การประทับอยู่ของพระเจ้าในเรา
วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 6 เทศกาลปัสกา
ปี C
|
กจ 15: 1-2, 22-29
วว 21: 10-14, 22-23
ยน 14: 23-29
|
บทนำ
นักบุญฟรังซิส
อัสซีซี
เป็นผู้ที่ร้อนรนในการสนับสนุนคำสอนเรื่องการประทับอยู่ของพระเจ้าในเรามนุษย์
ทำให้ท่านรักทุกคนอย่างเท่าเทียมกันไม่ว่าเขาจะอยู่ในฐานะใดก็ตาม
วันหนึ่งท่านได้พบกับคนที่ไม่เชื่อและไม่รักพระเจ้า ขณะที่ทั้งสองเดินทางไปด้วยกัน
ได้พบกับชายขอทานตาบอดและเป็นอัมพาตคนหนึ่ง ท่านได้ถามชายตาพิการคนนั้นว่า “หากฉันทำให้ท่านสามารถมองเห็นได้และหายจากอัมพาต
ท่านจะรักฉันไหม”
ชายขอทานตอบทันทีว่า “ผมไม่เพียงรักท่านเท่านั้น
แต่จะขอเป็นทาสรับใช้ท่านจนตลอดชีวิตของผม” นักบุญฟรังซิส
ได้กล่าวกับชายที่ไม่เชื่อและไม่รักพระเจ้าว่า “ดูซิ
ชายตาบอดคนนี้ยังรู้จักรักฉัน หากฉันทำให้เขามองเห็นและมีสุขภาพดี
ทำไมท่านถึงไม่รักพระเจ้าที่สร้างท่านมาให้มีตาดีและสุขภาพแข็งแรง”
นี่คือสิ่งที่พระเยซูเจ้าบอกเราในพระวรสารวันนี้
หากเรารักพระองค์ด้วยการปฏิบัติตามพระวาจาของพระองค์
พระองค์จะประทับอยู่กับเราพร้อมกับพระบิดาและพระจิต ทำให้เรากลายเป็นที่ประทับของพระเจ้าสามพระบุคคล
บทอ่านวันนี้แสดงให้เราได้เห็นถึง ผลแห่งการประทับอยู่ของพระเจ้าในพระศาสนจักรของพระองค์
และการประทับอยู่ของพระองค์ในตัวเราแต่ละคน
1. การประทับอยู่ของพระเจ้าในเรา
พระวรสารของนักบุญยอห์นวันนี้ เป็นตอนที่ต่อเนื่องจากคำสั่งสอนสุดท้ายหลังการเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้าย
โดยอธิบายถึงข้อคำสอนเรื่องการประทับอยู่ของพระตรีเอกภาพในใจมนุษย์ และบทบาทของพระจิตเจ้าในชีวิตประจำวันของเรา
พระเยซูเจ้าได้บอกกับเราว่ามีสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้เราเชื่อวางใจในการประทับอยู่ของพระเจ้า
นั่นคือ พระเจ้าทรงพำนักอยู่ในใจเราอย่างใกล้ชิดและลึกซึ้ง
เพื่อทำให้เรากลายเป็นที่ประทับของพระองค์
พระเยซูเจ้าทรงสอนเราว่าเงื่อนไขแห่งการประทับอยู่ของพระตรีเอกภาพในเราคือ
การที่เราแสดงความรักของเราต่อพระเจ้าและปฏิบัติตามพระวาจาของพระองค์
ซึ่งพระจิตเจ้าจะช่วยเราให้สามารถปฏิบัติตามพระวาจาของพระองค์ได้ง่ายขึ้น
โดยทรงยืนยันกับบรรดาศิษย์ว่าแม้พวกเขาจะไม่เห็นพระองค์อีกต่อไปแล้ว
แต่พระองค์จะทรงอยู่กับพวกเขาผ่านทางพระจิตเจ้า ที่จะสอนและช่วยพวกเขาให้เข้าใจถึงสิ่งที่พระองค์ทรงสั่งสอน
พระเยซูเจ้าได้มอบของประทาน 4 ประการแก่ผู้ที่ติดตามพระองค์: 1) พระองค์ประทานความรักของพระองค์แก่เรา เพื่อช่วยเราให้สามารถปฏิบัติตามพระวาจาของพระองค์, 2) พระองค์ประทานพระจิตเจ้าแก่เรา เพื่อสอนเราทุกสิ่งที่จำเป็นต้องรู้
