บางอย่างที่ไม่อยากให้เกิด
มีบางอย่างในชีวิตที่ไม่อยากให้เกิด แต่มันก็เกิด อย่างอุบัติเหตุบนถนนสายหนองสูง-กุฉินารายณ์
เมื่อวันพุธที่ 25 กันยายน 2013
เวลา 21.37 น. จำเวลาได้ดีเพราะตอนถึงแยกหนองสูงเหลือบดูนาฬิกาบอกเวลา
21.35 น. (คิดในใจว่าสี่ทุ่มก็ถึงบ้านแล้ว
แต่มาประสบอุบัติเหตุเสียก่อน) เหตุเกิด ณ บ้านหนองโอใหญ่ ห่างจากสามแยกหนองสูง 1
กิโลเมตร ก็ปรากฏรถมอเตอร์ไซด์วิ่งตัดหน้าข้ามถนนอย่างรวดเร็วแบบกระชั้นชิด
ทำให้ชนเข้าอย่างจัง
สิ่งที่ทำได้เวลานั้นคือประคองรถเข้าข้างทาง เปิดสัญญาณไฟฉุกเฉิน
ดับเครื่องและลงจากรถยนต์เพราะกลัวรถระเบิดหรือไฟไหม้ จากนั้นก็บอกชาวบ้านที่มามุงดูและเห็นเหตุการณ์ให้ช่วยหาคนเจ็บ
เพราะเห็นแต่ซากมอร์เตอร์ไซด์ที่ไถลไปไกล จนกระทั่งเจอคนเจ็บนอนอยู่ใต้ท้องรถกะบะอีกคันหนึ่งที่จอดอยู่หน้าร้านค้าฝั่งตรงข้าม
พอดีตำรวจที่เข้าเวรจาก สภอ.หนองสูงมาถึง ได้ประสานนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาลหนองสูง
และส่งต่อโรงพยาบาลมุกดาหาร
สภาพรถยนต์ CRV และมอร์เตอร์ไซด์คู่กรณี
ไม่นานร้อยเวรจาก สภอ.หนองสูง ได้เดินทางมาถึงและได้เก็บหลักฐาน ณ
ที่เกิดเหตุ ถ่ายภาพและบันทึกเหตุการณ์ ก่อนจะบรรทุกมอร์เตอร์ไซด์คันเกิดเหตุและประสานรถยกให้ยกรถยนต์คันที่ขับไปเก็บไว้ที่สถานี
กว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยก็ย่างเข้าวันใหม่ถึงได้เดินทางกลับโรงเรียน โดยรถยนต์ของคุณพ่อชัยวัฒน์
นำสุขและคุณพ่อศรชัย แสนสุริวงศ์ แม้จะง่วงและเหนื่อยมากแต่นอนไม่หลับทั้งคืน
ภาพเหตุการณ์ยังติดตา ส่วนคุณพ่อชำนาญ บัวขันธ์ และคุณพ่อเฉลิมศิลป์ จันลา
พร้อมคุณพ่อเด่น ช่วยสุข ยังตามไปพูดคุยและดูแลคนเจ็บที่โรงพยาบาลมุกดาหารแทน
วันรุ่งขึ้น วันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน 2013 มีผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือและคนรู้จักหลายคนที่ทราบเรื่องได้โทรศัพท์มาสอบถามและให้กำลังใจ
บางท่านได้เดินทางมาเยี่ยมด้วยตนเอง
สิ่งที่ทำเช้าวันนี้คือเตรียมเอกสารเกี่ยวกับรถยนต์ Honda CRV ทะเบียน ฎฬ 6997 กรุงเทพมหานคร ที่เพิ่งรับโอนจากเจ้าของเดิมเป็นชื่อของตนเอง เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2556 ถือเป็นรถยนต์คันแรกในชีวิต แต่ก็มาประสบเหตุแบบไม่คาดฝัน
นับว่ายังโชคดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร
เคารพศพนายพิพัฒน์ ปัททุมที่บ้านหนองโอใหญ่ วันที่ 27 กันยายน 2013
จากนั้นได้เดินทางไปยัง สภอ.หนองสูงพร้อมกับคุณพ่อสุรพงศ์ นาแว่นและคุณพ่อชำนาญ
บัวขันธ์ สมทบด้วยคุณพ่อเฉลิมศิลป์ จันลาที่เดินทางมาจากสองคอน เพื่อยื่นเอกสารเกี่ยวกับรถยนต์
แต่เนื่องจากร้อยเวรที่รับผิดชอบคดีไม่อยู่เลยทำอะไรไม่ได้
จึงได้เดินทางต่อไปยังโรงพยาบาลมุกดาหารเพื่อเยี่ยมคนเจ็บ ซึ่งอยู่ในวัยหนุ่มแน่น 29 ปี ยังไม่มีครอบครัว ณ ห้อง ICU พยาบาลที่ดูแลบอกให้ทราบว่าร่างกายคนเจ็บไม่ตอบสนองแล้วและคงจะมีชีวิตอยู่อีกไม่นาน
ญาติพี่น้องอยากจะนำกลับบ้าน แต่ได้บอกให้รักษาเขาจนถึงที่สุด พร้อมทั้งได้ให้เงินช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลและค่าใช้จ่ายแก่ญาติในเบื้องต้น
วันต่อมาทราบข่าวว่าคนเจ็บเสียชีวิตแล้วจึงได้เดินทางไปเคารพศพ
แม้จะมีหลายคนไม่เห็นด้วยและห้ามปราม แต่ได้ตัดสินใจไปและให้เงินช่วยเหลือค่าจัดงานศพและเป็นเจ้าภาพงานศพในวันรุ่งขึ้น
ได้พูดคุยกับพ่อแม่และญาติพี่น้องของผู้ตาย
ทุกคนเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่ลึกๆ ในใจก็ยังคงทำใจไม่ได้
แน่นอนไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น
แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ต้องยอมรับความจริงและอยู่กับปัจจุบันให้ได้
นับเป็นกางเขนหนักที่ต้องแบกเวลานี้
มอบเงินช่วยเหลือและพูดคุยกับพ่อ-แม่และญาติพี่น้อง
ขอบคุณหลายต่อหลายคนที่เป็นห่วงและให้ความช่วยเหลือ
ทั้งให้คำแนะนำและประสานคนรู้จักให้ช่วยคลี่คลายปัญหาอันหนักอึ้งนี้
อีกทั้งภาวนาและเป็นกำลังใจให้เข้มแข็งและสู้ต่อไป ส่วนเหตุการณ์ข้างหน้าจะเป็นอย่างไรก็ได้แต่ฝากไว้กับพระเจ้าและคำเสนอวิงวอนของแม่พระ
หวังว่าทุกอย่างจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น และที่สุด ทุกอย่างก็จะผ่านพ้นไป
ขอบคุณทุกคนอีกครั้งหนึ่ง ด้วยจริงใจ
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
โรงเรียนเซนต์ยอแซฟกุฉินารายณ์
28 กันยายน 2013
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น