วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

จงเตรียมพร้อมไว้



จงเตรียมพร้อมไว้
พระวรสารโดยนักบุญลูกา                                                                                                     ลก 12:35-40
เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า ท่านทั้งหลายจงคาดสะเอวและจุดตะเกียง เตรียมพร้อมไว้ จงเป็นเสมือนผู้รับใช้ ที่กำลังคอยนายกลับจากงานสมรส เมื่อนายมา และเคาะประตูจะได้เปิดรับ ผู้รับใช้เหล่านั้นเป็นสุข ถ้านายกลับมาพบเขากำลังตื่นเฝ้าอยู่ เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า นายจะคาดสะเอวพาผู้รับใช้เหล่านั้นไปนั่งโต๊ะและจะรับใช้เขาด้วย ไม่ว่านายจะมาเวลา สองยามหรือสามยาม ถ้าพบผู้รับใช้กำลังทำเช่นนี้ ผู้รับใช้เหล่านั้นก็เป็นสุข พึงรู้ไว้เถิด ถ้าเจ้าของบ้านรู้ว่าขโมยจะมาเวลาใด เขาคงไม่ปล่อยให้ขโมยงัดแงะบ้านของตน ท่านทั้งหลายจงเตรียมพร้อมไว้ เพราะบุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาในเวลาที่ท่านมิได้คาดหมาย

1.           บทนำ
พี่น้องที่รัก มีสามสิ่งในชีวิตเราที่ไม่สามารถเรียกให้หวนกลับคืนมาได้ นั่นคือ เวลา คำพูด และโอกาส เราคงเคยได้ยินสุภาษิตที่ว่า “เวลาและวารีไม่คอยใคร (Time and tide wait for no man) หรือ “คำพูดมีปีกบิน และไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้ (Words have wings, and cannot be recalled) ก่อนพูดเราเป็นนายมัน แต่หลังจากพูดมันออกไป คำพูดเป็นนายเรา หรือ “น้ำขึ้นให้รีบตัก” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงโอกาสที่มีมาต้องรีบไขว่คว้าไว้ให้ได้ เพราะไม่รู้เมื่อไหร่จะได้รับอีกอีก
มีเรื่องเล่าว่า ผีร้ายสามตนกำลังเตรียมออกปฏิบัติงานในโลก ได้มารายงานถึงแผนการที่จะทำกับหัวหน้าใหญ่ ผีตนแรกรายงานว่า “ข้าจะบอกมนุษย์ว่าไม่มีพระเจ้า” หัวหน้าปีศาจตอบว่า “ไม่ได้ผลหรอก เพราะส่วนลึกแห่งใจมนุษย์รู้ว่ามีพระเจ้า” อีกตนหนึ่งบอกว่า “ข้าจะบอกว่าไม่มีนรก” หัวหน้าปีศาจตอบว่า “นั่นยิ่งร้ายใหญ่ เพราะในความเป็นจริงชีวิตของมนุษย์ในโลกเป็นนรกอยู่แล้ว” ผีตนสุดท้ายเสนอว่า “ข้าจะบอกว่าไม่ต้องรีบร้อน ยังมีเวลาอีกเยอะ” หัวหน้าปีศาจตอบว่า “ดีมาก รีบไปดำเนินการตามแผนของเจ้าเลย”
คำพูดที่อันตรายที่สุดคือ “ยังมีเวลาอีกเยอะ” หรือ “รอไว้พรุ่งนี้ก่อน” เราไม่สามารถรู้ได้ว่าจะมีวันพรุ่งนี้หรือไม่ เวลาในชีวิตมนุษย์นั้นสั้นและผ่านไปเร็วมาก ความตายอาจมาเยือนวันนี้หรือหรุ่งนี้ ไม่มีใครรู้ บางคนจึงบอกว่า “ชีวิตมนุษย์สั้นเกินกว่าที่จะเห็นแก่ตัว” แต่คนส่วนใหญ่ยุ่งวุ่นวายอยู่กับหลายสิ่งจนไม่มีเวลาสำหรับพระเจ้า โดยบอกกับตนเองว่า “รอไว้ก่อน ยังมีเวลา ไว้อายุมากค่อยเข้าวัด” หรือ “ให้รวยก่อนค่อยมาหาพระเจ้า” เราไม่ควรปล่อยเวลาให้ผ่านเลยไปในสภาพที่ยังอยู่ในบาป

