คนใบ้หูหนวก
วันอาทิตย์ สัปดาห์ที่ 23
เทศกาลธรรมดา
ปี B
|
อสย 35:4-7
ยก 2:1-5
มก 7:31-37
|
บทนำ
ชายชราคนหนึ่งพูดกับแพทย์ประจำครอบครัวว่า
“คุณหมอ ผมคิดว่าภรรยาของผมเริ่มมีอาการหูหนวกแล้ว” หมอจึงให้คำแนะนำว่า “งั้นดีเลย
ให้คุณทดสอบประสาทการได้ยินของภรรยา โดยยืนอยู่ให้ห่างเธอและถามคำถามเธอ
หากเธอยังไม่ได้ยินให้ขยับใกล้เข้ามาอีกและถามคำถามเดิมอีกครั้ง ทำเช่นนี้จนกว่าคุณจะได้ยินคำตอบจากเธอ
หมอถึงจะวินิจฉัยได้ว่าอาการได้ยินของภรรยาคุณรุนแรงแค่ไหน”
ชายชรากลับบ้านและเริ่มการทดสอบตามคำแนะนำของหมอ
เมื่อเดินเข้าประตูบ้านเขาก็ถามภรรยาทันทีว่า “ที่รัก เย็นนี้ทำอะไรกินละ”
เขาไม่ได้ยินคำตอบ จึงขยับเข้าใกล้เธอและถามอีกว่า “ที่รัก เย็นนี้ทำอะไรกินละ”
เขายังคงไม่ได้รับคำตอบและทำเช่นนี้อีกหลายครั้ง จนกระทั่งเขามายืนอยู่ต่อหน้าภรรยาและถามคำถามเดิมอีกครั้ง
ที่สุด ภรรยาตอบเขาว่า “นี่คุณ ฉันบอกคุณเป็นครั้งที่สิบเอ็ดแล้วว่า ไข่เจียวกับคะน้าหมูกรอบ ถามอยู่ได้”
ในพระวรสารวันนี้พูดถึงการทำอัศจรรย์รักษาคนใบ้หูหนวกของพระเยซูเจ้า
เราได้รับการเชื่อเชิญให้เปิดหู เปิดตาและลิ้นของเรา ในการภาวนาเพื่อบรรดาคริสตชนให้มีความกล้าหาญ
ในการเป็นปากเป็นเสียงแทนเสียงร้องที่ไม่มีใครได้ยิน
คนที่ต้องการความช่วยเหลือและถูกทอดทิ้งในสังคม
อีกทั้งเปิดหูของเราเพื่อฟังพระวาจาของพระเจ้า และปล่อยให้พระจิตเจ้าได้คลายลิ้นของเราในการนำข่าวดีแห่งความรักของพระเจ้าและความรอดไปสู่ผู้อื่น
1.
คนใบ้หูนวก
คนส่วนใหญ่มักคิดว่าการตาบอดเลวร้ายกว่าการหูหนวก
แต่เฮเลน เคลเลอร์ (Helen Keller) ซึ่งเกิดมาตาบอดและหูหนวก
ได้บอกให้เราทราบว่าการหูหนวกเป็นอะไรที่หนักหนากว่าการพิการใดๆ
เพราะเมื่อเราไม่ได้ยินอะไร ประตูทุกบานของโลกแห่งความเป็นจริงก็ปิดลง
การฟังวิทยุเป็นสิ่งที่ไร้ความหมาย การดูโทรทัศน์เป็นอะไรที่จืดชืด
การสนทนากับใครสักคนเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ที่สุดเราก็จะรู้สึกโดดเดี่ยว ถูกทอดทิ้งและกลายเป็นคนไร้ค่า
เรื่องราวของคนหูหนวกช่วยเราให้เข้าใจพระวรสารวันนี้ดียิ่งขึ้น
ทำให้เราเข้าใจคนใบ้หูหนวกที่พระเยซูเจ้าทรงรักษาเขาอย่างลึกซึ้ง เพราะนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ทำให้เขารู้สึกว่ายังมีตัวตนและคุณค่าอยู่
การรักษาคนใบ้หูหนวกของพระเยซูเจ้าได้แสดงให้เห็นเครื่องหมายที่สำคัญ 2 ประการ นั่นคือ
1)
ทำให้ประชาชนรู้ว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นผู้ช่วยให้รอด
(Messiah) ตามที่ประกาศกอิสยาห์พูดถึงในบทอ่านแรกว่า
เมื่อพระผู้ช่วยให้รอดเสด็จมา “คนหูหนวกจะได้ยิน คนง่อยจะกระโดดได้อย่างกวาง
และคนใบ้จะร้องตะโกนด้วยความยินดี”
2)
ทำให้ประชาชนได้เห็นถึงความรักของพระเจ้า
พระเยซูเจ้าได้ทรงแสดงให้คนใบ้หูหนวกได้ตระหนักในความรักของพระองค์ที่มีต่อเขา
ทรงเห็นใจสถานการณ์ที่เขากำลังเผชิญอยู่ ช่วยให้เขาหายจากการเป็นใบ้และหูหนวก สามารถสื่อสารกับใครได้
2.
บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าในวันนี้
ได้ให้บทเรียนและแนวปฏิบัติสำหรับเราคริสตชนหลายประการ
ประการแรก
เราต้องช่วยพระเยซูเจ้ารักษาอาการหูหนวกและเป็นใบ้ในปัจจุบัน
พระเยซูเจ้าทรงประสงค์จะมอบอำนาจในการรักษาด้วยการสัมผัสลิ้นของเรา
เพื่อพระองค์จะได้พูดกับคนยากจน คนไร้ที่พึ่งและถูกทอดทิ้งในสังคมผ่านทางตัวเรา
ทรงเชื้อเชิญเราให้มอบหัวใจของเรากับพระองค์ เพื่อพระองค์จะสามารถสัมผัสชีวิตของคนเหล่านี้ด้วยความรัก
เหมือนอย่างนักบุญฟรังซิส อัสซีซี นักบุญวินเซนต์ เดอ ปอลและบุญราศีแม่เทเรซาแห่งกัลกัตตา
ในอันที่จะช่วยเราให้นำความรัก ความหวังและสันติสุขไปสู่คนที่อยู่รอบข้าง สังคมและหมู่บ้านของเรา
ประการที่สอง เราต้องให้พระเยซูเจ้ารักษาอาการหูหนวกและเป็นใบ้ฝ่ายจิตของเรา
เพื่อเราจะได้ยินพระวาจาของพระองค์ที่ตรัสกับเราผ่านทางพระคัมภีร์และพระศาสนจักร
เราต้องเลียนแบบคนใบ้หูหนวกในพระวรสาร ในการแสวงหาพระเยซูเจ้า
ติดตามพระองค์และใช้เวลาในการเรียนรู้จักพระองค์ให้มากยิ่งขึ้น ผ่านทางการอ่านพระคัมภีร์และการภาวนาอย่างสม่ำเสมอ
ประการที่สาม เราต้องเปิดใจต่อพระเจ้าและผู้อื่น
พระเยซูเจ้าแสดงให้เห็นการเปิดต่อพระเจ้าและความรักที่มีต่อมนุษย์ผ่านทางคำพูด
กิจการและการอัศจรรย์ พระองค์ทรงกระทำแต่สิ่งที่ดีทั้งนั้น
ชีวิตของเราจะต้องเป็นเครื่องหมายแห่งความรัก ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ที่ให้เกียรติและรักทุกคนโดยไม่แบ่งแยกและทำแต่สิ่งที่ดีในชีวิต
หลีกหนีหรือลดละเลิกสิ่งที่ไม่ดีต่างๆ เช่น ความเห็นแก่ตัว ความอิจฉาริษยา
ความเกลียดชัง การพนันและยาเสพติด เป็นต้น
บทสรุป
พี่น้องที่รัก การรักษาคนใบ้หูหนวกในพระวรสาร
ได้เปิดเผยให้เราทราบว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดที่ชาวยิวรอคอย
อีกทั้งเปิดเผยให้เห็นถึงความรักของพระเจ้าที่มีต่อคนที่กำลังทุกข์ยากเดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือ
ทรงรู้สึกเห็นใจและสงสารคนที่กำลังอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น และทรงกระทำการบางอย่างโดยไม่ลังเลเพื่อช่วยเขาให้พ้นจากสภาพดังกล่าว
เราได้รับการเชื่อเชิญให้เปิดหูและลิ้นของเรา
ในการภาวนาเพื่อบรรดาคริสตชนให้มีความกล้าหาญ
ในการเป็นปากเป็นเสียงแทนเสียงร้องที่ไม่มีใครได้ยิน
คนที่ต้องการความช่วยเหลือและถูกทอดทิ้งในสังคม
อีกทั้งเปิดหูของเราเพื่อฟังพระวาจาของพระเจ้า
และปล่อยให้พระจิตเจ้าได้คลายลิ้นของเรา
ในการนำข่าวดีแห่งความรักของพระเจ้าและความรอดไปสู่ผู้อื่น
คุณพ่อขวัญ
ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว06 สิงหาคม 2012
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น