คำสอนที่ทรงอำนาจ
สัปดาห์ที่
4
เทศกาลธรรมดา
ปี
B
|
ฉธบ 18:15-20
1 คร 7:32-35
มก
1:21-28
|
บทนำ
ในชีวิตของนักบุญฟรังซิสอัสซีซีเล่ากันว่า
วันหนึ่งฟรังซิสได้เรียกพี่น้องคนหนึ่งมาหาและบอกว่าเราจะไปประกาศข่าวดีในเมืองด้วยกัน
ทั้งสองเริ่มเดินรอบเมืองโดยไม่ได้พูดถึงคำเทศน์สอนสักคำ นอกจากทักทายผู้คนที่พบตามทางด้วยถ้อยคำที่สุภาพ
พี่น้องคนนั้นได้ถามฟรังซิสว่า เมื่อไหร่เราถึงจะหยุดเดินเพื่อเทศน์สอนสักที
ฟรังซิสตอบพี่น้องคนนั้นว่า การเดินทางของเราตั้งแต่ก้าวแรกคือการสอนประชาชน
คำพูดสามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย
คำพูดที่เต็มไปด้วยความรัก ความเห็นอกเห็นใจและการให้อภัย สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนได้
คำพูดสามรถทำให้คนที่กำลังหวาดกลัวให้มีความยินดี ทำให้คนที่กำลังท้อแท้สิ้นหวังให้มีความหวังและกำลังใจ
สามารถเปลี่ยนความเกลียดชังให้กลายเป็นความรัก คำพูดสามารถทำให้ชีวิตมีคุณค่าและความหมาย
ในพระวรสาร
นักบุญมาระโกได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับวันแรกในการเริ่มต้นพันธกิจของพระคริสตเจ้า
วันนั้นเป็นวันสัปบาโต พระเยซูเจ้าได้เริ่มภารกิจของพระองค์พร้อมกับชาวเมืองกาเปอร์นาอุมในศาลาธรรม
ซึ่งเป็นสถานที่ที่ชาวยิวไปชุมนุมกันเพื่อศึกษาพระคัมภีร์และอธิษฐานภาวนา ในสมัยพระเยซูเจ้าชาวยิวเดินทางไปพระวิหารเพื่อถวายเครื่องสักการบูชาและภาวนาเฉพาะแต่ในเทศกาลเท่านั้น
แต่พวกเขาไปที่ศาลาธรรมเพื่อภาวนาและศึกษาตัวบทพระคัมภีร์ทุกวันสัปบาโต
1.
คำสอนที่ทรงอำนาจ
ในพระวรสารวันนี้
เราได้ยินพระเยซูเจ้าเสด็จเข้าไปยังศาลาธรรมและสั่งสอนชาวเมืองกาเปอร์นาอุม
ทุกคนที่ได้ยินคำเทศน์สอนของพระองค์ต่างประหลาดใจ
เพราะพระองค์สอนอย่างผู้มีอำนาจไม่เหมือนการสอนของพวกธรรมาจารย์ ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจในการอธิบายธรรมบัญญัติและธรรมประเพณีที่พวกเขาคุ้นเคย
อำนาจของพระเยซูเจ้าเราพบได้ในพระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่ ที่พระองค์ทรงขับไล่ปีศาจเจ้าแห่งโลกนี้
เพื่อสถาปนาอาณาจักรของพระเจ้าขึ้นในโลก
ในพระวรสาร
นักบุญมาระโกได้นำเสนอพระเยซูเจ้าแก่เราในฐานะผู้สั่งสอน อาจารย์ ผู้ทำอัศจรรย์และนักภาวนา
พระองค์ได้ทรงกระทำสิ่งเหล่านี้เป็นประจำในชีวิตเปิดเผยของพระองค์
ยังความประหลาดใจแก่ประชาชนทั่วไป พระองค์ทรงอธิบายพระคัมภีร์ ขับไล่ผี รักษาแม่ยายของเปโตรและทรงรักษาคนเจ็บป่วยทุกชนิดที่มาหาพระองค์
พระองค์ทรงเป็นอาจารย์สอนพระวาจาของพระเจ้าผ่านทางพระบุคคลและชีวิตของพระองค์
ชีวิตทั้งหมดของพระองค์คือคำสอน ไม่เพียงในพระดำรัสที่พระองค์ตรัสแต่ในชีวิตทั้งครบของพระองค์เอง
นักบุญมาระโกได้นำเสนอพระเยซูเจ้าแก่เราวันนี้ในฐานะผู้สั่งสอน
พระองค์ทรงสั่งสอนพระวาจาของพระเจ้าและทรงสั่งสอนอย่างทรงอำนาจ พระองค์ทรงสอนประชาชนถึงความรักของพระเจ้าจากหัวใจ
ซึ่งพระองค์ทรงมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิด และงานช่วยให้รอดของพระองค์ต่อประชากรที่พระองค์ทรงเลือกสรร
พระองค์ได้อธิบายให้เห็นถึงการประทับอยู่ของพระเจ้าท่ามกลางพวกเขาและบทบาทของพระองค์
มีบางสิ่งที่น่าสนใจในคำเทศน์สอนนั้นและพวกเขาได้ตั้งใจฟังพระองค์
สิ่งที่ทำให้คำสอนของพระเยซูเจ้าเป็นคำสอนที่มีอำนาจ
(ซึ่งแตกต่างจากคำสอนของพวกธรรมาจารย์) เพราะ 1)
พระองค์สอนจากหัวใจไม่ใช่จากสติปัญญา คำสอนของพระองค์ได้มาจากความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระเจ้าพระบิดา,
2) ทรงให้ความสำคัญไปที่จิตตารมย์ไม่ใช่ตัวบทกฎหมาย ชี้ให้เห็นถึงคุณค่าเชิงบวกได้แก่
“ความรักและความเอาใจใส่” ซึ่งเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าในการประทานธรรมบัญญัติแก่ประชากรของพระองค์
และ 3) คำสอนของพระองค์มีจุดมุ่งหมายเพื่อการเปลี่ยนแปลงจิตใจผู้ฟังและสถานการณ์แห่งความยากลำบากที่เขากำลังเผชิญ
คำสอนของพระองค์ได้เติมเต็มชีวิตของพวกเขาจากความหวาดกลัว ความเกลียดชังและความว่างเปล่าให้มีชีวิตที่ดีขึ้น
ทำให้ชีวิตของพวกเขามีคุณค่าและความหมาย
2.
