130
ปี คริสตชุมชนท่าแร่ (จบ)
นี่่คือภาพที่ระลึกในวันเปิดเสกอาสนวิหาร วันที่ 16 เมษายน ค.ศ. 1971 |
2.
การก่อสร้างอาสนวิหารหลังปัจจุบัน
วันที่ 18
ธันวาคม ค.ศ. 1965 (พ.ศ. 2508) สังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสงได้รับการสถาปนาพระฐานานุกรมเป็นอัครสังฆมณฑล
และพระสังฆราชมีคาแอล เกี้ยน เสมอพิทักษ์ ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระอัครสังฆราช
เพื่อให้สมกับฐานะและตำแหน่งที่ได้รับ
พระคุณเจ้าจึงดำริที่จะสร้างอาสนวิหารใหม่แทนวัดเก่าที่ชำรุดทรุดโทรมและคับแคบตามกาลเวลา
โดยมีพิธีเสกและวางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 16 เมษายน ค.ศ. 1968 (พ.ศ. 2511)
อาสนวิหารใหม่หรือวัดหลังที่ 3 เริ่มลงมือก่อสร้างตามสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ มีลักษณะเป็นรูปหัวเรือ
เพื่อจะได้นำอัครสังฆมณฑลใหม่ฝ่าคลื่นลมไปสู่ความสำเร็จและเจริญรุ่งเรือง เช่นเดียวกับสำเภาของโนอาและแพใหญ่ของคุณพ่อเกโก ที่นำพากลุ่มคริสตชนบรรพบุรุษของชาวท่าแร่จากตัวเมืองสกลนคร
ข้ามหนองหารมาขึ้นฝั่งที่ท่าแร่อย่างปลอดภัย
อาสนวิหารนี้ใช้เวลาในการก่อสร้าง 3 ปีจึงเสร็จสมบูรณ์
มีพิธีเสกและเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่เมื่อวันที่ 16 เมษายน ค.ศ. 1971 (พ.ศ.
2514) โดยพระอัครสังฆราชมีคาแอล
เกี้ยน
พระอัครสังฆราชมีคาแอล เกี้ยน เสมอพิทักษ์ ผู้สร้างอาสนวิหารอัครเทวดามีคาแลท่าแร่
ปี ค.ศ. 1979 (พ.ศ. 2522) คุณพ่ออันตนเสงี่ยม ศรีวรกุล ย้ายมาเป็นเจ้าอาวาส ในระหว่างที่ดำรงตำแหน่ง คุณพ่อได้ดำเนินการก่อสร้างหอระฆังวัดใหม่สำหรับวางระฆังใหญ่
3 ใบตั้งแต่สมัยคุณพ่อกอมบูริเออ พร้อมทั้งได้ก่อสร้างถ้ำแม่พระเพื่อถวายเกียรติแด่แม่พระซึ่งคุณพ่อมีความเชื่อศรัทธาเป็นพิเศษ
ทำให้ชาวท่าแร่มีความศรัทธาต่อแม่พระมากยิ่งขึ้น และมีสถานที่สำหรับภาวนาวอนขอพระพรจากพระนางร่วมกัน
ปี ค.ศ. 1984 (พ.ศ. 2527) ซึ่งเป็นปีครบรอบ 100 ปีแห่งการตั้งกลุ่มคริสตชนกลุ่มแรกในอัครสังฆมณฑล
คุณพ่อยอแซฟ ตรรกวิทย์ เวียรชัย เจ้าอาวาสได้ปรับปรุงและซ่อมแซมอาสนวิหาร พร้อมกับการสร้างบ้านพักพระสงฆ์หลังใหม่
สร้างถนนจากอาสนวิหารไปป่าศักดิ์สิทธิ์
สร้างซุ้มประตูด้านหน้าและหลังอาสนวิหาร เพื่อเฉลิมฉลองพิธีปิด
“100 ปีแห่งการแพร่ธรรม” เมื่อวันที่
