าสมัย อีกทั้งยังสามารถขอบริจาคเงินจากบุคคลสำคัญ อาทิ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ, บุญราศี สมเด็จพระสันตะปาปาเปาโล ที่ 6, ประธานาธิบดีเหงียน วันเทียว แห่งเวียดนามใต้, สำนักเลขาธิการนานาชาติแห่งโรม เป็นต้น
โบสถ์หลังนี้จึงเป็นมรดกแห่งความเชื่ออย่างแท้จริง ที่แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเท เสียสละและความศรัทธาในพระเจ้า ซึ่งคุณพ่อเสงี่ยม ดีศรีวรกุล กล่าวด้วยความสุภาพว่า พระเจ้าได้สร้างขึ้นจากความว่างเปล่า นอกนั้นยังเป็นเครื่องหมายแห่งความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของพี่น้องคริสตชนหนองแสง ที่ร่วมมือกับคุณพ่อในการสร้างโบสถ์หลังนี้จนสำเร็จ โอกาสครบรอบ 40 ปีของโบสถ์หลังนี้ ควรที่อนุชนรุ่นหลังจะสำนึกพระคุณและคิดถึงคุณพ่ออันตน เสงี่ยม ดีศรีวรกุล เป็นพิเศษ
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
โรงเรียนเซนต์ยอแซฟยานนาวา กรุงเทพฯ
26 กรกฎาคม 2015

1 ความคิดเห็น: