วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เก็บมาฝากจากดอนดู่

สังฆานุกร เปโตร วัลลภ จันทร์ดวง ก่อนพิธีบวช

เก็บมาฝากจากดอนดู่

วันนี้ (1 กุมภาพันธ์) มีพิธีบวชพระสงฆ์ ที่วัดนักบุญยอแซฟ ดอนดู่ ซึ่งเป็นวัดเล็กๆ ในเขตตะวันตก ตั้งอยู่ในเขตตำบลต้นผึ้ง อำเภอพังโคน จังหวัดสกลนคร ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของคุณพ่อทรงฤทธิ์ นาแว่น มีคริสตชนประมาณ 500 คน แม้จะเป็นวัดเล็กๆ แต่มีพระสงฆ์ถึงสององค์แล้วคือ คุณพ่อยอแซฟวัฒนา สอนนุชาติ (บวช 31 พฤษภาคม 2008) กับคุณพ่อเปโตร วัลลภ จันทร์ดวง ซึ่งได้รับการบวชเป็นพระสงฆ์ในวันนี้ โดยพระอัครสังฆราชหลุยส์ จำเนียร สันติสุขนิรันดร์



พิธีบวชในวันนี้ต้องถือว่าเป็นวันประวัติศาสตร์ของวัดดอนดู่และของหมู่บ้าน ที่ได้จัดพิธีบวชพระสงฆ์เป็นครั้งแรก และจัดได้อย่างยิ่งใหญ่ เรียบง่าย ภายใต้ข้อจำกัดหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาในการเตรียมงานเพียงหนึ่งเดือน แต่จัดได้ขนาดนี้ต้องถือว่าเยี่ยมแล้ว แสดงถึงความร่วมแรงร่วมใจกันของพี่น้องชาวดอนดู่ และการช่วยเหลือกันของวัดต่างๆ ในเขตตะวันตก ทำให้งานทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยความเรียบร้อย



พิธีบวชจัดในปรำพิธีในสนามหน้าวัด มีพระสังฆราชฟิลิป บรรจง ไชยรา ประมุขสังฆมณฑลอุบลราชธานี ให้เกียรติมาร่วมพิธีด้วย พร้อมกับบรรดาพระสงฆ์และพี่น้องคริสตชนจากวัดต่างๆ ซึ่งคุณพ่อใหม่ คุณพ่อเปโตร วัลลภ จันทร์ดวง ได้กล่าวตอนหนึ่งว่า "ทั้งชีวิตของผม องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเลี้ยงดูและช่วยเหลือค้ำจุดตลอดเวลา ทุกครั้งเมื่อประสบปัญหาอุปสรรคต่างๆ ของชีวิต พระองค์ทรงเป็นผู้นำชีวิตให้ก้าวผ่านปัญหาอุปสรรคต่างๆ ทุกครั้งที่ท้อแท้ พระองค์ทรงเป็นผู้ให้กำลังใจ ทุกครั้งที่มีความทุกข์ พระองค์ทรงอยู่เคียงข้างผมเสมอ"



กลุ่มคริสตชนวัดนักบุญยอแซฟ ดอนดู่ มีความเป็นมาดังนี้ เมื่อประมาณปี ค.. 1924 (.. 2467) มีคริสตชนจากวัดพระตรีเอกานุภาพ ช้างมิ่ง อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร ได้นำสัตว์เลี้ยง เช่น วัว ควาย มาปล่อยเลี้ยงทางด้านทิศเหนือของลำน้ำปลาหาง ซึ่งเป็นบริเวณที่อุดมสมบูรณ์ มีลำห้วยหลายสาย ที่ดินมีลักษณะเป็นที่ลุ่มริมฝั่งเหมาะแก่การเกษตร ประกอบกับเป็นที่ว่างยังไม่มีผู้ใดมาจับจองเป็นเจ้าของ คริสตชนกลุ่มนี้คือพ่อใหญ่เบี้ยว สาริวงษา ท่านได้ชักชวนเพื่อนฝูงอีกสามครอบครัว ได้แก่ ครอบครัวพ่อใหญ่ลา อ่อนสุระทุม, พ่อใหญ่ริน ศรีแก้ว และพ่อใหญ่โหล่ สาริวงษา มาตั้งหลักปักฐานทำมาหากินอยู่ที่แห่งนี้ และเนื่องจากที่แห่งนี้เป็นที่ดอนมีต้นประดู่ใหญ่อยู่หลายต้น จึงตั้งชื่อหมู่บ้านว่า ดอนดู่



หลายปีต่อมามีพ่อค้ามาหาซื้อวัว ควายไปขายภาคกลางได้มาเห็นที่แห่งนี้  เมื่อกลับบ้านก็ได้ชักชวนพวกพ้องมาอยู่ที่แห่งนี้อีก มีครอบครัวของพ่อใหญ่บัว จอกทอง และพ่อใหญ่มา ดาพงษ์   พวกนี้ได้มาจากบ้านจอก อำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี  ประมาณปี ค.. 1927 (.. 2470) ภาคอีสานเกิดฝนแล้งครั้งใหญ่โดยเฉพาะจังหวัดอุบลราชธานี เป็นเหตุให้ชาวอุบลฯอพยพทิ้งบ้านเรือนกันมากเพื่อไปหาที่ทำกินใหม่ที่อุดมสมบูรณ์กว่าเดิม ในจำนวนผู้อพยพเหล่านี้มีคริสตชนจากบ้านหนองคู อำเภออำนาจเจริญ จังหวัดอุบลราชธานีที่อพยพมาอยู่บ้านดอนดู่หลายครอบครัว นำโดยพ่อใหญ่ทิศจำปา มะลิพงษ์, พ่อใหญ่ทิดสี ศรีอ่อน, พ่อใหญ่ทิดอ่อน ศรีอ่อน และพ่อใหญ่จันทร์ วงศ์อนันต์  คิดเป็นร้อยละ 60 ของประชากรในบ้านดอนดู่ที่อพยพมาจากบ้านหนองคู



ในรายงานปี ค.. 1934 (.. 2477) ซึ่งคุณพ่ออันตน หมุน  ธารา ได้ส่งไปยังพระสังฆราช คุณพ่อเขียนไว้ดังนี้ มีคริสตัง 32 ครอบครัวได้อพยพจากบ้านหนองคู (.อุบลราชธานี) เพื่อไปตั้งหลักแหล่งทำมาหากินทางเหนือ ซึ่งได้แก่บ้านโพนสูงและมีจำนวนหนึ่งไปตั้งหลักแหล่งที่บ้านดอนดู่  ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านหนองคู จังหวัดอุบลราชธานีถึง 300 กิโลเมตร  ที่น่าสนใจก็คือว่าในปี ค.. 1934 (.. 2477) นั้นยังไม่มีรถยนต์โดยสาร  ฉะนั้นผู้คนต้องเดินทางด้วยเท้าหรือใช้เกวียนเป็นพาหนะ  มีหลายคนล้มตายกลางทาง เพราะเหน็ดเหนื่อยและเป็นไข้


Don Daniele รายงาน/ภาพ
1 กุมภาพันธ์ 2012

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น