10 ธันวาคม ค.ศ. 1984 (พ.ศ. 2527) อย่างยิ่งใหญ่ มีการเปิดอนุสรณ์คณะสงฆ์มิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส
ผู้มาเผยแพร่คริสตธรรมในภูมิภาคนี้ บริเวณหน้าอาสนวิหารด้วย
ต่อมาอาสนวิหารหลังนี้ได้รับการซ่อมแซมและบูรณะเรื่อยมา
เพื่อให้เป็นศูนย์กลางชีวิตและความเชื่อของชาวท่าแร่และพระศาสนจักรแห่งอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง
แต่การบูรณะครั้งสำคัญเกิดขึ้น 3 ครั้ง
2.1 การบูรณะครั้งที่ 1
ปี ค.ศ. 1994 (พ.ศ. 2537) พระอัครสังฆราชมีคาแอล เกี้ยน ร่วมกับคุณพ่อเปาโล
สมพร อุปพงศ์ เจ้าอาวาส และชาวท่าแร่ได้จัดตั้งกองทุนเพื่อบูรณอาสนวิหาร
โดยเปลี่ยนหลังคาที่รั่วซึม พร้อมกับต่อเติมบริเวณส่วนหัวให้สูงและสวยงามยิ่งขึ้น
โดยได้รับการสนับสนุนจากพระอัครสังฆราชลอเรนซ์ คายน์ แสนพลอ่อน จนกระทั่งแล้วเสร็จสมบูรณ์ในโอกาสฉลองครบ
25 ปีของอาสนวิหารในปี ค.ศ.
1996 (พ.ศ. 2539) ในสมัยคุณพ่อยอแซฟ
ธีระยุทธ อนุโรจน์ เป็นเจ้าอาวาส และเป็นผู้ริเริ่มโครงการก่อสร้างศาลาพักศพเพื่อใช้เป็นที่พักศพของชาวท่าแร่
ศาลาพักศพนี้ได้รับการสานต่อให้เสร็จสมบูรณ์โดยคุณพ่ออันดรูว์
สำราญ วงศ์เสงี่ยม เจ้าอาวาส เมื่อเข้าสู่สหัสวรรษใหม่ คริสตศักราช 2000 ซึ่งเป็นปี “ปีติมหาการุญ” ศาลานี้จึงได้ชื่อว่า “ศาลาปีติมหาการุญ” มีพิธีเสกและเปิดในโอกาสฉลองบุญกองข้าว วันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม ค.ศ. 2000 (พ.ศ. 2543) โดยพระอัครสังฆราชลอเรนซ์ คายน์ พร้อมกับคณะสงฆ์และสัตบุรุษชาวท่าแร่ ซึ่งศาลานี้ได้ใช้เป็นศาลาอเนกประสงค์เรื่อยมา
นอกนั้น
คุณพ่อสำราญได้รณรงค์หาทุนซื้อระฆังใหม่ แทนระฆังใบใหญ่ที่แตกร้าวเนื่องจากใช้งานมานาน มีพิธีเสกระฆังใหม่เมื่อวันเสาร์ที่ 4 พฤษภาคม ค.ศ. 2002 (พ.ศ. 2545) โอกาสฉลองวัด โดยพระอัครสังฆราชลอเรนซ์
คายน์ กล่าวได้ว่าระฆังใบนี้จัดซื้อจากแรงศรัทธาของพี่น้องสัตบุรุชาวท่าแร่และจากวัดต่างๆ
ทั่วอัครสังฆมณฑล พร้อมกับเสกรูปเหมือนคุณพ่อกอมบูริเออ
ที่ทำจากสัมฤทธิ์บริเวณด้านหน้าอาสนวิหาร
2.2 การบูรณะครั้งที่ 2
ปี ค.ศ. 2003
(พ.ศ. 2546) ได้เริ่มการบูรณะอาสนวิหารอีกครั้ง
โดยคุณพ่อมีคาแอล วัชรินทร์ ต้นปรึกษา เจ้าอาวาส ด้วยการขยายโครงหลังคาให้ครอบคลุมพื้นที่ด้านหน้าของอาสนวิหารเพื่อกันแดดกันฝน
ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบและโครงสร้างเดิม มีการทำเสาขึ้นมารองรับ ไม่มีผนัง
แต่ทำเป็นช่องระหว่างเสา ตกแต่งเป็นทรงโค้งให้แลดูสวยงาม พร้อมกับทำที่นั่งในลักษณะยกสูงแทนรั้วกั้นแบบเดิม
การบูรณะครั้งนี้ใช้เวลาปีเศษ
สิ้นค่าก่อสร้างประมาณ 2 ล้านบาท นอกนั้น
คุณพ่อยังได้ทำกำแพงรอบอาสนวิหารใหม่
ปรับแผงกั้นเหล็กเป็นสแตนเลสให้แลดูเด่นและสวยงามยิ่งขึ้น พร้อมกับทำป้ายชื่ออาสนวิหารบริเวณประตูทางเข้า-ออก
และทุกมุมกำแพง โดยให้พี่น้องชาวท่าแร่ได้มีส่วนตามกำลังศรัทธาของแต่ละคน
2.3
การบูรณะครั้งที่
3
ปี ค.ศ. 2008
(พ.ศ. 2551) คุณพ่อเปโตร ทวีชัย ศรีวรกุล
ย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสและได้เริ่มโครงการหลายอย่าง เช่น การปรับปรุงบ้านพักพระสงฆ์
ศาลามาร์ตีโน ศาลามีคาแอล โรงคำสอน ถ้ำแม่พระและปรับภูมิทัศน์โดยรอบให้สวยงาม จากนั้นได้เริ่มการบูรณะอาสนวิหารครั้งใหญ่เมื่อวันที่
16 มกราคม ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555)
โดยขยายและต่อเติมระเบียงทั้งสองข้างของตัวอาสนวิหารให้กว้างขึ้น สร้างเสาโรมันขนาบข้างด้านหน้า
เพื่อประดิษฐานพระรูปแม่พระและศีลมหาสนิท สองเสาหลักที่ค้ำจุ้นพระศาสนจักรตามความฝันของนักบุญยอห์น
บอสโก
วันที่ 18
พฤษภาคม ค.ศ. 2013 (พ.ศ. 2556) คุณพ่ออันตน วีระเดช ใจเสรี
อุปสังฆราชได้มาเป็นเจ้าอาวาส และได้สานต่องานของคุณพ่อทวีชัยที่ค้างอยู่
โดยการบูรณะภายในอาสนวิหารใหม่ทั้งหมด อาทิ บริเวณพระแท่น สร้างพระแท่นและตู้ศีลมหาสนิทใหม่
ปรับแต่งคิ้วบัวบริเวณพระแท่นด้วยไม้มะค่า แกะสลักเป็นรูปปังและถ้วยกาลิกส์ เปลี่ยนฉากเหนือพระแท่นเป็นหินอ่อน
แต่ยังคงอนุรักษ์ไม้กางเขนดั้งเดิมที่ทำด้วยไม้สัก
เสริมด้วยจั่วไม้ทรงโรมันที่มีเสาไม้ 4 ต้นรองรับ
เพื่อทำให้ไม้กางเขนแลดูเด่นขึ้น
นอกนั้น ยังได้เปลี่ยนพื้นหินขัดเป็นหินแกรนิต
ทำที่นั่งในอาสนวิหารใหม่ ปรับแต่งฝ้าเพดานด้วยลายไม้
ทำโดมเหนือพระแท่นเป็นรูปดวงอาทิตย์ล้อมรอบด้วยไม้ 8
เหลี่ยมเพื่อสื่อถึงบุญลาภ 8 ประการ
เปลี่ยนกระจกช่องแสงเป็นกระจกสีรูปพระนางมารีย์ตามข้อรำพึงสายประคำ ทำแผงกั้นชั้นสองเป็นสัญลักษณ์ของพระนางมารีย์ด้วยไม้มะค่าและประดู่
มีรูปแกะสลักพระมารดาแห่งมรณสักขีสองคอนขนาดใหญ่ตรงกลางที่ทำจากไม้มะยมหอม ปรับแต่งประดูรอบอาสนวิหารส่วนบนเป็นกระจกใสลวดลายสวยงาม
ฐานล่างแกะสลักเป็นรูปกางเขนกลางวงกลม
2.4
การถวายอาสนวิหารใหม่
การบูรณะอาสนวิหารครั้งใหญ่ครั้งนี้ใช้เวลา
3 ปีจึงเสร็จสมบูรณ์
