วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2558

วัดท่าแร่หลังที่ 2




130 ปี คริสตชุมชนท่าแร่ (ต่อ)
วัดท่าแร่หลังที่ 2 ภาพโดยสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ 14 มกราคม 1907

1.3  การก่อสร้างวัดหลังที่ 2
วัดหลังที่ 2 ซึ่งมีโครงสร้างถาวรผนังก่ออิฐถือปูนมีหอสูงด้านหน้า 2 หอ และด้านหลัง 1 หอ สร้างในราวปี ค.. 1901 (.. 2444) ดังปรากฏในเอกสาร สำเนาจดหมายออกและคดีความ เลขที่ 29 ที่ คุณพ่อกอมบูริเออ พร้อมกับขุนพิทักษ์ประเทศ ตาแสง (ผู้ใหญ่บ้าน) บ้านท่าแร่ได้เขียนไปถึงพระยาประจันตประเทศธานี เจ้าเมือง, ชาเนตร ข้าหลวงประจำเมือง, อุปฮาด, ราชวงศ์, ราชบุตร และกรมการเมืองสกลนคร เพื่อแจ้งให้ทราบถึงความประสงค์ที่จะรื้อวัดเก่าที่ชำรุดทรุดโทรมและสร้างพระวิหารใหม่ขึ้น  พร้อมกับขออนุญาตให้บ่าวไพร่ราษฎรบ้านท่าแร่ได้งดเว้นจากงานราชการ เพื่อจะได้พร้อมใจกันก่อสร้างพระวิหารใหม่ในตอนต้นปี 
จดหมายฉบับนั้นลงวันที่ 30 ตุลาคม ค.. 1900 (.. 2443) จึงทำให้เราทราบว่า พระวิหารใหม่ หรือวัดหลังที่ 2 ได้เริ่มสร้างเมื่อต้นปี ค.. 1901 (.. 2444) และใช้เวลาในการก่อสร้างหลายปี เพราะชาวท่าแร่บางส่วนยังถูกเกณฑ์ไปทำงานหลวง ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าเมืองตามที่คุณพ่อกอมบูริเออร้องขอ  อีกทั้งความจำกัดในเรื่องเครื่องไม้เครื่องมือและอุปกรณ์ก่อสร้างในสมัยนั้น ทำให้การก่อสร้างล่าช้า 
 คุณพ่อยอแซฟ กอมบูริเออ เจ้าอาวาสวัดท่าแร่องค์แรกและผู้สร้างวัดหลังที่ 2
พระยาประจันตประเทศธานี เจ้าเมืองสกลนคร

          จากเอกสาร บันทึกเหตุการณ์และหนังสือเข้า เลขที่ 249 และ 250 ลงวันที่ 14 และ 20 กุมภาพันธ์ ค.. 1903 (.. 2446) ตามลำดับ ซึ่งเป็นหนังสือที่พระอนุบาลสกลเกศ ยกกระบัตรเมืองสกลนครมีมาถึงคุณพ่อกอมบูริเออ โดยอ้างถึงหนังสือที่คุณพ่อเขียนไปปรึกษาเพื่อขออิฐที่ถูกทิ้งร้างบริเวณเกาะหนองหาร สำหรับการสร้างพระวิหารใหม่ และพระอนุบาลฯบอกให้รอไว้ก่อนเพราะพระยาจันตฯเจ้าเมืองไม่อยู่  และภายหลังเมื่อพระยาจันต์ฯกลับมาได้ปรึกษาหารือกันและพระอนุบาลฯได้มีหนังสือตอบกลับมาอีกว่า อิฐเหล่านั้นให้ไม่ได้เพราะเป็นโบสถ์และปัฌิมาโบราณอันเป็นที่นับถือของชาวพุทธ 
อย่างไรก็ดี การก่อสร้างได้ดำเนินเรื่อยมาและเป็นไปด้วยความยากลำบาก ในเอกสารเล่มเดียวกัน เลขที่ 291 ลงวันที่ 2 มิถุนายน ค.. 1905 (.. 2448) ซึ่งเป็นหนังสือตอบของพระอนุบาลฯ เรื่องที่คุณพ่อกอมบูริเออ ขอเช่าเรือไปบรรทุกปูนที่เมืองนครพนมสำหรับการสร้างพระวิหารที่ท่าแร่  เส้นทางน้ำจากท่าแร่ไปเมืองนครพนมมีทางเดียวคือ ล่องเรือตามลำน้ำก่ำออกสู่แม่น้ำโขง แล้วย้อนขึ้นไปเมืองนครพนม ซึ่งสามารถเดินเรือตามเส้นทางนี้ได้เฉพาะในฤดูน้ำหลากเท่านั้น และต้องใช้เวลาเดินทางนานทีเดียว ทำให้เราทราบว่าการก่อสร้างวัดหลังที่ 2 ใช้เวลาก่อสร้างหลายปีกว่าจะสร้างเสร็จ
 พระสังฆราชยอห์น บัปติสต์ โปรดม ผู้เสก-เปิดวัดหลังที่ 2 ขณะเป็นอุปสังฆราช
คุณพ่อเกลาดีอุส บาเย เดินทางมาเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสคุณพ่อกอมบูริเออ ปี 1926

