ความทุกข์ทรมานในโลก
สัปดาห์ที่
5
เทศกาลธรรมดา
ปี
B
|
โยบ 7:1-4, 6-7
1 คร 9:16-19, 22-23
มก
l: 29-39
|
บทนำ
หากบรรพบุรุษของเรากลับมามีชีวิตอีกครั้ง
พวกเขาคงแปลกใจอย่างมากกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราในช่วงไม่กี่ปีมานี้
พวกเขาคงแปลกใจที่เห็นเครื่องบินบินไปมาเหมือนนก เห็นรถยนต์วิ่งกันขวักไขว่ตามท้องถนน
เห็นเครื่องมือสื่อสารสมัยใหม่ เช่น โทรศัพท์มือถือที่สามารถติดต่อถึงกันได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
หรืออินเตอร์เน็ตความเร็วสูงที่สามารถเชื่อมโยงถึงกันทั่วโลก
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในที่หนึ่งสามารถเป็นที่รับรู้ทั่วโลกแบบทันทีทันใด
บรรพบุรุษของเราคงแปลกใจที่เห็นบ้านของเราใหญ่โตน่าอยู่
เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากกว่ายุคสมัยของพวกเขา เช่น เครื่องปรับอากาศ พัดลม
คอมพิวเตอร์ ตู้เย็น โทรทัศน์ จานดาวเทียมที่สามารถรับสัญญาณจากทุกมุมโลก บุตรหลานของเราแต่งกายด้วยผ้าชั้นดี
ล้ำสมัย เรารู้สึกมีความสุขในความสะดวกสบายต่างๆ ที่พวกเขาไม่เคยได้รับรู้แม้ในความฝันหรือมโนภาพ
บรรพบุรุษของเราคงแปลกใจที่เห็นโรงพยาบาล
คลินิกและสถานพยาบาลทุกหนทุกแห่ง มีเครื่องไม้เครื่องมือและยาที่ทันสมัย
สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ทันท่วงที
ทำให้ผู้คนในยุคปัจจุบันมีสุขภาพดีและอายุยืนยาว แม้ว่าจะทุกสิ่งทุกอย่างจะพัฒนาและเจริญก้าวหน้าไปไกล
แต่สิ่งหนึ่งที่บรรพบุรุษของเราพบว่าไม่เปลี่ยนเลย นั่นคือ ผู้คนยังคงเจ็บป่วยและเสียชีวิตเช่นเดียวกับในยุคสมัยของพวกเขา
1.
ความทุกข์ทรมานในโลก
ปัญหาเรื่องความทุกข์ทรมานในโลก
“ทำไมมนุษย์ต้องทนทุกข์ เจ็บป่วยและเสียชีวิต” เป็นปัญหาที่อยู่ในความคิดคำนึงของมนุษย์มาทุกยุคทุกสมัย
ความพยายามในการอธิบายและแสวงหาคำตอบ ได้ก่อให้เกิดศาสนาต่างๆ ขึ้นในโลก
ในบทอ่านแรกหนังสือโยบคือความพยายามในการตอบปัญหาดังกล่าว “ทำไมพระเจ้าถึงอนุญาตให้ความทุกข์ยากต่างๆ
เกิดขึ้นในชีวิตของผม” เราคงเคยถามคำถามเดียวกันนี้เช่นกัน “ทำไมจึงเกิดเหตุการณ์เลวร้ายอย่างนี้
...อย่างนั้น ในชีวิตของฉัน”
ในที่สุด
แทนที่โยบจะตั้งปัญหาถามว่า “ทำไม...” โยบได้วางใจในพระเจ้าและมอบทุกอย่างให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้า
และเราทราบว่า จากการวางใจในพระเจ้าของโยบ พระเจ้าได้ตอบแทนทุกอย่างที่เขาได้สูญเสียไปให้กลับคืนมามากยิ่งกว่าเดิม
ทำให้ชีวิตของเขาพบความสุขอีกครั้ง หนังสือโยบได้สอนคนที่กำลังทนทุกข์ลำบากให้ทำเช่นเดียวกันกับโยบคือ
จงวางใจในพระเจ้าและความดีบริบูรณ์ของพระองค์
เราพบความหมายของความทุกข์ทรมานนี้ผ่านทางความเชื่อในพระเยซูเจ้า
ในพระวรสารวันนี้ เราพบว่าพระเยซูเจ้าประกาศข่าวดีทุกหนทุกแห่ง ในศาลาธรรม ตามบ้านและท้องทุ่ง
พระองค์ทรงรักษาคนเจ็บป่วย ด้วยเหตุผลสองประการ 1) เพื่อแสดงความเมตตากรุณาต่อคนเจ็บป่วย
ด้วยการเยียวยารักษาพวกเขาให้พ้นจากความเจ็บไข้ได้ป่วยที่กำลังเผชิญอยู่ และ 2)
เพื่อนำคนป่วยและคนที่ได้เห็นเป็นพยานให้มาเชื่อในพระองค์
เพื่ออธิบายให้ประชาชนได้เข้าใจถึงความทุกข์ทรมานได้อย่างถึงแก่น
พระเยซูเจ้าไม่ได้อธิบายยืดยาว
แต่ทรงรับความทรมานและสิ้นพระชนม์เพื่อพวกเขาบนไม้กางเขน ซึ่งเป็นการนอบน้อมเชื่อฟังต่อแผนการของพระเจ้า
ผ่านทางการทรมานและการสิ้นพระชนม์นี้เอง หนทางแห่งความรอดได้เปิดสำหรับมนุษย์ทุกคน
อันเป็นผลิตผลที่มีค่ายิ่งซึ่งออกมาการความทุกข์ทรมาน
2.
