ผู้นำวิถีชุมชนวัดนาบัวที่เข้าร่วมการอบรมพระคัมภีร์ที่วัดดอนม่วย 18 สิงหาคม 2012
การอัศจรรย์ของพระเยซูเจ้า
(Miracles of Jesus)
เอกสารประกอบการอบรมพระคัมภีร์เขตตะวันตก
ครั้งที่ 3
ณ วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย; 18 สิงหาคม 2012
บทนำ
คำว่า “อัศจรรย์” เป็นคำที่เราคนไทยใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน
เช่น เมื่อใครคนหนึ่งรอดชีวิตจากอุบัติเหตุร้ายแรงแบบไม่น่ารอด เรามักพูดว่า “เขารอดชีวิตอย่างอัศจรรย์” แต่สำหรับเราคริสตชนการจะเรียกสิ่งใดหรือเหตุการณ์หนึ่งเป็นอัศจรรย์ได้
เหตุการณ์นั้นจะต้อง 1) เป็นสิ่งที่ปรากฏชัดแจ้ง, 2) เป็นสิ่งเหนือธรรมชาติ และ 3) เป็นเครื่องหมายนำสารของพระเจ้า
การอัศจรรย์ของพระเยซูเจ้าคือ
การกระทำเหนือธรรมชาติของพระเยซูเจ้าที่บันทึกไว้ในพระวรสาร
ถือเป็นส่วนหนึ่งในพันธกิจที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำ
หากเราอ่านบทสรุปของพระวรสารตามคำเล่าของนักบุญยอห์น เราจะพบข้อความที่ว่า “ยังมีเรื่องราวอื่นๆ อีกมากมายที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำ
ซึ่งถ้าจะเขียนลงไว้ทีละเรื่องทั้งหมด ข้าพเจ้าคิดว่า
โลกทั้งโลกคงไม่พอบรรจุหนังสือที่จะต้องเขียนนั้น” (ยน 21:25) แสดงว่ามีเหตุการณ์และการกระทำอีกมากมายที่มิได้บันทึกไว้
ในพระวรสารสหทรรศน์
พระเยซูเจ้าทรงปฏิเสธที่จะใช้อัศจรรย์เพื่อพิสูจน์ให้เห็นถึงอำนาจที่พระองค์มี “คนชั่วร้ายและไม่ซื่อสัตย์ต้องการเห็นเครื่องหมายนี้รึ
จะไม่มีเครื่องหมายใดให้เห็น เว้นแต่เครื่องหมายของประกาศกโยนาห์เท่านั้น”
(มธ 12:39; 16:4), (มก 8:11-12)
และ (ลก 11:29-30) ในพระวรสารของนักบุญยอห์นกล่าวถึงอัศจรรย์ที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำตลอดพันธกิจเพียง
7 ครั้ง และท่านเรียกว่า
“เครื่องหมายอัศจรรย์” เพื่อสื่อความถึงความจริงบางอย่าง
คุณพ่อพรทวี โสรินทร์ หัวหน้าเขตตะวันตก กล่าวเปิดการอบรม
1.
ประเภทของอัศจรรย์
เครื่องหมายอัศจรรย์ที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำและบันทึกไว้ในพระวรสาร
สามารถจำแนกออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้
1.1
การรักษา (Cures)
พระเยซูเจ้าทรงรักษาคนหลายประเภทในพระวรสาร
ได้แก่
1)
การรักษาคนตาบอด
มีกล่าวถึง 4 ครั้ง
Ø ทรงรักษาคนตาบอดที่เบธไซดา (มก 8:22-26)
Ø ทรงรักษาคนตาบอดใกล้เมืองเยรีโค (มธ 20:29-34), (มก 10:46-52), (ลก 18:35-43)
Ø ทรงรักษาคนตาบอดสองคนที่กาลิลี (มธ 9:27-31)
Ø ทรงรักษาชายตาบอดแต่กำเนิด (ยน 9:1-12)
2)
การรักษาคนโรคเรื้อน
Ø ทรงรักษาคนโรคเรื้อนตอนเริ่มต้นพันธกิจ (มธ 8:1-4), (มก 1:40-45), (ลก 5:12-16)
Ø ทรงรักษาคนโรคเรื้อนสิบคนขณะเดินทางไปเยรูซาเล็ม
(ลก 17:11-19)
3)
การรักษาคนอัมพาตและพิการ
4)
การรักษาคนป่วยทั่วไป
1.2
การขับไล่ปีศาจ (Exorcisms)
ตามคำเล่าของพระวรสารสหทรรศน์
พระเยซูเจ้าทรงขับไล่ปีศาจหลายครั้ง แต่ไม่มีกล่าวถึงในพระวรสารของนักบุญยอห์น
พระเยซูเจ้าทรงชี้ให้เห็นว่าพระองค์มีอำนาจในการขับไล่ปีศาจ ในฐานะที่เป็นเครื่องหมายของการเป็นพระแมสิยาห์ของพระองค์
และทรงประทานอำนาจให้บรรดาศิษย์ให้ขับไล่ปีศาจในนามของพระองค์ (มธ 10:1, 10), (มก 6:7; 16:17), (ลก 9:1)
1.3
การปลุกให้ฟื้นคืนชีพ (Resurrection of the dead)
ในพระวรสารทั้งสี่
นอกเหนือจากการกล่าวถึงการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้าเองแล้ว
ยังกล่าวถึงการปลุกให้ฟื้นคืนชีพจากความตามอีก 3
ครั้ง
1)
ทรงปลุกบุตรชายของหญิงม่ายที่เมืองนาอิน (ลก 7:11-17)
2)
ทรงปลุกบุตรสาวของไยรัส (มธ 9:18-26), (มก 5:21-43), (ลก 8:40-56)
3)
การกลับคืนชีพของลาซารัส (ยน 11:1-44)
1.4
การบังคับควบคุมธรรมชาติ (Control over nature)
พระเยซูเจ้าทรงแสดงถึงอำนาจเหนือธรรมชาติหลายอย่าง
เราพบอำนาจในการบังคับควบคุมธรรมชาติตั้งแต่เริ่มแรกของการประกาศข่าวดีคือ การเปลี่ยนน้ำให้เป็นเหล้าองุ่นในการแต่งงานที่เมืองคานา
(ยน 2:1-12) จนถึงเหตุการณ์สุดท้ายหลังการกลับคืนชีพคือ
การจับปลา 153 ตัว (ยน
21:1-24) ทั้งสองเหตุการณ์มีกล่าวถึงแต่เฉพาะในพระวรสารของนักบุญยอห์นเท่านั้น
มีผู้นำวิถีชุมชนวัดจากวัดต่างๆ ในเขตตะวันตกเข้าร่วม 179 คน
2.
การตีความ
คริสตชนโดยทั่วไปเชื่อว่าการอัศจรรย์ของพระเยซูเจ้า
เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์
และถือเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญในชีวิตของพระองค์ที่พิสูจน์ถึงความเป็นพระเจ้าของพระองค์
เนื่องจากพระเยซูเจ้ามีสองธรรมชาติคือ ธรรมชาติมนุษย์และธรรมชาติพระเจ้า
การที่พระองค์ทรงรู้สึกหิว เหน็ดเหนื่อยและสิ้นพระชนม์
นั่นคือเหตุการณ์ที่แสดงถึงความเป็นมนุษย์ ส่วนการอัศจรรย์ต่างๆ
ที่ทรงกระทำเป็นเหตุการณ์ที่แสดงถึงความเป็นพระเจ้าของพระองค์
แต่นักพระคัมภีร์และนักเขียนคริสตชนหลายคนมองว่า
การอัศจรรย์ที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำ มิใช่กิจการที่แสดงถึงอำนาจและพลานุภาพยิ่งใหญ่ของพระองค์
แต่เป็นกิจการแห่งความรักและความเมตตากรุณา
ที่สะท้อนความสงสารที่มีต่อคนบาปและผู้ที่กำลังทุกข์ยากเดือดร้อน
และการอัศจรรย์แต่ละอย่างมีคำสอนเฉพาะที่พระองค์ทรงต้องการสอนเรา
การอัศจรรย์ที่กล่าวถึงในพระวรสารมีจุดมุ่งหมายที่สำคัญสองประการคือ
เพื่อประกาศพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า
และเป็น หลักฐานพยานที่มีคุณค่าในตัวเอง
พระเยซูเจ้าทรงอ้างถึงงานที่ทรงกระทำว่าเป็นพยานถึง “พันธกิจ”
และ “ความเป็นพระเจ้า” ของพระองค์
ทรงยืนยันว่า การอัศจรรย์ที่ทรงกระทำเป็นคำยืนยันที่ยิ่งใหญ่กว่าคำพยานของยอห์น
บัปติสต์ (ยน 5:36) “...แม้ว่าท่านทั้งหลายไม่เชื่อเรา
อย่างน้อยก็จงเชื่อในกิจการที่เราทำนั้นเถิด
แล้วท่านจะรู้และเข้าใจว่าพระบิดาสถิตอยู่ในเรา และเราอยู่ในพระบิดา” (ยน 10:37-38)
คริสตชนถือเสมอมาว่า
การอัศจรรย์ของพระเยซูเจ้าเป็นเหมือนสื่อที่นำสารของพระเจ้า
เช่นเดียวกับพระวาจาของพระองค์ เราพบความจริงว่าอัศจรรย์หลายครั้งเน้นความสำคัญของความเชื่อ
ดังเช่น
·
การรักษาคนโรคเรื้อนสิบคน พระเยซูเจ้ามิได้ตรัสว่า
“อำนาจของเราช่วยเจ้าให้รอด” แต่ตรัสว่า “จงลุกขึ้น
ไปเถิด ความเชื่อของท่านทำให้ท่านรอดพ้นแล้ว” (ลก 17:19)
·
การดำเนินบนน้ำ
เปโตรได้บทเรียนที่สำคัญเกี่ยวกับความเชื่อ
เพราะการขาดความเชื่อจึงทำให้ท่านเริ่มจมลง (มธ 14:31)
พระเยซูเจ้าต้องการสอนบรรดาอัครสาวกว่าเมื่อเผชิญกับความยากลำบาก
ก่อนอื่นพวกเขาจะต้องมีความเชื่อในพระองค์
·
การรักษาผู้หญิงที่ตกเลือดมาสิบสองปี พระเยซูเจ้าได้ตรัสกับเธอว่า “ความเชื่อของท่าน
ช่วยท่านให้รอดพ้นแล้ว” (มธ 9:22)
แต่บางอัศจรรย์สื่อถึงความจริงบางอย่าง
เช่น การทวีขนมปังเลี้ยงคนมากกว่า 5,000 คน พระเยซูเจ้าทรงเชิญชวนเราให้ร่วมมือกับพระองค์ในการทำอัศจรรย์
เหมือนเด็กคนนั้นที่ได้มอบ “ขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัว”
ซึ่งเป็นอาหารสำหรับตัวเขาให้กับพระองค์ ทรงกล่าวถวายพระพรและแบ่งให้ทุกคน เมื่อทุกคนเห็นแบบอย่างนี้ต่างนำอาหารที่ตนเองเตรียมมาแบ่งปันกันอัศจรรย์จึงเกิดขึ้น
นั่นคือ ทรงเปลี่ยนใจที่เห็นแก่ตัวของพวกเขาแต่ละคนให้เป็นคนใจกว้างและคิดถึงคนอื่น
ส่วนนักบุญยอห์นนำเสนอเรื่องนี้เพื่อหมายถึง “ศีลมหาสนิท”
ที่พระองค์จะประทานให้
ระหว่างการอบรม คุณพ่อวีระเดช ใจเสรี อุปสังฆราช ได้มาเยี่ยมและให้กำลังใจ
3.
ความหมายและคุณค่า
3.1
การอัศจรรย์อธิบายให้เราทราบถึงพันธกิจของพระเยซูเจ้า
การอัศจรรย์ที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำ
เป็นสัญลักษณ์ภายนอกที่บอกให้เราทราบถึงพันธกิจของพระองค์ เช่น การรักษาคนตาบอดใกล้เมืองเยรีโค ก่อนหน้าเหตุการณ์นี้พระเยซูเจ้าพยายามอธิบายว่า
พระองค์เสด็จมาเพื่อไถ่บาปมนุษย์ด้วยพระทรมานของพระองค์ แต่บรรดาศิษย์ไม่เข้าใจ
(ลก 18:34) พวกเขายังคงบอดมืด การรักษาคนตาบอดจึงบ่งบอกว่า พระองค์เสด็จมาเพื่อช่วยเราให้มองเห็น
ทำให้ความบอดมืดของมนุษย์หมดสิ้นไป
3.2
การอัศจรรย์เปิดเผยให้เราเข้าใจถึงสภาวะพระเจ้าของพระเยซูเจ้า
การอัศจรรย์ที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำ
ทำให้ชาวยิวตระหนักถึงลักษณะพิเศษและธรรมชาติพระเจ้าของพระองค์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปลุกคนตายให้ฟื้นคืนชีพ ชีวิตเป็นของประทานจากพระผู้สร้าง
ทุกชีวิตขึ้นอยู่กับพระองค์และแสดงถึงพระพลานุภาพของพระองค์ ดังพระดำรัสที่ว่า “พระบิดาทรงทำให้ผู้ตายกลับคืนชีพ และประทานชีวิตให้ฉันใด
พระบุตรก็ประทานชีวิตให้แก่ผู้ที่พอพระทัยฉันนั้น” (ยน 5:21)
3.3
การอัศจรรย์พิสูจน์ว่าพระเยซูเจ้าเป็นพระแมสิยาห์ที่พันธสัญญาเก่ากล่าวถึง
ชาวยิวรอคอยพระแมสิยาห์ตามที่พระเจ้าทรงสัญญามาเป็นเวลานาน พระเยซูเจ้าทรงยืนยันความจริงนี้ในศาลาธรรมเมืองนาซาเร็ธ
“พระจิตของพระเจ้าทรงอยู่เหนือข้าพเจ้า
เพราะพระองค์ทรงเจิมข้าพเจ้าไว้ให้ประกาศข่าวดีแก่คนยากจน
ทรงส่งข้าพเจ้าไปประกาศข่าวดีแก่ผู้ถูกจองจำ คืนสายตาให้แก่คนตาบอด
ปลดปล่อยผู้ถูกกดขี่ให้เป็นอิสระ ประกาศปีแห่งความโปรดปรานของพระเจ้า” (ลก 4:18)
อีกครั้งหนึ่งเมื่อยอห์น
บัปติสต์ถูกจองจำอยู่ในคุกได้ยินกิตติศัพท์ที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำ
จึงส่งศิษย์ไปทูลถามพระองค์ว่าเป็นผู้ที่จะมาหรือต้องคอยใครอีก
และพระองค์ตรัสตอบว่า “จงไปบอกยอห์นถึงสิ่งที่ท่านได้ยินและได้เห็น
คนตาบอดกลับแลเห็น คนง่อยเดินได้ คนโรคเรื้อนหายจากโรค คนหูหนวกได้ยิน
คนตายกลับคืนชีพ คนจนได้รับการประกาศข่าวดี” (มธ 11:2-6) การอัศจรรย์ที่ทรงกระทำจึงเป็นข้อพิสูจน์ว่าพระองค์เป็นพระแมสิยาห์ที่พวกเขารอคอย
ตอนบ่ายมีการแบ่งกลุ่มเพื่อฝึกการเปิดใช้พระคัมภีร์เป็นรายบุคคล
4.