            ที่สุด พระวิหารใหม่ได้สร้างเสร็จสมบูรณ์มีพิธีเสกและเปิดโดยคุณพ่อโปรดม อุปสังฆราช ในโอกาสฉลองวัดเดือนพฤษภาคม ค.. 1906 (.. 2449) ตามบันทึกของพระสังฆราชเกลาดีอุส บาเย ที่ได้ยินจากคำบอกเล่าของ คุณพ่อกอมบูริเออ  ซึ่งเป็นปีเดียวกันกับการเฉลิมฉลอง 25 ปีแห่งการประกาศพระวรสารในดินแดนอีสาน (ค.ศ. 1881-1906) อีกทั้ง เพื่อให้ท่าแร่เป็นอีกศูนย์หนึ่งของการแพร่ธรรมของมิสซังลาว เช่นเดียวกับที่อุบลฯ (บุ่งกะแทว) และนครพนม (คำเกิ้ม)
ในห้วงเวลาใกล้กัน สมเด็จพระบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทยได้เสด็จตรวจเยี่ยมมณฑลอีสานเป็นเวลานาน 3 เดือน  ในระหว่างเส้นทางไปเมืองสกลนครผ่านบ้านท่าแร่ ได้หยุดแวะเยี่ยมมิชชันนารีที่บ้านพักพระสงฆ์เป็นเวลานานและได้ทรงถ่ายภาพวัดหลังใหม่เมื่อวันที่ 14 มกราคม ค.. 1907 (.. 2450)  ทำให้เราได้เห็นถึงความสวยงามโอ่อ่าตระการตาของวัดหลังนั้นเมื่อแรกสร้าง 
 สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสด็จเยี่ยมมณฑลอีสาน ปี 1907
 ต่อมาในราวปี ค.. 1925-2926 (.. 2468-2469) คุณพ่อกอมบูริเออ ได้ดำเนินการบูรณะปรับปรุงโครงสร้างวัดใหม่ เข้าใจว่าเพื่อเตรียมฉลองครบรอบ 20 ปีของวัดหลังดังกล่าว ด้วยการทุบหอสูงด้านหน้าและด้านหลัง เพื่อสร้างหอใหญ่เพียงหอเดียวด้านหน้าวัดสำหรับใช้แขวนระฆังใบใหญ่เพิ่มอีก 2 ใบที่ได้รับการถวายจากคหบดีชาวท่าแร่ รวมเป็น 3 ใบ
           ระฆังใบใหญ่สุดได้รับการถวายจาก องบาง, องเด (สองพี่น้อง)และญาติพี่น้อง ใบรองลงมาได้รับการถวายจาก องเลื่องและญาติพี่น้อง ดังปรากฏชื่อที่จารึกด้วยอักษรโรมันในระฆังทั้ง 2 ใบ  ส่วนอีกด้านของระฆังทั้ง 2 ใบจารึกปีที่นำมาคือปี ค.. 1926 (.. 2469) และชื่อพระสังฆราชแกวง และคุณพ่อกอมบูริเออ เจ้าอาวาส คงเพราะเหตุนี้กระมัง ชาวท่าแร่จึงกล่าวทีเล่นทีจริงว่าระฆังทั้ง 3 ใบของวัดท่าแร่ เวลาตีเสียงจะดังกังวานไปไกลว่า “บาง เด เลื่องๆ ๆ ๆ” ตามชื่อของผู้บริจาค
 วัดท่าแร่หลังที่ 2 หลังการบูรณะปี ค.ศ. 1926 คงเหลือเพียงหอระฆังหอเดียวด้านหน้าวัด
วัดท่าแร่ จากหนังสือสมโภช 75 ปีของบ้านท่าแร่ ปี ค.ศ. 1960

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น