ปังทรงชีวิต
วันอาทิตย์ สัปดาห์ที่ 19
เทศกาลธรรมดา
ปี B
|
1 พกษ 19:4-8
อฟ 4:30-5:2
ยน 6:41-51
|
บทนำ
ในแผ่นดินจีนยุคโบราณ จักรพรรดิฉินหรือที่รู้จักกันในชื่อ
“จิ๋นซีฮ่องเต้” (221-210 B.C.) ถือเป็นจักรพรรดิจีนองค์แรกแห่งราชฉิน ที่ได้รวบรวมแผ่นดินจีนให้เป็นปึกแผ่นมั่นคงและเป็นผู้เริ่มสร้างกำแพงเมืองจีน
หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอันเลื่องชื่อ (เพื่อป้องกันการรุกรานของพวกฮั่นจากทางเหนือ)
กำแพงเมืองจีนหรือที่ชาวจีนเรียกว่า “กำแพงหมื่นลี้” ถือเป็นสิ่งก่อสร้างด้วยมือมนุษย์ที่ยิ่งใหญ่และยาวมาก
จากข้อมูลที่ได้รับการเปิดเผยครั้งล่าสุด (7 มิถุนายน 2012) กำแพงนี้ยาวถึง 21,196.18 กิโลเมตร
กล่าวกันว่า จิ๋นซีฮ่องเต้เป็นจักรพรรดิที่กลัวตายมาก
จึงทรงเสาะแสวงหายาอายุวัฒนะที่จะทำให้พระองค์มีพระชนมายุยืนยาวเป็นอมตะ
ทรงเชื่อพวกหมอผีหรือผู้วิเศษที่ปรุงยาถวายเสมอๆ มีเรื่องเล่าว่า
วันหนึ่งผู้วิเศษได้ทูลพระองค์เกี่ยวกับเกาะสวรรค์ในทะเลตะวันออก
ผู้ที่อาศัยในเกาะนี้ได้พบความลับของการมีชีวิตนิรันดร
พระองค์จึงได้จัดส่งเรือบรรทุกของมีค่าไปยังเกาะนี้เพื่อแลกกับความลับดังกล่าว
แต่ชาวเกาะเห็นว่าไม่ว่าของมีค่าใดก็แลกความลับไม่ได้
เรื่องราวของจิ๋นซีฮ่องเต้
สะท้อนความคิดฝันของมนุษย์ตั้งแต่แรกเริ่มมาแล้วที่ต้องการจะมีชีวิตอมตะ อยู่ยงคงกะพันไม่รู้จักตาย
ไม่เว้นแม้แต่ในดินแดนปาเลสไตน์ในสมัยของพระเยซูเจ้า ดังนั้น
เมื่อได้ยินพระเยซูเจ้าพูดถึงชีวิตนิรันดรพวกเขาจึงหูผึ่ง พากันหลั่งไหลไปฟังพระองค์
ชาวยิวมีความเชื่อว่ามี “ชีวิตหลังความตาย”
แต่พวกเขาไม่มีความคิดว่าชีวิตหลังความตายเป็นอย่างไร
1.
ปังทรงชีวิต
เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราเป็นปังทรงชีวิตที่ลงมาจากสวรรค์
ใครที่กินปังนี้จะคงอยู่ตลอดไป” พระองค์ได้เปิดเผยว่าชีวิตในโลกมิใช่มิใช่จุดจบของทุกสิ่ง
แต่มีอีกชีวิตหนึ่งที่ไม่มีวันจบสิ้น นั่นคือ ชีวิตนิรันดรซึ่งจะคงอยู่ตลอดไป
ชาวยิวเมื่อได้ยินเช่นนั้น ต่างรู้สึกแปลกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระดำรัสที่ว่า “เราเป็นปังซึ่งลงมาจากสวรรค์”
พวกเขาต่างวิพากษ์วิจารณ์ไม่เห็นด้วยกับพระองค์ เพราะรู้ว่าพระองค์เป็นใคร
มาจากไหน จนกระทั่งพระองค์กลับคืนชีพจากความตาย
พวกเขาจึงระลึกถึงพระดำรัสนี้ของพระองค์
“ปังทรงชีวิต”
ที่พระเยซูเจ้าตรัสหมายถึง ภาพล่วงหน้าของศีลมหาสนิทที่พระองค์จะประทานแก่บรรดาศิษย์ในการเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้าย
ทำให้พวกเขาได้มีส่วนในชีวิตของพระเจ้าและลิ้มรสล่วงหน้าถึงถึงชีวิตนิรันดร
“ใครที่กินปังนี้จะมีชีวิตอยู่ตลอดไป
และปังที่เราจะให้นี้คือเนื้อของเราเพื่อให้โลกมีชีวิต” (ยน 6:51) ที่ตรัสดังนี้เพราะทรงต้องการให้เราได้ต้อนรับพระองค์เข้ามาในจิตใจของเรา
เพื่อเราจะได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพระเจ้า เพื่อพระองค์จะได้หล่อเลี้ยงจิตใจและวิญญาณของเรา
ดังนั้น เราจึงมาชุมนุมกันในวัดทุกวันอาทิตย์ เพื่อฟัง “พระวาจา”
ของพระองค์เกี่ยวกับชีวิตนิรันดร และหล่อเลี้ยงชีวิตของเราด้วยพระกายของพระองค์ “ปังทรงชีวิต”
พระองค์ทรงเป็นท่อธารนิรันดรที่ประทับท่ามกลางเราขณะนี้ในพระวาจาและศีลมหาสนิท
ซึ่งเป็นศูนย์กลางของชีวิตคริสตชนและเครื่องหมายแห่งความเป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูเจ้าและเพื่อนพี่น้องของเรา
ในศีลมหาสนิททำให้เราได้มีส่วนในพันธสัญญาแห่งความรักของพระเจ้าและมีประสบการณ์โดยตรงกับพระองค์
2.
บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าในวันนี้
ได้ให้บทเรียนและแนวปฏิบัติสำหรับเราคริสตชนหลายประการ
ประการแรก เราต้องกินปังทรงชีวิตและเป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูเจ้า พระเยซูเจ้าทรงต้องการประทับอยู่กับเราและเป็นส่วนหนึ่งแห่งชีวิตของเรา
พระองค์จึงได้ประทานพระองค์เองเป็นอาหารหล่อเลี้ยงชีวิตวิญญาณของเรา ใครที่กินปังนี้ก็เป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์และกับเพื่อนพี่น้อง
มีส่วนในพันธสัญญาแห่งความรักของพระองค์ที่จะทำให้เรามีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับพระองค์และเพื่อนพี่น้อง
ประการที่สอง เราต้องหมั่นรับศีลมหาสนิทเพื่อชีวิตฝ่ายจิตของเราจะได้เติบโตและเข้มแข็ง ทำให้เราสามารถเจริญชีวิตและงานของพระเจ้าในโลก
รับรู้ถึงพระประสงค์ของพระองค์ ตระหนักถึงธรรมล้ำลึกแห่งการประทับอยู่ของพระคริสตเจ้าท่ามกลางเรา
เป็นพลังสำหรับเราในการรักผู้อื่นและทำให้ความเชื่อของหมู่คณะเข้มแข็ง สามารถต่อสู้และเอาชนะการประจญและหลีกหนีบาปต่างๆ
ได้
ประการที่สาม การนำพระเยซูเจ้าไปสู่ผู้อื่น
เมื่อเรารับศีลมหาสนิทเราได้กลายเป็นส่วนหนึ่งแห่งพระกายทิพย์ของพระคริสตเจ้าและเป็นผู้นำพระองค์ไปสู่ผู้อื่น
เราจะต้องไม่ทิ้งพระองค์ไว้ที่วัด แต่ต้องนำพระองค์ออกไปในชีวิตจริงของเราทั้งที่บ้านและที่ทำงาน
ชีวิตของเราจะต้องเป็นเครื่องหมายที่มองเห็นได้แห่งการประทับอยู่ของพระองค์ ด้วยการดำเนินชีวิตในความรัก
ความเมตตา การให้อภัย และการรับใช้ตามแบบอย่างของพระองค์
บทสรุป
พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าทรงเป็นปังทรงชีวิต
อาหารฝ่ายจิตที่หล่อเลี้ยงชีวิตคริสตชนให้เติบโตและเข้มแข็ง ที่ทำให้เราเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์และเพื่อนพี่น้อง
ดังนั้น การไปรับพระองค์ในศีลมหาสนิท
จึงเป็นการประกาศถึงเอกภาพและความเป็นหนึ่งเดียวกันของหมู่คริสตชน
ที่ทุกคนต่างรับปังจากก้อนเดียวกันและดื่มโลหิตจากถ้วยเดียวกัน
คือองค์พระคริสตเจ้า
ดังนั้น
ทุกครั้งที่เรารับศีลมหาสนิทจึงเป็นการย้ำว่า ทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกันและพี่น้องกัน
เราต้องถามตัวเองอยู่เสมอว่าในฐานะที่เป็นคริสตชน
ทุกคนที่สัมผัสชีวิตของเราได้พบกับความรักของพระเยซูเจ้าในตัวเราหรือเปล่า
เราได้กลายเป็นเครื่องมือที่มองเห็นได้แห่งความรัก การให้อภัย การรับใช้และความเป็นหนึ่งเดียวกับกับพระเจ้าและเพื่อนพี่น้องมากน้อยแค่ไหน
ในชีวิตของเรา ครอบครัวของเรา ในหมู่คณะและหมู่บ้านของเรา
คุณพ่อขวัญ
ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว10 สิงหาคม 2012
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น