บทเรียนสำหรับเรา
บทอ่านวันนี้ได้ให้บทเรียนและแนวทางในการปฏิบัติที่สำคัญกับเราหลายประการ
ประการแรก เราต้องเปิดใจต่อพระวาจาและคำสอนของพระเยซูเจ้า เพื่อให้พระองค์เปลี่ยนแปลงจิตใจเราและประทานความเข้าใจที่ถูกต้อง
ขจัดความหวาดกลัวและความโศกเศร้าให้หมดไปจากใจเรา “พระองค์จะทรงเช็ดน้ำตาทุกหยดจากนัยน์ตาของเขา
จะไม่มีความตายอีกต่อไป จะไม่มีการคร่ำครวญ การร้องไห้และความทุกข์อีกต่อไป
เพราะโลกเดิมผ่านพ้นไปแล้ว” (วว 21:4)
ประการที่สอง
เราต้องวางใจในพระวาจาและคำสอนของพระเยซูเจ้า แม้ในห้วงเวลาแห่งความยากลำบาก
หล่อเลี้ยงชีวิตของเราด้วยพระวาจาและการภาวนา เพื่อให้พระเยซูเจ้าเติมเต็มชีวิตเรา
อีกทั้ง ช่วยขับผีร้ายแห่งความเห็นแก่ตัวและความโน้มเอียงไม่ดีต่างๆ
ให้ออกไปจากจิตใจเรา เพื่อเราจะได้เติบโตและเข้มแข็งในการเป็นคริสตชนที่เป็นผู้ใหญ่
ประการที่สาม เราต้องประกาศพระวาจาและคำสอนของพระเยซูเจ้า คาร์ล มาร์ก
นักปรัชญาชาวเยอรมันกล่าวว่า “เป้าหมายของปรัชญาไม่ใช่การอธิบายโลกแต่เปลี่ยนแปลงโลก”
เช่นเดียวกับพระวรสารที่เราประกาศและเทศน์สอนเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเราเองและผู้อื่น
เราต้องพยายามทำหน้าที่ของตนอย่างดี พ่อแม่อบรมเลี้ยงดูลูกด้วยความรักและความเอาใจใส่
ลูกเคารพเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสอนของท่าน
บทสรุป
พี่น้องที่รัก เราได้เห็นถึงคำสอนที่ทรงอำนาจของพระเยซูเจ้า
เราต่างประหลาดใจถึงความรักของพระเจ้าที่มีต่อเรา ทรงเชื้อเชิญเราให้มามีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระเจ้าพระบิดาของพระองค์
ในคำสอนพระเยซูเจ้าได้แสดงให้เราค้นพบคุณค่าเชิงบวกของธรรมบัญญัติคือ ความรักและความเอาใจใส่ของพระเจ้า
ซึ่งยิ่งใหญ่และอยู่เหนือกฎเกณฑ์ใดๆ ขณะที่พวกธรรมมาจารย์และชาวฟาริสีพยายามรักษาธรรมบัญญัติตามตัวอักษรอย่างเคร่งครัด
คำสอนของพระเยซูเจ้าต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในจิตใจของประชาชน ดังนั้น
เราจึงเห็นพระองค์ทรงรักษาประชาชนทั้งฝ่ายกายและจิตใจ พระองค์ทรงเรียกเราแต่ละคนให้กลายเป็นประชากรของพระเจ้าผ่านทางศีลล้างบาปที่เราได้รับ
ให้เราเจริญชีวิตตามกระแสเรียกของเราแต่ละคนด้วยความเชื่อ ความหวังและความวางใจในพระเยซูเจ้า
เพื่อให้พระองค์ปลดปล่อยเราให้เป็นอิสระจากจิตชั่วและความไม่ดีไม่งามต่างๆ
เพื่อเราจะได้ประกาศข่าวดีแห่งความรัก ความเห็นอกเห็นใจและการให้อภัยของพระเจ้า เป็นต้นในครอบครัว
หมู่คณะและหมู่บ้านของเรา
คุณพ่อขวัญ
ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว27 มกราคม 2012
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น