วันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

สามปีที่นาบัว-โพนสวาง



สามปีที่นาบัว-โพนสวาง
ถึง พี่น้องชาวนาบัว-โพนสวาง ที่รักทุกคน
วันที่ 31 มีนาคม 2010 คือวันที่ได้รับแต่งตั้งจากพระอัครสังฆราชหลุยส์ จำเนียร สันติสุขนิรันดร์ ให้เป็นเจ้าอาวาสวัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว และวัดพระนามเยซู โพนสวาง โดยให้ย้ายจากวัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย เข้าประจำตำแหน่งภายในวันที่ 1 พฤษภาคม 2010 แต่เนื่องจากเจ้าอาวาสคนเดิมยังไม่ย้ายออก จึงนัดหมายเป็นวันที่ 8 พฤษภาคม  2010
หนึ่งวันก่อนเข้ารับตำแหน่ง (7 พฤษภาคม 2010) พายุฤดูร้อนได้พัดบ้านพักพระสงฆ์ วัดไม้หลังเก่า และศาลาประชาคมของวัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว ได้รับความเสียหาย เรียกได้ว่า “งานเข้า” ต้อนรับเจ้าอาวาสคนใหม่ บ้านพักและวัดเก่าสังกะสีถูกพัดหายสี่แผ่น ส่วนศาลาประชาคมพัดเสียหายทั้งแถบ ไม่สามารถซ่อมแซมได้ เมื่อเดินทางมาถึงในวันรุ่งขึ้น (8 พฤษภาคม 2010) ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากชาวนาบัวทั้งสองหมู่บ้าน พร้อมกับงานหลายอย่างที่รออยู่ข้างหน้าอย่างท้าทาย ยังจำภาพเหล่านั้นได้ดีไม่เคยลืมเลือน
 พายุฤดูร้อนถล่มนาบัวก่อนเข้ารับตำแหน่ง (7 พฤษภาคม 2010)
  บ้านพัก วัดไม้และศาลาประชาคมถูกพายุพัดพังเสียหาย
สามปีที่นาบัว-โพนสวางผ่านไปอย่างรวดเร็ว ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดียิ่งจากชาวนาบัวและโพนสวาง โดยเฉพาะที่นาบัว การเตรียมสมโภช 125 ปีแห่งความเชื่อและการแพร่ธรรม งานและโครงการต่างๆ ได้รับการตอบรับและร่วมแรงร่วมใจกันอย่างคาดไม่ถึง ทำให้งานและโครงการทุกอย่างสำเร็จตามแผนการที่วางไว้ ไม่ว่าจะเป็นการบูรณะวัดไม้คุณพ่อปีแอร์โกลาส์, หอระฆังไม้และซุ้มแม่พระราชินีแห่งสันติภาพ, โรงครัว, พิพิธภัณฑ์ปีแอร์โกลาส์, ศาลาร่วมใจ “ยวงบัตรี” และการบูรณะบ้านพักพระสงฆ์ (แม้จะยังไม่เสร็จสมบูรณ์)
สิ่งเหล่านี้คือเครื่องหมายแห่งความเชื่อศรัทธา ความใจกว้างดั่งมหาสมุทร ความสมัครสมานสามัคคี และความร่วมแรงร่วมใจของพี่น้องชาวนาบัวทุกหมู่เหล่า ที่ควรได้รับการยกย่องและกล่าวถึง อาทิ สภาอภิบาลวัด, ผู้นำหมู่บ้านทั้งสองหมู่, กลุ่มคริสตชนพื้นฐานทั้ง 12, กลุ่มพลมารีทั้ง 4 เปรซิเดียม, ครูคำสอน, เยาวชนและลูกๆ นักเรียนคำสอนทุกคน
 วันแรกที่เดินทางมาถึงนาบัว วันที่ 8 พฤษภาคม 2010
 ได้รับการต้อนรับจากพี่น้องชาวนาบัวอย่างอบอุ่น
ส่วนพี่น้องชาวโพนสวาง ก็ร่วมแรงร่วมใจในงานต่างๆ ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน  แม้จะเป็นกลุ่มคริสตชนเล็กๆ ทีอยู่ท่ามกลางพี่น้องชาวพุทธ แต่ได้แสดงออกถึงความเชื่อศรัทธาและความร่วมแรงร่วมใจให้พี่น้องชาวพุทธได้ประจักษ์ จากจำนวนเพียงไม่กี่ครอบครัว แต่เป็นประเภทเล็กพริกขี้หนู ทำให้ศาลาศานติคาม, หอระฆัง “นันสีทอง” และหอแม่พระเกิดขึ้นอย่างน่าทึ่ง
จากวันที่ 8 พฤษภาคม 2010 ถึงวันที่ 7 พฤษภาคม 2013 นับเป็นเวลาสามปีเต็มที่มีความสุขมากที่สุดในชีวิต ตอนเช้าในพิธีบูชาขอบพระคุณ ได้โมทนาคุณพระเจ้าสำหรับพระพรนานัปการที่พระองค์ทรงค้ำจุนและช่วยเหลือข้ารับใช้ผู้ต่ำต้อยของพระองค์ ทำให้งานทุกอย่างสำเร็จและผ่านพ้นไปด้วยความเรียบร้อย อีกทั้งได้ระลึกถึงเป็นพิเศษสำหรับพี่น้องชาวนาบัวและโพนสวางทุกคน
 มีการผูกข้อต่อแขนเพื่อเป็นการต้อนรับ
 ตามประเพณีท้องถิ่นอีสาน
ได้เลือกที่จะย้ายออกจากนาบัว-โพนสวางในวันที่ 7 พฤษภาคม 2013 ซึ่งเป็นวันครบ 3 ปีของการทำหน้าที่ และได้อยู่ทำหน้าที่จนจบวันคือการตีระฆังพรหมถือสารเวลา 18.00 น. เพื่อบอกเวลาให้ชาวนาบัวได้ภาวนาและขอบคุณพระเจ้าพร้อมกันเป็นครั้งสุดท้าย แม้จะไม่มีโอกาสได้ล่ำลาทุกคน แต่ได้ไปอำลาและภาวนาที่สุสานทั้งที่นาบัวและโพนสวาง เพื่อเป็นการขอบคุณบรรพชนชาวนาบัว-โพนสวางและฝากทุกคนไว้ในคำเสนอวิงวอนของพวกเขา เป็นยาขมที่กลืนยาก เป็นกางเขนที่ต้องแบก ...ลาก่อนพี่น้องชาวนาบัว-โพนสวางที่รักทุกคน
ภายหลังที่เดินทางออกจากนาบัว-โพนสวาง มีคนส่งข้อความมาเตือนสติว่า “วันนี้เราอยู่ที่นี่ พรุ่งนี้เราไม่อยู่แล้ว วันนี้เขาจำเราได้ พรุ่งนี้เขาก็ลืมเราแล้ว” เพื่อให้ปล่อยวางและไม่ติดยึด แต่อยากจะบอกว่า “แม้ตัวจะไม่อยู่แล้ว แต่ใจยังอยู่ที่นี่เสมอ แม้ทุกคนจะลืมไม่มีใครจำได้แล้ว แต่จะยังคงจดจำและภาวนาเพื่อทุกคน” ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง สิ่งที่ดีงามที่มีให้กัน พี่น้องชาวนาบัว-โพนสวาง จะอยู่ในความทรงจำและคำภาวนาเสมอ
 ยังจดจำภาพเหล่านั้นอยู่เสมอ
 จะอยู่ในความทรงจำตลอดไป
รักและคิดถึงทุกคนในพระคริสตเจ้า
คุณพ่อขวัญ  ถิ่นวัลย์
10 พฤษภาคม 2013

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น