วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

การกลับคืนชีพและชีวิตหลังความตาย



การกลับคืนชีพและชีวิตหลังความตาย
วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 32 เทศกาลธรรมดา
ปี C
2 มคบ 7:1-2, 9:14
2 ธส 2:16; 3:5
ลก 20:27-28
บทนำ
จอร์ซ บุช ขณะดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดี ได้เป็นตัวแทนประเทศสหรัฐอเมริกาเข้าร่วมพิธีฝังศพอดีตผู้นำโซเวียต เลโอนิค เบรสเนฟ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหภาพโซเวียตเป็นเวลา 18 ปี รองประธานาธิบดีบุชรู้สึกตะลึงกับการต่อต้านเงียบของนางนาตาเลีย ภริยาม่ายของเบรสเนฟ ที่ยืนสงบนิ่งข้างโลงศพสามี และก่อนที่ทหารจะปิดฝาโลง เธอได้ทำเครื่องหมายแห่งความกล้าหาญและความหวังยิ่งใหญ่ ที่แสดงถึงการต่อต้านและไม่เชื่อฟังรัฐบาลคอมมิวนิสต์
กล่าวคือ เธอได้ทำเครื่องหมายกางเขนที่หน้าอกของสามี อดีตผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของประเทศที่ไม่เชื่อพระเจ้าและถือว่าศาสนาเป็นยาเสพติด เธอได้แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่สามีต่อต้านและโฆษณาชวนเชื่อมาตลอดนั้นเป็นความผิดหลง เธอเชื่อในชีวิตหลังความตายและหวังว่าสามีจะได้รับการช่วยให้รอด ด้วยพระเมตตาและการสิ้นพระชนม์บนกางเขนของพระเยซูเจ้า ดังที่พระองค์ทรงแสดงให้เห็นในบทอ่านวันนี้ และเชื่อเชิญเราให้ตระหนักถึงความหมายของการกลับคืนชีพและชีวิตหลังความตายในชีวิตของเรา
คำถามที่มนุษย์ทุกยุคทุกสมัยพิจารณาแสวงหาคำตอบตลอดมาคือ ชีวิตมาจากไหน เรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร และตายแล้วจะไปไหน  สำหรับเราคริสชนชัดเจนว่า ชีวิตมาจากพระเจ้า พระเจ้าคือบ่อเกิดแห่งชีวิตและเป้าหมายสุดท้ายของเรา เรามีชีวิตอยู่เพื่อพระเจ้าในความรักต่อกัน ตามแบบอย่างที่พระองค์ทรงรักเรา ชีวิตในโลกนี้จึงเป็นเหมือนกับการเดินทางเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายสุดท้ายนี้ คือการอยู่กับพระเจ้า  ความตายจึงมิใช่การสิ้นสุดของทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ความตายคือ กุญแจที่เปิดไปสู่ชีวิตนิรันดร

1.         การกลับคืนชีพและชีวิตหลังความตาย
เราเพิ่งสมโภชนักบุญทั้งหลายและภาวนาอุทิศแก่ผู้ล่วงลับ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อของเราถึงชีวิตหลังความตายว่า เรา “ผู้เป็น” ที่กำลังเดินทางอยู่ในโลกนี้ ยังคงเป็นหนึ่งเดียวกับ “ผู้ตาย” ที่ล่วงหน้าเราไปแล้ว ในสายสัมพันธ์แห่งความเชื่อและความรัก ผ่านทางการภาวนาและในพิธีบูชาขอบพระคุณที่เราระลึกถึงกัน ความตายจึงเป็นเหมือนประตูที่เปิดไปสู่อีกชีวิตหนึ่ง ที่เป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าและเพื่อนพี่น้อง ซึ่งความเป็นหนึ่งเดียวนี้เริ่มแล้วตั้งแต่เวลาที่เรายังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้
พระเยซูเจ้าได้แสดงให้เราเห็นว่าในอาณาจักรของพระเจ้านั้น มนุษย์จะได้เข้าร่วมแบบครอบครัวใหม่ที่ทุกคนล้วนเป็นพี่น้องกัน พระองค์ทรงยืนยันความจริงนี้จากเหตุการณ์ตอนที่มีคนมาบอกว่า มารดาและพี่น้องของพระองค์มารอพบและพระองค์ตรัสว่า “ผู้ใดทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า ผู้นั้นเป็นพี่น้องชายหญิงและมารดาของเรา” (ลก 3:35) คำถามที่พวกสะดูสีตั้งปัญหาถามพระเยซูเจ้าในพระวรสารวันนี้ จึงเป็นเรื่องที่ไร้สาระและไม่มีความหมายแต่ประการใด
เราจะมีบุญได้อยู่กับพระเจ้าหรือไม่ขึ้นอยู่ที่การดำเนินชีวิตในโลกนี้ คำกล่าวที่ว่า  ความดีไม่มีขาย อยากได้ต้องทำเอง เป็นความจริงทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในความรักต่อกันตามแบบอย่างของพระคริสตเจ้า พระองค์จะไม่ถามว่า เราได้ทำอะไรมาบ้าง แต่จะถามว่า เราได้รักเพื่อนพี่น้องของเรามากน้อยแค่ไหน นี่คือ บุญกุศลที่เราต้องสร้างเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งจะติดตัวเราไปตลอด และมีเพียงสิ่งนี้เท่านั้นที่จะเป็นหลักประกันสำหรับการเข้าสู่พระอาณาจักรสวรรค์ อันเป็นบ้านแท้นิรันดรและเป้าหมายสุดท้ายของเราแต่ละคน ประการสำคัญ ในวาระสุดท้ายแห่งชีวิต สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ขอกันไม่ได้ อยากได้ต้องทำเอง

2.         บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าในวันนี้ได้ให้บทเรียนที่สำคัญสำหรับเราคริสตชนหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ประการแรก เราต้องเชื่อในการกลับคืนชีพและชีวิตหลังความตาย ชีวิตคริสตชนของเรามีพื้นฐานอยู่ที่ความหวังที่ว่า วันหนึ่งเราจะร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าบ่อเกิดและเป้าหมายของเรา ความหวังของเราจึงตั้งอยู่บนความเชื่อและความวางใจในความรักของพระเจ้า ผู้ที่คู่ควรได้รับชีวิตนิรันดรจะพบกับความสุขและความชื่นชมยินดี และพระเจ้าจะทรงเป็นรางวัลนิรันดรสำหรับพวกเขา
ประการที่สอง เราต้องดำเนินชีวิตอย่างผู้ที่กลับคืนชีพ นั่นหมายความว่าเราจะต้องไม่ถูกฝังในหลุมศพแห่งบาปและนิสัยไม่ดีต่างๆ แต่ต้องดำเนินชีวิตในความยินดี ความหวัง และสันติสุขของพระคริสตเจ้าผู้กลับคืนชีพ ที่ทรงชนะบาปและความตาย ด้วยการรู้จักควบคุมความคิด ความปรารถนา คำพูดและความประพฤติของเราให้ถูกต้องชอบธรรมและสะอาดบริสุทธิ์ ไม่ปล่อยตัวตามกิเลสตัญหาและความโน้มเอียงไม่ดีต่างๆ
ประการที่สาม เราต้องถวายสักการบูชาที่มีชีวิตแด่พระเจ้า ทุกวันอาทิตย์เรามารวมตัวกันเพื่อภาวนาสำหรับความต้องการของหมู่คณะ แบ่งปันพระวาจาและร่วมพิธีบิปังอย่างมีชีวิตชีวา ด้วยการมีส่วนร่วมในพิธีกรรมและกิจการคาทอลิกต่างๆ เพื่อช่วยเราให้มีชีวิตที่สนิทสัมพันธ์กับพระเจ้าและเพื่อนพี่น้อง อีกทั้ง ทำให้สักการบูชาที่เรามาร่วมทุกอาทิตย์กลายเป็นส่วนหนึ่งแห่งชีวิตของเรา ในความรัก การให้อภัยและการแบ่งปันสิ่งที่เรามีกับผู้อื่น

บทสรุป
พี่น้องที่รัก สิ่งที่ทำให้ชีวิตของเรามีคุณค่า ไม่ใช่อายุที่ยืนยาว แต่อยู่ที่สิ่งที่เรากระทำ เราจึงควรตระหนักถึงชีวิตที่เรามีอยู่ และใช้ให้เกิดประโยชน์ ในการประกอบคุณงามความดี สร้างบุญสร้างกุศล เป็นต้นในความรักต่อกัน “อยู่ให้เขารักและจากไปให้เขาคิดถึง” หากเราได้พยายามดำเนินชีวิตในความรักนี้ ได้ทำหน้าที่ของเราที่พระเจ้าได้มอบหมายอย่างสุดความสามารถ ดำเนินชีวิตเป็นแบบอย่างในความเชื่อศรัทธาในพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม  ก็แน่ใจได้ว่าเราจะได้รับรางวัลตามที่พระองค์ทรงสัญญา
พระเยซูเจ้าได้ให้ความมั่นใจแก่เราถึงการกลับคืนชีพและชีวิตหลังความตาย ด้วยการชนะบาปและความตาย ทรงกลับคืนพระชนม์ชีพเป็นความหวังสำหรับเราว่า ใครที่ตายพร้อมกับพระองค์ จะมีส่วนในการกลับคืนชีพพร้อมกับพระองค์ และร่วมส่วนในชีวิตและเกียรติรุ่งโรจน์ของพระเจ้าในสวรรค์ ขอพระเจ้าโปรดให้เราซึ่งยังมีชีวิตอยู่  ให้ตระหนักในพระพรและความรักของพระองค์  ดำเนินชีวิตในความรัก การแบ่งปันและการให้อภัยความผิดของกันและกัน  เพื่อว่าเมื่อวาระสุดท้ายของเรามาถึง เราจะมีบุญได้อยู่กับพระองค์ ตลอดไป
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
โรงเรียนเซนต์ยอแซฟกุฉินารายณ์
8 พฤศจิกายน 2013

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น