วันศุกร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2556

ความทรงจำเกี่ยวกับพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16


ความทรงจำเกี่ยวกับพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16

ข่าวสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ทรงประกาศสละตำแหน่งพระสันตะปาปา เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2013 โดยมีผลวันนี้ (28 กุมภาพันธ์ 2013) เนื่องจากพระชนมายุที่มากขึ้น ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติพระราชกรณียกิจได้อย่างเต็มที่ ถือเป็นข่าวที่ช๊อกความรู้สึกของคริสตชนทั่วโลก และเป็นข่าวที่ทั่วโลกให้ความสนใจ เนื่องจากพระองค์นับเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาองค์แรกในรอบ 600 ปีที่ทรงประกาศสละตำแหน่ง นับตั้งแต่พระสันตะปาปาเกรโกรี ที่ 12 สละตำแหน่งเมื่อปี ค.ศ. 1415

สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปา ผู้แทนพระคริสตเจ้าในโลกนี้ และผู้สืบตำแหน่งของนักบุญเปโตรลำดับที่ 265 เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2005 ขณะทรงมีพระชนมายุ 78 พรรษา ซึ่งผู้เชียวชาญเกี่ยวกับวาติกันต่างคาดหมายว่า พระองค์ได้รับเลือกให้เป็นพระสันตะปาปาขัดตาทัพ เพราะด้วยวัยขนาดนั้นคงจะดำรงตำแหน่งอยู่ได้ไม่นาน แต่พระองค์ได้ทรงทำให้ทุกคนประหลาดใจมากกว่านั้นเมื่อทรงประกาศสละตำแหน่ง


 ช่วงปี ค.ศ. 2007-2009 ได้มีโอกาสไปศึกษาวิชาพระสัจธรรม (Christology) ที่มหาวิทยาลัย Ateneo Pontificio Regina Apostolorum ณ กรุงโรม ประเทศอิตาลี ได้ศึกษางานเขียนของพระองค์ทั้งบทความและหนังสือหลายเล่ม ตั้งแต่เมื่อครั้งเป็น พระคาร์ดินัล โจเซฟ รัตซิงเกอร์ ที่ดำรงตำแหน่งประธานกรรมาธิการฝ่ายเทววิทยานานาชาติ (International Theological Commission: 1981-2005) และสมณมณตรีของสมณกระทรวงว่าด้วยข้อความเชื่อ (Congregation for the Doctrine of the Faith: 1981-2005) ทำให้เห็นถึงความกล้าหาญและความซื่อสัตย์ของพระองค์ในการรักษาคำสอนของพระศาสนจักร

อีกทั้ง ได้ติดตามและแวะเวียนไปฟังพระดำรัสของพระองค์บ่อยครั้งตามโอกาสต่างๆ ได้เห็นถึงภาระที่หนักอึ้งบนบ่าที่พระองค์ทรงแบก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสมณสมัยของพระองค์ที่ต้องเผชิญกับปัญหาหลายอย่างในพระศาสนจักรซึ่งหมักหมมมานาน ทั้งจากการตีความคำสอนหรืออ้างอิงพระดำรัสของพระองค์ที่ไม่ครบถ้วน  ทำให้เกิดความเข้าใจผิดและการต่อต้านจากพี่น้องต่างศาสนาอย่างกว้างขวาง แต่พระองค์ได้แสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งและความเด็ดเดี่ยวในการนำพระศาสนจักรและการแก้ไขปัญหาเหล่านั้น


 ยังจำพระดำรัสของพระองค์ที่ตรัสถามโอกาสเข้าเฝ้าอย่างใกล้ชิด ในฐานะผู้ติดตามพระอัครสังฆราชหลุยส์ จำเนียร สันติสุขนิรันดร์ เมื่อครั้งเข้าเฝ้าถวายรายงานทุกห้าปีที่เรียกว่า “ad Liminaเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ค.ศ. 2008 พระองค์ทรงถามว่า “เรียนที่ไหน” “วิชาอะไร” เมื่อได้ยินคำตอบก็ทรงอวยพรว่า “ขอให้เรียนสำเร็จ นำความรู้มาช่วยพระศาสนจักร” ถือเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะได้มีโอกาสเข้าเฝ้าอย่างใกล้ชิดและพระองค์ตรัสถามอย่างเป็นกันเองเช่นนี้   แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ  แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่วิเศษสุดที่ประทับใจและอยู่ในความคิดคำนึงเรื่อยมาถึงทุกวันนี้

เวลาที่รับรู้ว่าพระองค์ทรงประกาศสละตำแหน่งจึงรู้สึกใจหาย แต่ก็เข้าใจถึงเหตุผลและบทเรียนที่พระองค์ทรงมอบให้ ตำแหน่งมิใช่หมายถึงเกียรติยศและอำนาจ แต่หมายถึงภาระหน้าที่และการรับใช้ ซึ่งพระองค์ได้ทรงปฏิบัติและรับใช้พระศาสนจักรอย่างสุภาพและเต็มกำลังความสามารถ (จนถึงเวลาสุดท้ายของการทรงงาน 20.00 น. ของวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2013 ตามเวลาในประเทศอิตาลี) ประการสำคัญ จะต้องไม่ติดยึดกับตำแหน่งและสำคัญผิดว่ามีเพียงตัวเราเท่านั้นที่เก่งหรือทำได้ เมื่อทรงตระหนักว่าพระวรกายและสติปัญญาถดถอยลงตามพระชนมายุที่มากขึ้น ก็พร้อมจะปล่อยวาง

ดังพระดำรัสที่พระองค์ตรัสกับประชาชนที่มาเข้าเฝ้าทั่วไปเป็นครั้งสุดท้ายว่า การรับตำแหน่งถือเป็นภาระที่หนัก แต่พระองค์ทรงยอมรับที่จะปฏิบัติ เนื่องจากพระองค์เชื่อว่าพระเจ้าจะทรงนำทางและอยู่เคียงข้างพระองค์เสมอ การเป็นพระสันตะปาปาไม่มีความเป็นส่วนตัว แต่หมายถึงการอุทิศตนทั้งครบเพื่อพระศาสนจักร เพื่อประชากรของพระเจ้าทุกคน พ่อกำลังจะไม่มีบทบาทอำนาจในพระศาสนจักร แต่พ่อจะรับใช้พระศาสนจักรด้วยการภาวนาตลอดไป

Rimanerai sempre con noi (พระองค์จะอยู่กับพวกเราเสมอไป)
Viva Papa! (ขอพระองค์ทรงพระเจริญ)

Don Daniele
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
28 กุมภาพันธ์ 2013

 

 

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น