การกลับใจหันมาหาพระเจ้า
วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 4 เทศกาลมหาพรต
ปี C
|
ยชว 5:9ก, 10-12
2 คร 5:17-21
ลก 15:1-3,
11-32
|
บทนำ
มหาตะมะ คานธี บิดาผู้สร้างชาติอินเดีย ได้เขียนในอัตชีวประวัติเกี่ยวกับประสบการณ์ที่เลวร้ายเรื่องการขโมยเวลาเป็นเด็กเอาไว้ว่า
เมื่ออายุได้ 15 ปี ท่านได้ขโมยสร้อยข้อมือทองคำหนึ่งข้อของพี่ชาย
เพื่อใช้หนี้ประมาณ 25
รูปี (20 บาท) ที่ตนเองได้ก่อขึ้น ท่านรู้สึกเสียใจมากในสิ่งที่ได้กระทำลงไป
โดยตั้งใจว่าจะไม่ขโมยอีกเลยในชีวิต ท่านตัดสินใจที่จะสารภาพกับบิดาแต่ไม่กล้าบอก
จึงได้เขียนคำสารภาพใส่กระดาษยื่นให้บิดาได้อ่านด้วยตนเอง
ในกระดาษใบนั้น นอกจากสารภาพผิดแล้ว
ท่านยังได้ขอให้บิดาลงโทษท่านตามสมควรแก่เหตุ และให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่ขโมยอีกเลยในอนาคต
ท่านรู้สึกสั่นเทาเมื่อยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้บิดาขณะกำลังจะไปนอน
บิดาคลี่กระดาษแผ่นนั้นออก อ่านเนื้อความทั้งหมดด้วยน้ำตาไหลอาบแก้ม
จากนั้นได้ฉีกกระดาษแผ่นนั้นและสวมกอดท่าน ไม่ได้แสดงอาการโกรธ
ดุด่าหรือลงโทษตามที่ท่านคิดแต่อย่างใด น้ำตาของบิดาในวันนั้นได้ชำระใจและความผิดที่ท่านได้กระทำให้มลายหายไป
คำอุปมาเรื่อง “ลูกล้างผลาญ”
(The
prodigal son) ที่เราได้ยินในพระวรสารวันนี้ ถือเป็นคำอุปมาที่กินใจและถูกกล่าวถึงมากที่สุดในบรรดาคำอุปมาของพระเยซูเจ้า
แต่ที่ถูกต้องควรเรียกว่า
“บิดาผู้ใจดี” เพราะตัวเอกในเรื่องไม่ใช่บุตรที่หนีจากบิดาและล้างผลาญทรัพย์จนหมดสิ้น
แต่เป็นบิดาที่ใจดี ที่รักและให้บุตรทุกอย่าง แม้สิ่งที่บุตรคนเล็กขอนั้นจะขัดกับความรู้สึกตามธรรมชาติของมนุษย์และธรรมเนียมยิว
เพราะเป็นการขอมรดกส่วนที่เป็นของตนขณะที่บิดายังมีชีวิตอยู่ กระนั้น บิดายอมแบ่งให้ตามที่บุตรคนเล็กร้องขอ
ความรักที่บิดามีต่อบุตรแสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดใน “การเฝ้าคอย” การกลับมาของบุตรคนเล็กอย่างใจจดใจจ่อ
เมื่อบุตรคนเล็กล้มเหลวกลับมาก็เปิดใจต้อนรับ เป็นบิดาที่เห็นบุตรคนเล็กก่อนแต่ไกลแล้วรีบวิ่งไปสวมกอดและจูบ
คืนทุกอย่างให้บุตรคนเล็กโดยไม่รั้งรอ เสื้อหมายถึงเกียรติยศที่ให้แก่บุตรที่กลับมา
แหวนหมายถึงอำนาจในดูแลทรัพย์สิน และรองเท้าหมายถึงฐานะการเป็นบุตร
เพราะในครอบครัวยิวมีเพียงบุตรเท่านั้นที่สวมรองเท้า ส่วนคนใช้เดินเท้าเปล่า
1.
การกลับใจหันมาหาพระเจ้า
บิดาได้ให้อภัยบุตรคนเล็กโดยไม่เอ่ยถึงความผิดพลาดในอดีตหรือดุด่าว่ากล่าวเลย
นี่คือ การให้อภัยอย่างสิ้นเชิง เป็นการให้อภัยที่ปราศจากผลประโยชน์แอบแฝงและให้อภัยจากใจจริง
ซึ่งเป็นรูปหมายถึงพระบิดาเจ้าที่รักและให้อภัยไม่สิ้นสุด บุตรคนเล็กไม่เพียงไม่เคารพบิดาแต่ได้ละเลยหน้าที่ของบุตรที่ดีในการเลี้ยงดูบิดา
ตรงข้ามเขาได้หันหลังให้บิดา ตัดสัมพันธ์ทุกอย่าง หนีห่างจากบิดาและประพฤติตนเสเพล
ผลาญทรัพย์สมบัติจนหมดสิ้น
คำอุปมาได้แสดงให้เห็นถึงชีวิตตกต่ำถึงขีดสุดของบุตรคนเล็ก
เขากลายเป็นคนเลี้ยงหมูซึ่งเป็นสัตว์สกปรก (ลวต 11:7) สำหรับชาวยิวที่เคร่งศาสนาจะไม่มีวันทำอาชีพนี้โดยเด็ดขาด
บุตรคนเล็กสำนึกผิด เสียใจในสิ่งที่ตนเองกระทำ คิดถึงบิดาและตัดสินใจกลับบ้านไปหาบิดา
โดยตั้งใจขอให้บิดารับเขาเป็นเหมือนคนใช้ในตำแหน่งที่ต่ำที่สุด แต่เขาไม่มีโอกาสได้ทำเช่นนั้น เพราะบิดาตัดบทและสั่งให้คนใช้ต้อนรับเขาด้วยเสื้อที่สวยที่สุด
แหวนและรองเท้า (ลก
15:22) และจัดงานเลี้ยงฉลองด้วยลูกวัวตัวที่อ้วนที่สุด
คำอุปมานี้เกิดขึ้นจากสถานการณ์ที่พระเยซูเจ้าถูกวิจารณ์ว่า
เป็นมิตรกับคนเก็บภาษีและคนบาป เราจึงได้เห็นพฤติกรรมของบุตรคนโตที่รู้สึกโกรธเมื่อเห็นน้องชายกลับบ้าน
บุตรคนโตจึงหมายถึงพวกธรรมาจารย์และชาวฟาริสี ที่ถือตัวว่าชอบธรรม “ไม่เคยฝ่าฝืนคำสั่งของพ่อเลย”
แต่ในความเป็นจริง ความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคนเราคือ การที่เขาไม่สำนึกว่าตนเองมีความผิดอะไรเลยนั่นแหละ
การถือตัวว่าเป็นคนชอบธรรมและดีกว่าคนอื่นไม่เพียงตัดเขาออกจากพระเจ้า
แต่ยังตัดเขาออกจากเพื่อนพี่น้องด้วย
2.
