วันศุกร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2555

คนใบ้หูหนวก


คนใบ้หูหนวก

วันอาทิตย์ สัปดาห์ที่ 23
เทศกาลธรรมดา
ปี B
อสย 35:4-7
ยก 2:1-5
มก 7:31-37

บทนำ

 ชายชราคนหนึ่งพูดกับแพทย์ประจำครอบครัวว่า “คุณหมอ ผมคิดว่าภรรยาของผมเริ่มมีอาการหูหนวกแล้ว” หมอจึงให้คำแนะนำว่า “งั้นดีเลย ให้คุณทดสอบประสาทการได้ยินของภรรยา โดยยืนอยู่ให้ห่างเธอและถามคำถามเธอ หากเธอยังไม่ได้ยินให้ขยับใกล้เข้ามาอีกและถามคำถามเดิมอีกครั้ง ทำเช่นนี้จนกว่าคุณจะได้ยินคำตอบจากเธอ หมอถึงจะวินิจฉัยได้ว่าอาการได้ยินของภรรยาคุณรุนแรงแค่ไหน”

ชายชรากลับบ้านและเริ่มการทดสอบตามคำแนะนำของหมอ เมื่อเดินเข้าประตูบ้านเขาก็ถามภรรยาทันทีว่า “ที่รัก เย็นนี้ทำอะไรกินละ” เขาไม่ได้ยินคำตอบ จึงขยับเข้าใกล้เธอและถามอีกว่า “ที่รัก เย็นนี้ทำอะไรกินละ” เขายังคงไม่ได้รับคำตอบและทำเช่นนี้อีกหลายครั้ง จนกระทั่งเขามายืนอยู่ต่อหน้าภรรยาและถามคำถามเดิมอีกครั้ง ที่สุด ภรรยาตอบเขาว่า “นี่คุณ ฉันบอกคุณเป็นครั้งที่สิบเอ็ดแล้วว่า ไข่เจียวกับคะน้าหมูกรอบ ถามอยู่ได้”

ในพระวรสารวันนี้พูดถึงการทำอัศจรรย์รักษาคนใบ้หูหนวกของพระเยซูเจ้า เราได้รับการเชื่อเชิญให้เปิดหู เปิดตาและลิ้นของเรา ในการภาวนาเพื่อบรรดาคริสตชนให้มีความกล้าหาญ ในการเป็นปากเป็นเสียงแทนเสียงร้องที่ไม่มีใครได้ยิน คนที่ต้องการความช่วยเหลือและถูกทอดทิ้งในสังคม อีกทั้งเปิดหูของเราเพื่อฟังพระวาจาของพระเจ้า และปล่อยให้พระจิตเจ้าได้คลายลิ้นของเราในการนำข่าวดีแห่งความรักของพระเจ้าและความรอดไปสู่ผู้อื่น

1.           คนใบ้หูนวก

คนส่วนใหญ่มักคิดว่าการตาบอดเลวร้ายกว่าการหูหนวก แต่เฮเลน เคลเลอร์ (Helen Keller) ซึ่งเกิดมาตาบอดและหูหนวก ได้บอกให้เราทราบว่าการหูหนวกเป็นอะไรที่หนักหนากว่าการพิการใดๆ เพราะเมื่อเราไม่ได้ยินอะไร ประตูทุกบานของโลกแห่งความเป็นจริงก็ปิดลง การฟังวิทยุเป็นสิ่งที่ไร้ความหมาย การดูโทรทัศน์เป็นอะไรที่จืดชืด การสนทนากับใครสักคนเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ที่สุดเราก็จะรู้สึกโดดเดี่ยว ถูกทอดทิ้งและกลายเป็นคนไร้ค่า

เรื่องราวของคนหูหนวกช่วยเราให้เข้าใจพระวรสารวันนี้ดียิ่งขึ้น ทำให้เราเข้าใจคนใบ้หูหนวกที่พระเยซูเจ้าทรงรักษาเขาอย่างลึกซึ้ง เพราะนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ทำให้เขารู้สึกว่ายังมีตัวตนและคุณค่าอยู่ การรักษาคนใบ้หูหนวกของพระเยซูเจ้าได้แสดงให้เห็นเครื่องหมายที่สำคัญ 2 ประการ นั่นคือ

1)           ทำให้ประชาชนรู้ว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นผู้ช่วยให้รอด (Messiah) ตามที่ประกาศกอิสยาห์พูดถึงในบทอ่านแรกว่า เมื่อพระผู้ช่วยให้รอดเสด็จมา “คนหูหนวกจะได้ยิน คนง่อยจะกระโดดได้อย่างกวาง และคนใบ้จะร้องตะโกนด้วยความยินดี”