2.           จงเตรียมพร้อมไว้
พระเยซูเจ้าตรัสว่า ท่านทั้งหลายจงเตรียมพร้อมไว้ เพราะบุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาในเวลาที่ท่านมิได้คาดหมาย(ลก 12:40) คำพูดนี้มีความหมาย 2 นัยยะ กล่าวคือ ประการแรก แบบเจาะจง หมายถึงการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเยซูเจ้าที่เรียกว่า วันสิ้นพิภพ และประการที่สอง แบบกว้าง หมายถึงการพบกับพระเจ้าในรูปแบบต่างๆ จนถึงวันสุดท้ายที่พระเจ้าทรงเรียกเราไปพบคือ “วันที่เราตายจากโลกนี้
บางครั้งเราคิดว่า การตื่นเฝ้าและรอคอยเป็นเรื่องไร้สาระ ความเชื่อเป็นเหมือนฝันกลางวัน ทำให้เราเพิกเฉยที่จะเตรียมตัวไปพบพระเจ้า แต่พระวรสารวันนี้ได้ให้กำลังใจและบอกเราว่า พระเจ้าทรงสัญญาและจะประทานพระอาณาจักรให้แก่เราอย่างแน่นอนในวาระสุดท้าย  แต่เราจะต้องจุดตะเกียงของเราและตื่นเฝ้าอยู่เสมอ เหมือนดังคนใช้ที่ซื่อสัตย์ที่คอยนายกลับจากงานมงคลสมรส
ชีวิตคริสตชนถูกเรียกให้กลับใจและเปิดตัวเองต่อพระเจ้าและผู้อื่นอยู่เสมอ นั่นคือ การพบพระเจ้าในเหตุการณ์และบุคคลต่างๆ ในแต่ละวัน “ท่านทำสิ่งใดต่อพี่น้องผู้ต่ำต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง ท่านก็ทำสิ่งนั้นต่อเรา” (มธ 25:40) ดังนั้น เมื่อมีโอกาสทำความดี ต้องทำ มีโอกาสช่วยคน ต้องช่วย รู้จักใช้เวลาแห่งชีวิตและพระพรต่างๆ ที่เรามีเพื่อผู้อื่น สิ่งนี่เท่านั้นจะเป็นหลักประกันว่าเราจะได้พระอาณาจักรสวรรค์

3.           บทสรุป
พี่น้องที่รัก ความตายของญาติพี่น้องของเราผู้นี้น่าจะเป็นบทเรียนสำหรับเรา พระเยซูเจ้าทรงเตือนเราให้เตรียมพร้อมและทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด นั่นคือ ตื่นเฝ้าและเตรียมตัวให้พร้อมเหมือนคนใช้ที่ซื่อสัตย์ที่คอยนายกลับมา พระเจ้าทรงเรียกเราให้ทำเช่นเดียวกับอับราฮัม บิดาแห่งความเชื่อ ที่วางใจพระเจ้าโดยปราศจากเงื่อนไขและทำตามพระประสงค์ของพระองค์โดยไร้ข้อสงสัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในความรัก การรับใช้และการให้อภัยเพื่อนพี่น้องในชีวิตประจำวัน
ประการสำคัญ อย่าผัดวันประกันพรุ่งในการทำความดี สร้างบุญ สร้างกุศล เพราะมีแต่สิ่งนี้เท่านั้นที่เราสามารถนำติดตัวไปได้ อีกอย่าง เราไม่รู้ว่าจะมีวันพรุ่งนี้สำหรับเราไหม “โชคดีแค่ไหนที่วันนี้ตื่นมา เรายังมีลมหายใจอยู่” ฉะนั้น จงขอบคุณพระเจ้าเสมอและทำหน้าที่คริสตชนของเราในแต่ละวันให้ดีที่สุด เช่นนี้เองก็มั่นใจได้ว่า เราจะมีบุญกุศลเพียงพอได้อยู่กับพระเจ้า องค์ความรอดนิรันดรของเรา เมื่อวาระสุดท้ายของเรามาถึง
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
San Tomasso Ashram, ป่าพนาวัลย์
23 พฤษภาคม 2015
ขอบคุณ ภาพประกอบจากช่างริน ท่าแร่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น