ความทรงจำเกี่ยวกับพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16
ข่าวสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ทรงประกาศสละตำแหน่งพระสันตะปาปา เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์
2013 โดยมีผลวันนี้ (28 กุมภาพันธ์ 2013)
เนื่องจากพระชนมายุที่มากขึ้น ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติพระราชกรณียกิจได้อย่างเต็มที่ ถือเป็นข่าวที่ช๊อกความรู้สึกของคริสตชนทั่วโลก
และเป็นข่าวที่ทั่วโลกให้ความสนใจ เนื่องจากพระองค์นับเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาองค์แรกในรอบ
600
ปีที่ทรงประกาศสละตำแหน่ง นับตั้งแต่พระสันตะปาปาเกรโกรี ที่ 12
สละตำแหน่งเมื่อปี ค.ศ. 1415
สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปา
ผู้แทนพระคริสตเจ้าในโลกนี้ และผู้สืบตำแหน่งของนักบุญเปโตรลำดับที่ 265 เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2005 ขณะทรงมีพระชนมายุ
78 พรรษา ซึ่งผู้เชียวชาญเกี่ยวกับวาติกันต่างคาดหมายว่า
พระองค์ได้รับเลือกให้เป็นพระสันตะปาปาขัดตาทัพ เพราะด้วยวัยขนาดนั้นคงจะดำรงตำแหน่งอยู่ได้ไม่นาน
แต่พระองค์ได้ทรงทำให้ทุกคนประหลาดใจมากกว่านั้นเมื่อทรงประกาศสละตำแหน่ง
ช่วงปี ค.ศ. 2007-2009 ได้มีโอกาสไปศึกษาวิชาพระสัจธรรม (Christology)
ที่มหาวิทยาลัย Ateneo Pontificio Regina Apostolorum
ณ กรุงโรม ประเทศอิตาลี ได้ศึกษางานเขียนของพระองค์ทั้งบทความและหนังสือหลายเล่ม
ตั้งแต่เมื่อครั้งเป็น พระคาร์ดินัล โจเซฟ รัตซิงเกอร์ ที่ดำรงตำแหน่งประธานกรรมาธิการฝ่ายเทววิทยานานาชาติ
(International Theological Commission: 1981-2005) และสมณมณตรีของสมณกระทรวงว่าด้วยข้อความเชื่อ
(Congregation for the Doctrine of the Faith: 1981-2005)
ทำให้เห็นถึงความกล้าหาญและความซื่อสัตย์ของพระองค์ในการรักษาคำสอนของพระศาสนจักร
อีกทั้ง
ได้ติดตามและแวะเวียนไปฟังพระดำรัสของพระองค์บ่อยครั้งตามโอกาสต่างๆ
ได้เห็นถึงภาระที่หนักอึ้งบนบ่าที่พระองค์ทรงแบก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสมณสมัยของพระองค์ที่ต้องเผชิญกับปัญหาหลายอย่างในพระศาสนจักรซึ่งหมักหมมมานาน
ทั้งจากการตีความคำสอนหรืออ้างอิงพระดำรัสของพระองค์ที่ไม่ครบถ้วน ทำให้เกิดความเข้าใจผิดและการต่อต้านจากพี่น้องต่างศาสนาอย่างกว้างขวาง
แต่พระองค์ได้แสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งและความเด็ดเดี่ยวในการนำพระศาสนจักรและการแก้ไขปัญหาเหล่านั้น
ยังจำพระดำรัสของพระองค์ที่ตรัสถามโอกาสเข้าเฝ้าอย่างใกล้ชิด
ในฐานะผู้ติดตามพระอัครสังฆราชหลุยส์ จำเนียร สันติสุขนิรันดร์
เมื่อครั้งเข้าเฝ้าถวายรายงานทุกห้าปีที่เรียกว่า “ad
Limina” เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ค.ศ. 2008 พระองค์ทรงถามว่า
“เรียนที่ไหน” “วิชาอะไร” เมื่อได้ยินคำตอบก็ทรงอวยพรว่า “ขอให้เรียนสำเร็จ
นำความรู้มาช่วยพระศาสนจักร” ถือเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะได้มีโอกาสเข้าเฝ้าอย่างใกล้ชิดและพระองค์ตรัสถามอย่างเป็นกันเองเช่นนี้ แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่วิเศษสุดที่ประทับใจและอยู่ในความคิดคำนึงเรื่อยมาถึงทุกวันนี้
เวลาที่รับรู้ว่าพระองค์ทรงประกาศสละตำแหน่งจึงรู้สึกใจหาย
แต่ก็เข้าใจถึงเหตุผลและบทเรียนที่พระองค์ทรงมอบให้ ตำแหน่งมิใช่หมายถึงเกียรติยศและอำนาจ
แต่หมายถึงภาระหน้าที่และการรับใช้ ซึ่งพระองค์ได้ทรงปฏิบัติและรับใช้พระศาสนจักรอย่างสุภาพและเต็มกำลังความสามารถ (จนถึงเวลาสุดท้ายของการทรงงาน 20.00 น. ของวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2013
ตามเวลาในประเทศอิตาลี) ประการสำคัญ จะต้องไม่ติดยึดกับตำแหน่งและสำคัญผิดว่ามีเพียงตัวเราเท่านั้นที่เก่งหรือทำได้ เมื่อทรงตระหนักว่าพระวรกายและสติปัญญาถดถอยลงตามพระชนมายุที่มากขึ้น ก็พร้อมจะปล่อยวาง
ดังพระดำรัสที่พระองค์ตรัสกับประชาชนที่มาเข้าเฝ้าทั่วไปเป็นครั้งสุดท้ายว่า
การรับตำแหน่งถือเป็นภาระที่หนัก แต่พระองค์ทรงยอมรับที่จะปฏิบัติ
เนื่องจากพระองค์เชื่อว่าพระเจ้าจะทรงนำทางและอยู่เคียงข้างพระองค์เสมอ “การเป็นพระสันตะปาปาไม่มีความเป็นส่วนตัว
แต่หมายถึงการอุทิศตนทั้งครบเพื่อพระศาสนจักร เพื่อประชากรของพระเจ้าทุกคน พ่อกำลังจะไม่มีบทบาทอำนาจในพระศาสนจักร
แต่พ่อจะรับใช้พระศาสนจักรด้วยการภาวนาตลอดไป”
Rimanerai sempre con noi (พระองค์จะอยู่กับพวกเราเสมอไป)
Viva Papa! (ขอพระองค์ทรงพระเจริญ)
Don Daniele
วัดพระคริสตประจักษ์
นาบัว28 กุมภาพันธ์ 2013
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น