อีกทั้งช่วยเราให้สามารถเลียนแบบพระคริสตเจ้าผู้เป็นอาจารย์, 3) พระองค์ประทานสันติสุขแก่เรา เพื่อทำให้เราเข้มแข็งโดยปราศจากความกลัวในเวลาที่ต้องเผชิญกับความยากลำบาก
และ 4) พระองค์จะประทานรางวัลแก่เราในการเสด็จมาครั้งสุดท้าย
2. บทเรียนสำหรับเรา
พระวรสารวันนี้ ได้ให้บทเรียนและแนวปฏิบัติในการดำเนินชีวิตประจำวันสำหรับเราหลายประการ
ประการแรก เราต้องตระหนักถึงการประทับอยู่ของพระเจ้าในเรา ในการดำเนินชีวิตแต่ละวันเราต้องเผชิญกับสิ่งที่ไม่แน่นอน
ความขัดแย้งและการผจญในรูปแบบต่างๆ
การประทับอยู่ของพระเจ้าในตัวเราช่วยเราให้สามารถเผชิญกับทุกสถานการณ์ในชีวิต
โดยไม่สิ้นหวังและด้วยความกล้าหาญเยี่ยงคริสตชน
ประการที่สอง เราต้องหมั่นภาวนาและฟังเสียงของพระจิตเจ้า เราต้องให้เวลาในแต่ละวันสำหรับการภาวนา การสนทนากับพระเจ้าและฟังเสียงของพระองค์
เพื่อเราจะได้มีชีวิตที่สนิทสัมพันธ์กับพระองค์และรักพระองค์ด้วยจริงใจ อีกทั้งฟังเสียงของพระจิตเจ้าที่ตรัสกับเราในลักษณะต่างๆ
เพื่อเราจะได้รู้ถึงแผนการและความช่วยเหลือของพระองค์
ในอันที่จะช่วยเราให้สามารถรักเพื่อนพี่น้องและมีสันติสุขในจิตใจ
ประการที่สาม เราไม่ได้อยู่ตามลำพัง ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในสังคมปัจจุบันคือ
ความรู้สึกว่าตนเองถูกทอดทิ้ง แต่ละคนต่างดำเนินชีวิตเหมือนคนแปลกหน้าต่อกัน
พระเยซูเจ้าทรงประทับอยู่ท่ามกลางเราตลอดเวลา
ทรงแบ่งปันความยินดีของพระองค์กับเราและเปลี่ยนภาระที่หนักอึ้งเพราะบาปในใจเราด้วยการให้อภัย
เราต้องให้พระองค์นำทางชีวิตของเราเพื่อเราจะสามารถขจัดความรู้สึกโดดเดี่ยวและถูกทอดทิ้งให้หมดสิ้นไป
บทสรุป
พี่น้องที่รัก ผู้ที่มีความเชื่อที่แท้จริงคือผู้ที่เจริญชีวิตปฏิบัติตามพระวาจาด้วยใจรัก
“ผู้ใดรักเรา ผู้นั้นจะปฏิบัติตามวาจาของเรา พระบิดาของเราจะทรงรักเขา
พระบิดาจะเสด็จพร้อมกับเรามาหาเขา จะทรงพำนักอยู่กับเขา” (ยน 14: 23) มิใช่เราขึ้นไปพบพระเจ้าในสวรรค์
แต่เป็นพระเจ้าทั้งสามพระบุคคลเสด็จมาประทับอยู่กับเรา
ใครที่ดำเนินชีวิตในความรักได้สัมผัสถึงความจริงนี้ และได้อยู่กับพระเจ้าแล้ว
พระเจ้าทรงรักเราด้วยความรักนิรันดร
เพื่อจะเป็นบุตรที่ดีของพระเจ้า เราต้องดำรงอยู่ในความรักนี้
พระเยซูเจ้าทรงสั่งเราให้ปฏิบัติตามบัญญัติแห่งความรัก เหมือนที่พระองค์ทรงปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดาเจ้า
และเลียนแบบอย่างของพระองค์ในความรักที่ไม่มีเงื่อนไข ให้อภัย
ไม่เห็นแก่ตัวและยอมมอบชีวิตเพื่อทุกคน โดยเริ่มจากในครอบครัว หมู่คณะและหมู่บ้านของเรา
คุณพ่อขวัญ
ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
04 พฤษภาคม 2013
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น