วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

จงกลับใจและเชื่อข่าวดี


จงกลับใจและเชื่อข่าวดี

วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 1 เทศกาลมหาพรต
ปี B
ปฐก 9: 8-15
1 ปต 3: 18-22
มก 1: 12-15

บทนำ

แอนโทนี เยทส์ อาศัยในอาพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่งของมหานครนิวยอร์ก วันหนึ่งเขาได้นำลูกเสืออายุสองเดือนมาเลี้ยงในห้องพักของตนด้วยเหตุผลส่วนตัวบางอย่าง สองปีผ่านไปลูกเสือตัวนั้นกลายเป็นเสือเบงกอลขนาดใหญ่ น้ำหนักตัวกว่า 200 กิโลกรัม เช้าวันหนึ่งตำรวจได้รับโทรศัพท์แจ้งจากเยทส์ว่าเขาถูกหมากัด เมื่อตำรวจไปถึงห้องพักชั้นสิบเก้า ก็ต้องตกใจเมื่อพบเยทส์ได้รับบาดเจ็บสาหัส มีแผลเหวอะวะตามตัว ที่แขนและขานอนจมกองเลือดอยู่หน้าห้องพัก

เพื่อนบ้านใกล้เคียงได้ให้ข้อมูลแก่ตำรวจว่า เขาไม่ได้ถูกหมากัดหรอก คงถูกเสือที่เขาเลี้ยงไว้ทำร้าย หลายต่อหลายคนเคยห้ามปรามทักท้วงมิให้เอาสัตว์ป่าดุร้ายมาเลี้ยงในห้องพัก แต่เขาไม่เชื่อ คิดเพียงว่าสามารถเลี้ยงให้มันเชื่องได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับแอนโทนี่ เยทส์ สะท้อนความจริงเกี่ยวกับชีวิตของเรามนุษย์ หากเราพึงพอใจในการทดลองหรือการผจญในชีวิต ซึ่งมักจะเริ่มจากสิ่งเล็กน้อย เช่น ขโมยเงิน 10-20 บาท ที่สุดจะตกในบาปที่ชั่วร้ายยิ่งใหญ่กว่านั้นหลายเท่า

เหมือนเรื่องราวของนักร้องร็อกเกอร์หนุ่มผู้โด่งดังคับฟ้าเมืองไทย ที่เปิดเผยในรายการวาไรตี้รายการหนึ่งเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (21 กุมภาพันธ์) เขาสารภาพว่าหลงเดินทางผิด เข้าไปพัวพันกับ ยาเสพติด” ตามอย่างนักร้องนักดนตรีต่างประเทศ ซึ่งเขาคิดว่า ตนเอง “เอาอยู่” สามารถควบคุม “ยานรก” นั้นได้ แต่สิ่งที่เขาคิดดูเหมือนจะตรงข้าม เพราะยาเสพติดมีแต่ให้โทษ นับวันมีแต่จะถลำลึกมากขึ้นกว่าเดิม จนเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องราวใหญ่โตที่กลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ดังข้ามปี

1.           จงกลับใจและเชื่อพระวรสาร

ไม่มีใครในโลกนี้ที่มีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ ไม่เคยถูกผจญหรือถูกทดลองเลย พระเยซูเจ้า บุตรพระเจ้าที่ทรงรับเอากายเป็นมนุษย์มีประสบการเกี่ยวกับการทดลองเช่นเดียวกัน เพื่อพระองค์จะได้เข้าใจชีวิตมนุษย์ในแบบที่ครบถ้วน ปิตาจารย์ของพระศาสนจักรอธิบายว่า พระเยซูเจ้าทรงถูกทดลองในถิ่นทุรกันดารภายหลังจากที่รับพิธีล้างจากยอห์น บัปติสต์ ศีลล้างบาปและศีลอภัยบาปจึงเป็นอาวุธที่สำคัญและจำเป็นในการเอาชนะปีศาจ

เหตุผลที่เราแต่ละคนถูกทดลอง ปิตาจารย์ของพระศาสนจักรอธิบายว่า

1)                   เพื่อให้เราสามารถเรียนรู้ด้วยประสบการณ์ของเราว่า จริงๆ แล้วเราเข้มแข็งกว่าการทดลอง
2)                   เพื่อเราจะได้ไม่หยิ่งทะนงตนจนเกินไปในพระพรที่เราได้รับจากพระเจ้า
3)                   เพื่อปีศาจจะได้รับรู้ว่าเราปฏิเสธมัน
4)                   เพื่อทำให้เราเข้มแข็งและเติบโตยิ่งขึ้น
5)                   เพื่อเราจะได้ตระหนักถึงคุณค่าแห่งพระหรรษทานที่เราได้รับ

นักบุญมาระโกไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการทดลองของพระเยซูเจ้า เหมือนนักบุญมัทธิวและลูกา แต่เน้นที่พระดำรัสของพระองค์ในการเริ่มพันธกิจในฐานะพระแมสิยาห์ ซึ่งถือเป็นการสรุปภารกิจของพระองค์ในการเสด็จมาในโลก

1)                “เวลาที่กำหนดไว้มาถึงแล้ว” ข่าวดีที่พระเยซูเจ้าประกาศช่วยให้เราได้เข้าใจว่า พระเจ้าทรงทำงานอยู่ท่ามกลางเรา ซึ่งเราสามารถสัมผัสและมีความสัมพันธ์กับพระองค์ได้ในพระบุคคลของพระเยซูเจ้า
2)                “อาณาจักรของพระเจ้าอยู่ใกล้แล้ว” อาณาจักรที่พระองค์พูดถึงนี้มิใช่สถานที่ แต่เป็นพลังแห่งความรักและการปกครองของพระเจ้าที่ปรากฏในพระบุคคลของพระเยซูเจ้า พลังแห่งความรักเมตตาและการให้อภัยของพระเจ้า ปรากฏในคำสอนและการกระทำของพระองค์ ที่ช่วยปลดปล่อยและนำคนบาปให้มาเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า
3)                “จงกลับใจ” สิ่งที่พระเยซูเจ้าเรียกร้องคือการเปลี่ยนแปลงจิตใจตนเองจากภายใน แบบถอนรากถอนโคน หันหลังให้บาปหรือความประพฤติไม่ดีไม่งามต่างๆ ในชีวิต กลับมาหาพระเจ้าและเดินในหนทางที่ถูกต้อง
4)                “เชื่อข่าวดีเถิด” ความเชื่อที่แท้จริงเรียกร้องให้เราดำเนินชีวิตประจำวันตามคุณค่าพระวรสาร วางใจและแสวงหาพระเยซูเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านทางศีลแห่งการคืนดี เพื่อเราจะได้รับการเยียวยารักษาและการอภัยบาปจากพระองค์

2.           บทเรียนสำหรับเรา

พระวาจาของพระเจ้าในสัปดาห์นี้ ได้ให้บทเรียนและแนวปฏิบัติในชีวิตประจำวันสำหรับเราหลายประการ

ประการแรก เราต้องใช้เวลาในเทศกาลมหาพรตในการฟื้นฟูชีวิตของเรา ตลอดหกสัปดาห์ในเทศกาลมหาพรตต้องเป็นช่วงเวลาที่เราเอาจริงเอาจังในการใช้โทษบาปและภาวนา ชำระจิตใจของเราให้สะอาดบริสุทธิ์จากความโน้มเอียงในทางบาปต่างๆ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเฉลิมฉลองธรรมล้ำลึกปัสกาพร้อมกับพระเยซูเจ้า ดังนั้น เทศกาลมหาพรตควรเป็นช่วงเวลาแห่งการไตร่ตรองตนเองในฐานะคริสตชน ในการนำสิ่งที่พระวรสารท้าทายเราทั้งด้านความคิด คำพูดและการกระทำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว เพื่อนร่วมงานและบุคคลต่างๆ ที่เราพบเห็น

ประการที่สอง เราต้องใช้เวลาในเทศกาลมหาพรตทำให้ชีวิตฝ่ายจิตเจริญเติบโต อาทิ การมาร่วมมิสซาประจำวัน การภาวนาส่วนตัวให้มากขึ้น การอ่านและรำพึงพระวาจาของพระเจ้า การลด ละ เลิกเหล้า บุหรี่ การพนันและยาเสพติดทุกชนิด การมารับศีลอภัยบาปและร่วมพิธีเดินรูปสิบสี่ภาคทุกวันศุกร์ การอดสิ่งฟุ่มเฟือยเพื่อออมเงินสำหรับช่วยเหลือสังคมและงานสาธารณะกุศล หรือการเยี่ยมเยียนคนป่วยและงานเมตตากิจต่างๆ เป็นพิเศษ

ประการที่สาม เราต้องใช้เวลาในเทศกาลมหาพรตต่อสู้กับความโน้มเอียงไม่ดีต่างๆ เราไม่อาจหลีกเลี่ยงการทดลองและความชั่วที่ยั่วยวนเรา พระเยซูเจ้าไม่ได้ชนะปีศาจในถิ่นทุรกันดาร แต่พระองค์ทรงชนะมันในการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน มหาพรตจึงเตือนใจเราให้พยายามที่จะเอาชนะความโน้มเอียงไม่ดีในตัวเราและความชั่วที่อยู่รอบตัวเรา โดยไม่สิ้นหวังหรือเลิกล้มความตั้งใจ พระเยซูเจ้าได้ให้ความมั่นใจกับเราว่า พระจิตเจ้าจะประทานพลังให้เราสามารถเอาชนะมันในที่สุด

บทสรุป

พี่น้องที่รัก เราได้เข้าสู่เทศกาลมหาพรตแล้ว เราควรใช้เวลาตลอด 6 สัปดาห์ในการภาวนา การอดอาหารและการให้ทาน เพื่อการชำระจิตใจและฟื้นฟูชีวิตของเราในการติดตามองค์พระคริสตเจ้า นำเราให้มีชีวิตที่สนิทสัมพันธ์กับพระองค์ เราถูกเรียกให้ก้าวไปข้างหน้าและฉายแสงแห่งความเชื่อวางใจ การรับใช้และแสดงเมตตาจิตต่อผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านทางการภาวนาและการพลีกรรมใช้โทษบาป

พระวรสารวันนี้บอกเราว่า นี่เป็นเวลาที่เราจะต้องหันมาหาพระเจ้า เพราะอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ใกล้แล้ว  เราต้องสำนักผิด กลับตัวกลับใจเปลี่ยนแปลงตนเองจากวิถีชีวิตที่ไม่ดีต่างๆ  เชื่อและเจริญชีวิตตามคุณค่าพระวรสารในชีวิตประจำวัน ในความรักเมตตาต่อพระเจ้าและเพื่อนพี่น้องด้วยหัวใจที่เปิดกว้าง เป็นต้น ในครอบครัว สังคม หมู่คณะและหมู่บ้านของเรา

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
24 กุมภาพันธ์ 2012

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น