นี่คือลูกแกะของพระเจ้า
สัปดาห์ที่
2
เทศกาลธรรมดา
ปี
A
|
อสย 49:3,
5-6
1 คร 1:1-3
ยน 1:29-34
|
บทนำ
นักท่องเที่ยวคนหนึ่งไปเยี่ยมชมวัดหนึ่งในประเทศเยอรมัน
เขาแปลกใจมากที่เห็นรูปแกะสลักเป็นรูปลูกแกะบนยอดสุดของหอระฆัง เขาจึงถามมัคคุเทศก์ว่าทำไมจึงทำไว้ตรงนั้นและได้รับคำอธิบายว่า
เมื่อแรกสร้างวัดนั้น คนงานได้พลัดตกลงมาจากนั่งร้านตรงจุดนั้น เพื่อนคนงานต่างวิ่งไปหาเขาและคิดว่าเขาคงตายแน่
แต่พวกเขาต้องแปลกใจระคนดีใจที่พบว่า เขายังมีชีวิตอยู่และได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย
เขารอดชีวิตเพราะมีฝูงแกะผ่านมาตรงจุดนั้นพอดี
เขาหล่นลงบนตัวแกะทำให้แกะตายแต่เขารอดชีวิต
เพื่อระลึกถึงการรอดชีวิตอย่างน่าอัศจรรย์ในวันนั้น จึงได้สลักรูปลูกแกะบนหอระฆังตรงจุดที่เขาร่วงลงมา
รูปลูกแกะบนหอระฆังที่ช่วยชีวิตคนให้รอดตาย คล้ายกับถ้อยคำที่ยอห์นบัปติสต์กล่าวในพระวรสารวันนี้
“นี่คือลูกแกะของพระเจ้า ผู้ทรงลบล้างบาปของโลก” (ยน 1: 29)
ในพระวรสาร
ยอห์น บัปติสต์ได้บอกประชาชนว่าพระเยซูเจ้าเป็นใคร และอะไรคือพันธกิจของพระองค์
พระเยซูเจ้าเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรรเพื่อลบล้างบาปของโลก พระองค์ทรงเป็น “ผู้รับใช้ของพระเจ้า”
ที่ประกาศกอิสยาห์พูดถึงในบทอ่านแรก ซึ่งจะเป็นผู้รวบรวมทุกเผ่าของอิสราแอลให้กลับมาหาพระเจ้า
เพราะพระองค์เป็น “แสงสว่างส่องนานาชาติ”
ที่นำความรอดพ้นมาสู่ทุกคนจนสุดปลายแผ่นดิน
1.
นี่คือลูกแกะของพระเจ้า
คำว่า
“ลูกแกะของพระเจ้า” เป็นคำที่ใช้สื่อถึงพระเยซูเจ้าที่มีความหมายมากที่สุดในพระคัมภีร์
หนังสือวิวรณ์ได้ใช้คำนี้ถึง 29 ครั้ง ซึ่งเป็นคำสรุปที่บอกให้ทราบถึงความรัก
การบูชาและชัยชนะของพระเยซูเจ้า ยอห์นได้เป็นพยานถึงพระเยซูเจ้า
โดยชี้ให้เห็นว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นลูกแกะของพระเจ้า ผู้ทรงลบล้างบาปของโลก เรามนุษย์เกิดมาในบาปและบาปนี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งแห่งชีวิตของเรา
ทำให้เราถูกตัดขาดจากพระเจ้าและเพื่อนพี่น้อง เป็นเหมือนกับบาดแผลที่ทำให้เราทุกข์ทรมานและต้องการการเยียวยารักษาให้หาย
นี่คือเหตุผลที่พระเยซูเจ้าเสด็จมาในโลก
เพื่อสถาปนาสัมพันธภาพแห่งรัก ระหว่างเรากับพระเจ้าและเพื่อนพี่น้องให้กลับมาอีกครั้ง
พระองค์เสด็จมาในโลกเพื่อประทับท่ามกลางคนบาป ทรงเสาะแสวงหาคนที่สูญเสียและถูกทอดทิ้ง
ทำให้พวกเขาตระหนักว่าพวกเขามีคุณค่ายิ่งใหญ่ต่อหน้าพระเจ้า
และนำพวกเขาให้กลับมีความสัมพันธ์อันดีกับพระเจ้าอีกครั้ง
ข่าวที่พระเยซูเจ้าประกาศจึงเป็นข่าวดีแห่งการช่วยให้รอดสำหรับมนุษยชาติ
พระองค์ได้สถาปนาอาณาจักรแห่งความรักของพระเจ้าให้บังเกิดขึ้นในใจเรา
ในสังคมและหมู่คณะของเรา พระองค์ทรงเสด็จมาเพื่อนำทุกคนให้กลับไปเป็นหนึ่งเดียวกัน
กลายเป็นประชากรใหม่ของพระเจ้า ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่แต่ชาวยิวเท่านั้น แต่สำหรับมนุษยชาติ
2.
บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าในสัปดาห์นี้
ได้ให้บทเรียนที่สำคัญสำหรับเราคริสตชนหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ประการแรก เราต้องเจริญชีวิตและตายเยี่ยงลูกแกะของพระเจ้า การเจริญชีวิตเหมือนลูกแกะคือการดำเนินชีวิตในความซื่อบริสุทธิ์
สุภาพถ่อมตน ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งความรักของพระคริสต์เจ้าโดยปราศจากความเห็นแก่ตัว
การตายเยี่ยงลูกแกะคือการแบ่งปันพระพร
ความรู้ความสามารถและสิ่งที่เรามีกับผู้อื่นในครอบครัว สังคมและหมู่คณะ
และร่วมทรมานกับพระเยซูเจ้าในความเจ็บป่วยและความทุกข์ทรมานต่างๆ
อีกทั้งมอบถวายความทรมานของเราเพื่อความรอดของวิญญาณ เพื่อชดเชยบาปของเราและผู้อื่น
ประการที่สอง
เราต้องเป็นพยานถึงลูกแกะของพระเจ้า การเป็นศิษย์พระคริสตเจ้าหมายถึงการเติบโตในความเชื่อเพื่อเป็นพยานถึงพระคริสตเจ้าลูกแกะของพระเจ้า
ซึ่งต้องเป็นกิจการที่มีชีวิตชีวาในความสนิทสัมพันธ์กับพระองค์
รู้จักและมีประสบการณ์กับพระองค์ในแบบที่ลึกซึ้ง ผ่านทางการอ่านพระคัมภีร์
การภาวนา การรับศีลศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเราจะสามารถนำพระพรแห่งความรัก สันติสุข ความยุติธรรม
ความเพียรทนและความเมตตากรุณาแบบลูกแกะของพระเจ้าไปสู่ผู้อื่นในชีวิตประจำวัน
ประการที่สาม
เราต้องเป็น “ผู้รับใช้ของพระเจ้า” คริสตชนแต่ละคนเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า และทำหน้าที่ของการเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าให้สมบูรณ์
หากเราต้องการเป็นศิษย์ของพระเยซูเจ้า ไม่เพียงรู้ว่าพระองค์เป็นใครสำหรับเรา แต่เราจะต้องสานต่อพันธกิจของพระองค์ในโลกให้สำเร็จสมบูรณ์
ด้วยการเจริญชีวิตตามพระวรสาร ช่วยให้คนอื่นได้รู้ถึงข่าวดีแห่งพระวรสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในความรักต่อกัน
การให้อภัยและการปฏิบัติต่อกันเหมือนพี่น้อง กระทั่งยอมรับข่าวดีนี้เป็นส่วนหนึ่งแห่งชีวิตของเขา
บทสรุป
พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าทรงเป็น “ผู้รับใช้ของพระเจ้า
ผู้ทรงลบล้างบาปของโลก” พระองค์ทรงเป็นแสงสว่างส่องโลก
พระองค์ต้องการให้เราแต่ละคนได้มีประสบการณ์แห่งการช่วยให้รอดของพระองค์
และเข้าในอาณาจักรของพระเจ้าที่พระองค์ได้เริ่มต้นขึ้น
เพื่อนำทุกคนให้กลับไปหาพระเจ้าพระผู้สร้าง เราแต่ละคนได้รับการเรียกจากพระเจ้าให้มีหน้าที่พิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
“หน้าที่แห่งการเป็นคริสตชน” ที่จะต้องทำให้พระเยซูเจ้าเป็นที่รู้จัก
ในการทำให้ความรักและพระเกียรติมงคลของพระเจ้าฉายแสงในตัวเรา
พันธกิจของพระคริสตเจ้าคือพันธกิจของเรา หน้าที่ของเราไม่เพียงช่วยตัวเองให้รอดไปสวรรค์เท่านั้น
แต่เราจะต้องแบ่งปันความเชื่อของเรากับคนอื่น
ช่วยพวกเขาให้ได้รู้จักพระเยซูเจ้าและข่าวดีแห่งพระวรสารของพระองค์
เพื่อว่าพวกเขาจะได้มีประสบการณ์ด้วยตนเองเกี่ยวกับความรักและการให้อภัยของพระเจ้า
เราสามารถทำหน้าที่นี้ได้โดยเริ่มจากในบ้านและครอบครัวของเรา ก่อนจะขยายไปสู่ผู้อื่นในที่ทำงานและที่เราพบเห็นในแต่ละวัน
คุณพ่อขวัญ
ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
โรงเรียนเซนต์ยอแซฟกุฉินารายณ์
18 มกราคม 2014
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น