ใช้เงินงบประมาณในการบูรณะทั้งสิ้น 20 ล้านบาท โดยได้รับการสนับสนุนจากพี่น้องชาวท่าแร่ที่ร่วมแรงร่วมใจกันอย่างเต็มความสามารถ
รวมถึงนักบวชคณะต่างๆ และพี่น้องสัตบุรุษผู้มีน้ำใจดีที่ช่วยกันทำบุญ
ทำให้อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอลท่าแร่
ได้รับการถวายแด่พระเจ้าพร้อมกับการเฉลิมฉลอง 130 ปีแห่งความเชื่อของชุมชนท่าแร่
พิธีถวายอาสนวิหารและฉลอง 130 ปีแห่งความเชื่อของชุมชนท่าแร่
กระทำอย่างยิ่งใหญ่เมื่อวันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ. 2015
(พ.ศ. 2558) โดยพระอัครสังฆราชหลุยส์
จำเนียร สันติสุขนิรันดร์ ร่วมกับพระสมณทูตพอล ชาง อิน-นัม
เอกอัครสมณทูตวาติกันประจำประเทศไทย พระสังฆราชยอแซฟ ลือชัย ธาตุวิสัย ประมุขสังฆมณฑลอุดรธานี
พร้อมกับบรรดาพระสงฆ์ นักบวช และพี่น้องคริสตชนมาร่วมในพิธีเป็นจำนวนมาก
3.
บทส่งท้าย
ความเป็นอาสนวิหาร
มิใช่อยู่ที่ความยิ่งใหญ่อลังการ มิใช่อยู่ที่งานศิลปกรรมล้ำค่าหรือการมียอดสูงเสียดฟ้าเหนือสิ่งปลูกสร้างใดๆ
แต่อยู่ที่ความเชื่อคริสตชนที่มั่นคงเข้มแข็งในพระเจ้า
ที่หลอมรวมทุกคนในชุมชนให้เป็นหนึ่งเดียวกันดุจพี่น้อง
เจริญชีวิตตามคุณค่าพระวรสารในความรักต่อกัน ในการให้อภัยกันด้วยใจกว้าง และในการอุทิศตนรับใช้ซึ่งกันและกันด้วยใจยินดี
นี่คือ “อาสนวิหารที่มีชีวิต”
อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอลท่าแร่ จึงมิใช่เพียงตัวอาสนวิหารที่สวยงามตระการตาที่เราถวายแด่พระเจ้าในวันนี้เท่านั้น
แต่ต้องหมายถึงเลือดเนื้อ ชีวิต และจิตใจของพี่น้องชาวท่าแร่
และคริสตชนทุกคนในอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสงที่เป็นวิหารของพระเจ้า
ทุกคนจึงต้องดำรงตนและดำเนินชีวิตให้สมกับการเป็นวิหาร เป็นที่ประทับของพระเจ้า “ท่านเป็นพระวิหารของพระเจ้า
และพระจิตของพระเจ้าทรงพำนักอยู่ในท่าน” (1คร 3:16)
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การดำเนินชีวิตในความรัก
การให้อภัย และการรับใช้
ซึ่งเป็นเครื่องหมายแห่งการประทับอยู่และการประกาศพระนามของพระเจ้า เช่นนี้เอง
เราแต่ละคนจะเป็นพระวิหารที่มีชีวิตที่มีคุณค่ายิ่งใหญ่ในสายพระเนตรของพระเจ้า
และเป็นเครื่องหมายที่มองเห็นได้แห่งการประทับอยู่ของพระเจ้า
ที่จะมั่นคงยั่งยืนชั่วกัลปาวสาน
คุณพ่อขวัญ
ถิ่นวัลย์
โรงเรียนเซนต์ยอแซฟกุฉินารายณ์
2 พฤษภาคม 2015
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น