อัศจรรย์ที่พบในพระวรสาร
ที่
|
เหตุการณ์
|
มัทธิว
|
มาระโก
|
ลูกา
|
ยอห์น
|
1
|
งานสมรสที่หมู่บ้านคานา
|
ยน 2:1-11
|
|||
2
|
ทรงรักษาคนถูกปีศาจสิงที่กาเปอร์นาอุม
|
มก 1:21-28
|
ลก 4:31-37
|
||
3
|
การจับปลาอย่างอัศจรรย์
|
ลก 5:1-11
|
|||
4
|
ทรงปลุกบุตรชายของหญิงม่ายที่นาอิน
|
ลก 7:11-17
|
|||
5
|
ทรงรักษาคนโรคเรื้อน
|
มธ 8:1-4
|
มก 1:40-45
|
ลก 5:12-16
|
|
6
|
ทรงรักษาผู้รับใช้ของนายร้อย
|
มธ 8:5-13
|
ลก 7:1-10
|
ยน 4:46-54
|
|
7
|
ทรงรักษาแม่ยายของเปโตร
|
มธ 8:14-17
|
มก 1:29-34
|
ลก 4:38-41
|
|
8
|
ทรงรักษาผู้ป่วยจำนวนมาก
|
มธ 8:16-17
|
มก 1:32-34
|
ลก 4:40-41
|
|
9
|
ทรงทำให้พายุสงบ
|
มธ 8:23-27
|
มก 4:35-41
|
กก 8:22-25
|
|
10
|
ทรงรักษาชาวเกราซาที่ถูกปีศาจสิง
|
มธ 8:28-34
|
มก 5:1-20
|
ลก 8:26-39
|
|
11
|
ทรงรักษาคนอัมพาต
|
มก 2:1-12
|
ลก 5:17-26
|
||
12
|
ทรงปลุกบุตรสาวของไยรัสให้คืนชีพ
|
มธ 9:18-26
|
มก 5:21-43
|
ลก 8:40-56
|
|
13
|
ทรงรักษาหญิงตกเลือด
|
มธ 9:20-22
|
มก 5:24-34
|
ลก 8:43-48
|
|
14
|
ทรงรักษาคนตาบอดสองคนที่กาลิลี
|
มธ 9:27-31
|
|||
15
|
ทรงรักษาคนใบ้ที่ถูกปีศาจสิง
|
มธ 9:32-34
|
|||
16
|
ทรงรักษาผู้ป่วยที่สระเบเธสดา
|
ยน 5:1-18
|
|||
17
|
ทรงรักษาชายมือลีบ
|
มธ 12:9-13
|
มก 3:1-6
|
ลก 6:6-11
|
|
18
|
ทรงขับไล่ปีศาจชายที่ตาบอดและเป็นใบ้
|
มธ 12:22-28
|
มก 3:20-30
|
ลก 11:14-23
|
|
19
|
ทรงรักษาหญิงพิการ
|
ลก 13:10-17
|
|||
20
|
มธ 14:13-21
|
มก 6:31-34
|
ลก 9:10-17
|
ยน 6:5-15
|
|
21
|
ทรงดำเนินบนน้ำ
|
มก 14:22-33
|
มก 6:45-52
|
||
22
|
ทรงรักษาคนป่วยที่เยเนซาเร็ธ
|
มธ 14:34-36
|
มก 6:53-56
|
||
23
|
ทรงรักษาบุตรสาวของหญิงคานาอัน
|
มธ 15:21-28
|
มก 7:24-30
|
||
24
|
ทรงรักษาคนใบ้หูนวก
|
มก 7:31-37
|
|||
25
|
ทรงทวีขนมปังเลี้ยงคน
4,000 คน
|
มธ 15:32-39
|
มก 8:1-9
|
||
26
|
ทรงรักษาคนตาบอดที่เมืองเบธไซดา
|
มก 8:22-26
|
|||
27
|
ทรงสำแดงพระองค์อย่างรุ่งเรือง
|
มธ 17:1-13
|
มก 9:2-13
|
ลก 9:28-36
|
|
28
|
ทรงรักษาคนถูกปีศาจสิง
|
มธ 17:14-21
|
มก 9:14-29
|
ลก 9:37-49
|
|
29
|
เงินเหรียญในปากปลา
|
มธ 17:24-27
|
|||
30
|
ทรงรักษาคนเป็นโรคบวม
|
ลก 14:1-6
|
|||
31
|
ทรงรักษาคนโรคเรื้อนสิบคน
|
ลก 17:11-19
|
|||
32
|
ทรงรักษาคนตาบอด
|
ยน 9:1-12
|
|||
33
|
ทรงรักษาคนตาบอดใกล้เมืองเยรีโค
|
มธ 20:29-34
|
มก 10:46-52
|
ลก 18:35-43
|
|
34
|
ทรงปลุกลาซารัสให้กลับคืนชีพ
|
ยน 11:1-44
|
|||
35
|
ต้นมะเดื่อเทศไร้ผล
|
มธ 21:18-23
|
มก 11:12-14
|
||
36
|
ทรงรักษาหูผู้รับใช้ของมหาสมณะ
|
ลก 22:49-51
|
|||
37
|
การจับปลา 153 ตัว
|
ยน 21:1-24
|
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์
นาบัว
17 สิงหาคม 2012
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น