การเรียกและการตอบสนอง
สัปดาห์ที่
2
เทศกาลธรรมดา
ปี
B
|
1 ซมอ 3:3-10,19
1 คร 6:13-15, 17-20
ยน 1:35-42
|
บทนำ
ชายคนหนึ่งไปตัดผมที่ร้านแห่งหนึ่ง
เมื่อช่างตัดผมเริ่มตัดผม ทั้งคู่สนทนากันอย่างถูกคอ เรื่องที่พูดคุยกันมีด้วยกันหลายเรื่อง
รวมถึงเรื่องศาสนาด้วย เมื่อรู้ว่าลูกค้าของเขาคนนี้เป็นคริสตชน เขาได้พูดขึ้นว่า
“ผมไม่เชื่อว่ามีพระเจ้า” “ทำไมคุณถึงพูดเช่นนั้น” ชายคนนั้นถาม “คุณลองออกไปในถนนสิ คุณจะรู้ว่าไม่มีพระเจ้าจริงๆ
หากพระเจ้ามีจริง ช่วยบอกผมหน่อย ทำไมถึงมีความทุกข์ยากลำบาก มีคนเจ็บป่วย และเด็กเร่ร่อนที่ถูกทอดทิ้งมากมาย
ผมไม่เข้าใจว่าทำไมพระเจ้า องค์แห่งความรักถึงปล่อยให้มีสิ่งเลวร้ายเหล่านี้”
ช่างตัดผมย้ำ
ชายคนนั้นคิดอยู่ครู่หนึ่งโดยไม่โต้ตอบอะไร เนื่องจากไม่ต้องการทำลายบรรยากาศของการสนทนา
กระทั่งตัดผมเสร็จและเดินออกจากร้าน เขาเห็นชายคนหนึ่งผมเผ้ารุงรัง สกปรก หนวดเครายาวน่าเกลียด
เขาจึงเดินกลับเข้ามาในร้านตัดผมอีกครั้งและพูดกับช่างตัดผมว่า
“คุณรู้ไหมว่าช่างตัดผมไม่มีอยู่จริงหรอก” “ทำไมพูดอย่างนั้นละ”
ช่างตัดผมถามด้วยความประหลาดใจ “ผมนี่ไง ผมเป็นช่างตัดผมและเพิ่งตัดผมให้คุณไปหยกๆ” ช่างตัดผมยืนยัน
“ไม่จริง” ชายคนนั้นย้ำว่า “หากช่างตัดผมมีอยู่จริง
คงไม่มีคนผมเผ้ารุงรังสกปรกเหมือนชายคนที่คุณเห็น” “แต่ช่างตัดผมมีจริง สาเหตุที่ชายคนนั้นผมยาว
หน้าตาดูไม่ได้ เพราะเขาไม่ยอมมาหาผม” ช่างตัดผมยืนยัน “จริงทีเดียว” ชายนั้นพูดบ้าง
“การมีอยู่ของพระเจ้าเป็นเช่นเดียวกัน สิ่งที่เกิดขึ้นกับมนุษย์เวลานี้เพราะไม่ยอมมาหาพระองค์
พวกเขาไม่ต้องการให้พระองค์ช่วยเหลือ ดังนั้น โลกของเราจึงเต็มไปด้วยความทุกข์และความเลวร้ายต่างๆ”
การเป็นศิษย์และศาสนบริการเป็นส่วนสำคัญของฉากชีวิตคริสตชน
เราแต่ละคนได้รับการเรียกให้มาเป็นศิษย์และมารับใช้ พระเยซูเจ้ายังคงกระทำภารกิจแห่งการรับใช้ของพระองค์ต่อไปในโลกสำหรับมนุษยชาติผ่านทางพระศาสนจักร
ซึ่งไม่ได้หมายถึงศาสนบริกรที่ได้รับศีลบวชคือพระสงฆ์และนักบวชเท่านั้น
แต่พระศาสนจักรหมายถึงเราทุกคน ความทุกข์ยากลำบากยังคงมีอยู่ในโลก
เพราะคริสตชนแต่ละคนไม่ได้ดำเนินชีวิตเป็นศิษย์ที่แท้จริงของพระองค์
ไม่ได้เป็นเครื่องมือที่ดีของพระองค์ “กระแสเรียกของเราแต่ละคนคือการรับใช้คนอื่น”
(ลีโอ ตอลสตอย)
1. การเรียกและการตอบสนอง
บทอ่านวันนี้พูดถึงการเรียกของพระเจ้าและการตอบสนองการเรียก
ในบทอ่านแรกพระเจ้าทรงเรียกซามูแอลให้เป็นประกาศกของพระองค์
และในพระวรสารพระเยซูเจ้าทรงเรียกศิษย์กลุ่มแรกของพระองค์
ซามูแอลหลังจากได้ยินเสียงเรียกของพระเจ้า ท่านได้ไปหาเอลีพูดว่า “ข้าพเจ้าอยู่นี่
ท่านเรียกข้าพเจ้าหรือ” ในพระวรสาร
ยอห์นบัปติสต์หลังจากเสร็จสิ้นพันธกิจของท่าน ได้ชี้ให้ศิษย์สองคนเห็นผู้ที่ยิ่งใหญ่กว่าท่านเมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จผ่าน
“นี่คือลูกแกะพระเจ้า”
พระเจ้าทรงเรียกมนุษย์ผ่านทางคนใดคนหนึ่งเพื่อเผยให้เห็นพระประสงค์ของพระองค์
พระเจ้าต้องการให้เราเป็นเครื่องมือในการนำผู้อื่นมาหาพระองค์
เพื่อทำให้อาณาจักรของพระองค์ปรากฏเป็นจริง ซึ่งเป็นอาณาจักรแห่งความรัก
สันติสุขและยุติธรรม ชีวิตมนุษย์เป็นชีวิตแสวงหาเสมอ
บางคนแสวงหาเงินทองเพื่อตอบสนองความต้องการของตน
บางคนแสวงหาความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตเพื่อจะได้มีความสุขสงบในบั้นปลาย
บางคนแสวงหาเกียรติยศชื่อเสียง เพื่อจะได้เป็นที่รู้จักและนับหน้าถือตา
ในพระวรสารศิษย์สองคนของยอห์นกำลังแสวงหาบางสิ่งบางอย่าง
ยอห์นได้ชี้ให้พวกเขาเห็นองค์พระคริสต์เจ้าและเป็นศิษย์ติดตามพระองค์ ทรงถามพวกเขา
“ท่านแสวงหาอะไร” คำตอบคือ “รับบี” ซึ่งแปลว่าอาจารย์ “พระองค์พำนักอยู่ที่ไหน”
และพระเยซูเจ้าตรัสกับพวกเขาว่า “มาดูเถิด” (Come and see) ซึ่งได้ให้แบบอย่างของการเป็นศิษย์ที่แท้จริงแก่เราว่า
เราต้องมาหาพระเยซูเจ้าก่อน พบและมีประสบการณ์ส่วนตัวกับพระองค์ จากนั้นจึงติดตามพระองค์อย่างใกล้ชิด
2. บทเรียนสำหรับเรา
บทอ่านวันนี้ได้ให้บทเรียนและแนวทางในการปฏิบัติที่สำคัญกับเราหลายประการ
ประการแรก
เราได้รับการเรียกให้มาเป็นศิษย์ของพระคริสตเจ้า ทุกคนร่วมมีส่วนในภารกิจของพระเยซูเจ้าคือ
เป็นแสงสว่างแก่มนุษย์ในท่ามกลางความมืด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ในการทำให้แสงสว่างแห่งความรัก ความเห็นอกเห็นใจและการให้อภัยของพระคริสตเจ้าฉายแสงในตัวเรา
เพื่อคนอื่นที่เห็นกิจการดีในตัวเรา จะได้ชมสรรเสริญพระบิดาเจ้าของเรา
ประการที่สอง
เราต้องตอบสนองด้วยการอุทิศตนรับใช้พระคริสตเจ้า การเรียกให้มาเป็นศิษย์ของพระคริสตเจ้า คือการเรียกให้มาเลียนแบบและเดินตามแนวทางของพระองค์
ที่มีชีวิตอยู่เพื่อผู้อื่น ในการรัก รับใช้และมอบชีวิตเพื่อทุกคนโดยไม่แบ่งแยก เพื่อเราจะสามารถอุทิศตนในการรับใช้พระเจ้าและเพื่อนพี่น้องได้อย่างเต็มที่
เราจะต้องเป็นอิสระในการปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้ามากกว่าน้ำใจของเรา
และพร้อมที่จะดำเนินชีวิตตามแบบอย่างของพระเยซูเจ้า
ประการที่สาม เราต้องนำผู้อื่นมาพบพระคริสตเจ้า ทุกวันนี้ยังมีผู้คนเป็นจำนวนมากที่ยังไม่รู้จักข่าวดีแห่งความรอด
การเป็นศิษย์ติดตามพระคริสตเจ้าแค่เล่าเรื่องราวของพระองค์ให้คนอื่นฟังเท่านั้นคงไม่เพียงพอ
แต่จะต้องนำเขาให้มาพบและมีประสบการณ์โดยตรงกับพระองค์ เหมือนอันดรูว์ที่ชักนำซีโมน
พี่ชายให้มารู้จักพระคริสตเจ้า นี่คือหน้าที่แห่งความรักที่เราไม่อาจปฏิเสธได้
บทสรุป
พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าได้ทรงเรียกเราให้มาเป็นคริสตชน เป็นศิษย์ติดตามของพระองค์
ให้ได้รับแสงสว่างและมีส่วนในพันธกิจของพระองค์ในโลก
นั่นไม่ใช่เพราะเราดีกว่าคนอื่น แต่เพราะความรักของพระเจ้ายิ่งใหญ่ พระองค์ทรงรักเราและเรียกเราทุกวันให้ติดตามพระองค์
เราจะต้องไม่ลังเลในการติดตามและเลียนแบบอย่างของพระองค์
ให้เราได้สรรเสริญพระเจ้า “ผู้ทรงเรียกท่านจากความมืด
สู่ความสว่างที่น่าพิศวงของพระองค์” (1 ปต 2:9)
ให้เราได้รักษาความเป็นหนึ่งเดียวในกลุ่มคริสตชนของเรา
และพยายามทุกวิถีทางในการขยายอาณาจักรของพระเจ้าในชีวิตประจำวันของเรา
ในความรักและการรับใช้ซึ่งกันและกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการดำเนินชีวิตเป็นเครื่องมือที่มองเห็นได้ของพระเจ้าในชีวิตประจำวัน
ในครอบครัว ในที่ทำงาน และในที่ต่างๆ ที่เราอยู่ เช่นนี้เอง
เราถึงจะได้ชื่อว่าเป็นคริสตชน เป็นศิษย์ที่แท้จริงของพระองค์
คุณพ่อขวัญ
ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว13 มกราคม 2012
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น