บทเรียนสำหรับเรา
คำอุปมานี้ ได้ให้บทเรียนที่สำคัญสำหรับเราคริสตชนในการนำมาปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
หลายประการ
ประการแรก เราต้องกลับใจหันกลับมาหาพระเจ้า เราแต่ละคนอาจเป็นบุตรคนเล็กที่เป็นคนบาปและหนีห่างจากพระเจ้า
เราต้องกลับมาหาพระองค์ทุกวัน
การเดินทางกลับบ้านคือการเดินทางฝ่ายจิตที่แสดงถึงการกลับใจอย่างแท้จริง
ละทิ้งบาปและความทุกข์ที่เป็นผลของบาปเพื่อกลับมาหาพระองค์ คำอุปมานี้ได้แสดงให้เราเห็นว่า
บิดาไม่เคยละทิ้งบุตร แต่ตั้งตาคอยและเฝ้ารอการกลับมาของบุตรทุกวัน เช่นเดียวกับพระเจ้าที่ทรงปรารถนาให้คนบาปกลับใจมาหาพระองค์
ไม่ทรงปรารถนาให้ผู้ใดเสียไปแม้สักคนเดียว
ประการที่สอง เราต้องให้อภัยเพื่อนพี่น้องด้วยใจกว้าง เราอาจเป็นบุตรคนโตที่ไม่เคยหนีห่างจากบิดา
ทำตามใจบิดาทุกอย่าง มาวัดทุกวันอาทิตย์ไม่เคยขาด แต่เกลียดชังและไม่ยอมให้อภัยพี่น้องของตน
ถือตัวว่าตนเองเป็นคนชอบธรรมกว่าคนอื่น
พระเยซูเจ้าทรงต้องการให้เรายอมรับเพื่อนพี่น้องและให้อภัยเขาด้วยใจกว้าง ด้วยการสำนึกว่าเราทุกคนเป็นบุตรของพระเจ้า
ประการที่สาม เราต้องมีความยินดีในการมาร่วมงานเลี้ยงศักดิ์สิทธิ์
พระบิดาเจ้าสวรรค์ของเราทรงเฝ้าคอยเราที่ประตู ให้เราได้ใช้ช่วงเวลาพิเศษในเทศกาลมหาพรตนี้ในการกลับใจเปลี่ยนแปลงชีวิต
คืนดีกับพระเจ้าและเพื่อนพี่น้อง เป็นต้นในการมาร่วมพิธีมิสซาวันอาทิตย์เป็นประจำสม่ำเสมอ
เพื่อเราจะได้เป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าและเพื่อนพี่น้องอย่างแน่นแฟ้น
บทสรุป
พี่น้องที่รัก คำอุปมานี้แสดงให้เห็นถึงท่าทีของพระเจ้าต่อคนบาป ประการแรก พระเจ้าทรงต้องการคนบาป
แม้มนุษย์จะกระทำชั่วแต่พระเจ้ายังต้องการเขาอยู่
ด้วยการส่งพระบุตรมาไถ่บาปเพื่อให้เขาได้เดินในหนทางแห่งความรอด ประการที่สอง
พระเจ้าเฝ้ารอการกลับมาของคนบาป
แสดงถึงความรักยิ่งใหญ่และการอภัยไม่สิ้นสุดของพระเจ้าที่ไม่จดจำความผิด แต่เพียรทนรอคอยวันที่เขากลับใจมาหาพระองค์
เราทุกคนต่างเป็นคนบาป
ทั้งแบบที่เปิดเผยอย่างบุตรคนเล็กและแบบที่ปิดบังซ่อนเร้นอย่างบุตรคนโต
พระวาจาของพระเจ้าในวันนี้ได้เชื้อเชิญเราให้กลับใจหันกลับมาหาพระเจ้า เราต้องเลียนแบบบุตรคนเล็กที่ยอมเปลี่ยนแปลงชีวิตเหลวแหลก
เพื่อกลับมายังบ้านของบิดา ร่วมรับผิดชอบและเคารพเชื่อฟังบิดา อีกทั้ง
ยอมละทิ้งอคติ ความใจแคบและความโกรธเยี่ยงบุตรคนโต เพื่อเราจะได้ยอมรับ ให้อภัยและรับใช้ซึ่งกันและกันด้วยความรัก
เป็นต้นในครอบครัว หมู่คณะและหมู่บ้านของเรา
คุณพ่อขวัญ
ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว09 มีนาคม 2013
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น