บทเรียนสำหรับเรา
บทอ่านวันนี้ได้ให้บทเรียนและแนวทางในการปฏิบัติที่สำคัญกับเราหลายประการ
ประการแรก เราต้องมองบุคคล
สิ่งของและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยสายตาแห่งความเชื่อ ความเจ็บป่วย ความทุกข์ยากลำบาก แม้กระทั่งความตายมิใช่การลงโทษของพระเจ้า
แต่พระองค์ทรงอนุญาตให้เกิดขึ้น เพื่อให้ความดีและความรักของพระองค์ปรากฏ ดังเช่นเวลาที่พระเยซูเจ้าถูกถามเรื่องชายตาบอด
“ใครทำบาป ชายคนนี้หรือบิดามารดาของเขา เขาจึงเกิดมาตาบอด” พระองค์ตรัสตอบว่า
“มิใช่ชายคนนี้หรือบิดามารดาของเขาทำบาป
แต่เขาเป็นเช่นนี้ก็เพื่อให้กิจการของพระเจ้าปรากฏในตัวเขา” (ยน 9:2-3) “ทุกอย่างที่เกิดขึ้น
เป็นไปเพื่อความดีของผู้ที่รักพระเจ้า” (นักบุญเปาโล)
ประการที่สอง
เราต้องทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อช่วยเหลือคนที่กำลังประสบทุกข์ร้อน คำอุปมาเรื่องชาวสะมาเรียผู้ใจดี คือคำสอนในภาคปฏิบัติที่ชัดเจนของพระเยซูเจ้า
เราต้องพร้อมที่จะยื่นมือช่วยเหลือผู้ที่กำลังประสบทุกข์ร้อนทุกเมื่อ แม้ว่าความผิดนั้นจะเกิดจากการกระทำของเขาเองก็ตาม
เราต้องปล่อยให้หัวใจของเราเต้นในจังหวะเดียวกันกับพระเจ้า
เพื่อเราจะรู้ว่ามีสิ่งไหนที่ควรทำสำหรับช่วยเพื่อนพี่น้องของเราที่กำลังประสบทุกข์ร้อนได้มีชีวิตที่ดีขึ้น
ประการที่สาม เราต้องภาวนาเสมอเพื่อจะได้มีพลังในการทำหน้าที่ต่างๆ พระเยซูเจ้าแม้จะมีภารกิจมากมายในแต่ละวัน
แต่พระองค์ทรงหาเวลาอยู่เงียบๆ โดยลำพังสนทนากับพระเจ้าพระบิดา
เพื่อจะได้ทราบถึงพระประสงค์ของพระเจ้า “หากท่านต้องการให้ตะเกียงลุกอยู่เสมอ
ท่านต้องหมั่นเติมน้ำมันในตะเกียง” (บุญราศีแม่เทเรซาแห่งกัลกัตตา)
บทสรุป
พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าทรงกระทำสิ่งที่น่าประหลาดใจทุกวันดังเช่นที่ทรงกระทำในสมัยของพระองค์
ทรงเอาพระทัยใส่ในความเป็นไปของเราแต่ละคนและทรงรักษาเรา
บ่อยครั้งเราขาดความเชื่อในพระองค์ นักบุญออกัสตินกล่าวว่า “ความเชื่อเปิดประตูแห่งความเข้าใจ
ซึ่งคนที่ไม่เชื่อได้ปิดมัน” พระองค์สามารถเยียวยารักษาความทุกข์ยากเดือดร้อนที่เรากำลังเผชิญอยู่ได้
หากเรามีความเชื่อที่มั่นคงในพระองค์
พระเยซูเจ้าได้มอบแบบฉบับที่ดีงามแก่เราคือ
ทรงภาวนาอยู่เสมอๆ เพื่อจะได้รู้ถึงพระประสงค์ของพระเจ้า เราจำเป็นต้องภาวนาเสมอเช่นกัน
เพื่อจะได้ค้นพบพระประสงค์ของพระเจ้าในชีวิตของเราและหนทางที่พระองค์ทรงเลือกสำหรับเรา
การภาวนาจึงเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่จะช่วยเราให้เอาชนะความมืดแห่งชีวิต
เป็นต้นในครอบครัว หมู่คณะและในชุมชนคริสตชนพื้นฐานของเรา
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว03 กุมภาพันธ์ 2012
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น