2)           ทำให้ประชาชนได้เห็นถึงความรักของพระเจ้า พระเยซูเจ้าได้ทรงแสดงให้คนใบ้หูหนวกได้ตระหนักในความรักของพระองค์ที่มีต่อเขา ทรงเห็นใจสถานการณ์ที่เขากำลังเผชิญอยู่ ช่วยให้เขาหายจากการเป็นใบ้และหูหนวก สามารถสื่อสารกับใครได้

2.           บทเรียนสำหรับเรา

พระวาจาของพระเจ้าในวันนี้ ได้ให้บทเรียนและแนวปฏิบัติสำหรับเราคริสตชนหลายประการ

ประการแรก เราต้องช่วยพระเยซูเจ้ารักษาอาการหูหนวกและเป็นใบ้ในปัจจุบัน พระเยซูเจ้าทรงประสงค์จะมอบอำนาจในการรักษาด้วยการสัมผัสลิ้นของเรา เพื่อพระองค์จะได้พูดกับคนยากจน คนไร้ที่พึ่งและถูกทอดทิ้งในสังคมผ่านทางตัวเรา ทรงเชื้อเชิญเราให้มอบหัวใจของเรากับพระองค์ เพื่อพระองค์จะสามารถสัมผัสชีวิตของคนเหล่านี้ด้วยความรัก เหมือนอย่างนักบุญฟรังซิส อัสซีซี นักบุญวินเซนต์ เดอ ปอลและบุญราศีแม่เทเรซาแห่งกัลกัตตา ในอันที่จะช่วยเราให้นำความรัก ความหวังและสันติสุขไปสู่คนที่อยู่รอบข้าง สังคมและหมู่บ้านของเรา

ประการที่สอง เราต้องให้พระเยซูเจ้ารักษาอาการหูหนวกและเป็นใบ้ฝ่ายจิตของเรา เพื่อเราจะได้ยินพระวาจาของพระองค์ที่ตรัสกับเราผ่านทางพระคัมภีร์และพระศาสนจักร เราต้องเลียนแบบคนใบ้หูหนวกในพระวรสาร ในการแสวงหาพระเยซูเจ้า ติดตามพระองค์และใช้เวลาในการเรียนรู้จักพระองค์ให้มากยิ่งขึ้น ผ่านทางการอ่านพระคัมภีร์และการภาวนาอย่างสม่ำเสมอ

ประการที่สาม เราต้องเปิดใจต่อพระเจ้าและผู้อื่น พระเยซูเจ้าแสดงให้เห็นการเปิดต่อพระเจ้าและความรักที่มีต่อมนุษย์ผ่านทางคำพูด กิจการและการอัศจรรย์ พระองค์ทรงกระทำแต่สิ่งที่ดีทั้งนั้น ชีวิตของเราจะต้องเป็นเครื่องหมายแห่งความรัก ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ที่ให้เกียรติและรักทุกคนโดยไม่แบ่งแยกและทำแต่สิ่งที่ดีในชีวิต หลีกหนีหรือลดละเลิกสิ่งที่ไม่ดีต่างๆ เช่น ความเห็นแก่ตัว ความอิจฉาริษยา ความเกลียดชัง การพนันและยาเสพติด เป็นต้น

บทสรุป

พี่น้องที่รัก การรักษาคนใบ้หูหนวกในพระวรสาร ได้เปิดเผยให้เราทราบว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดที่ชาวยิวรอคอย อีกทั้งเปิดเผยให้เห็นถึงความรักของพระเจ้าที่มีต่อคนที่กำลังทุกข์ยากเดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือ ทรงรู้สึกเห็นใจและสงสารคนที่กำลังอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น และทรงกระทำการบางอย่างโดยไม่ลังเลเพื่อช่วยเขาให้พ้นจากสภาพดังกล่าว

เราได้รับการเชื่อเชิญให้เปิดหูและลิ้นของเรา ในการภาวนาเพื่อบรรดาคริสตชนให้มีความกล้าหาญ ในการเป็นปากเป็นเสียงแทนเสียงร้องที่ไม่มีใครได้ยิน คนที่ต้องการความช่วยเหลือและถูกทอดทิ้งในสังคม อีกทั้งเปิดหูของเราเพื่อฟังพระวาจาของพระเจ้า และปล่อยให้พระจิตเจ้าได้คลายลิ้นของเรา ในการนำข่าวดีแห่งความรักของพระเจ้าและความรอดไปสู่ผู้อื่น

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
06 สิงหาคม 2012

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น