การเตรียมพร้อม
วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 32 เทศกาลธรรมดา
ปี A
|
ปชญ 6:12-16
1 ธส 4:13-18
มธ 25:1-13
|
บทนำ
การแต่งงานถือเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญอย่างยิ่งในชีวิตของชาวยิวและสังคมยิว
ตามธรรมเนียมยิวเมื่อใครคนหนึ่งจะแต่งงาน จะต้องปฏิบัติตามลำดับ 3 ขั้นตอนนี้
1)
การเจรจา
โดยปกติเป็นเรื่องของบิดามารดาหรือแม่สื่อที่จะไปเจรจาพาที (สู่ขอ) เจ้าบ่าว-เจ้าสาวอาจไม่เคยเห็นกันมาก่อน
ธรรมเนียมนี้ยังมีอยู่ในหมู่ชาวยิวจนถึงทุกวันนี้
2)
การหมั้นหมาย เมื่อคู่บ่าวสาวถึงวัยที่จะแต่งงานได้
จะมีการหมั้นหมายและการเลี้ยงฉลอง ซึ่งขั้นตอนนี้เกือบจะเป็นการแต่งงาน ที่ผูกมัดกันไว้ชนิดที่ไม่อาจขาดจากกันได้
หากฝ่ายชายตายไปตอนนี้ ฝ่ายหญิงจะกลายเป็นม่ายโดยปริยาย (แม่พระกับนักบุญยอแซฟ
อยู่ในขั้นตอนนี้)
3)
การสมรส
จะจัดขึ้นหนึ่งปีหลังจากหมั้นหมาย โดยเจ้าบ่าวอาจเดินทางไปบ้านเจ้าสาวตอนตะวันตกดิน
เพื่อรับตัวเจ้าสาวจากบิดา-มารดาและแห่แหนไปยังบ้านเจ้าบ่าวและเฉลิมฉลองตลอดสัปดาห์
ช่วงเวลานี้นับเป็นเวลาที่ทุกคนรอคอยและมีความยินดีที่สุด ต่างมาร่วมพิธีและร่วมขบวนแห่ไปยังบ้านเจ้าบ่าว
มีคำกล่าวว่า “ทุกคนที่อายุตั้งแต่
6 ขวบถึง 60 ปี จะเดินไปตามเสียงกลองพิธีแต่งงาน”
แม้แต่รับบีจะหยุดการศึกษาที่ทุ่มเทมาตลอดไว้ชั่วคราว
เพราะถือว่าพิธีแต่งงานเป็นพิธีที่มาจากพระเจ้า
หลังพิธีแต่งงานจะมีการเลี้ยงฉลองอย่างต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ ในช่วงนี้บ่าว-สาวจะได้รับการปฏิบัติราวกับราชาและราชินี
หญิงโง่ในพระวรสารพลาดโอกาสเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความยินดีนี้เอง
1. การเตรียมพร้อม
คำอุปมาที่พระเยซูเจ้าทรงเล่าในพระวรสารวันนี้
มีพื้นฐานมาจากธรรมเนียมการแต่งงานของชาวปาเลสไตน์ เพื่อสอนเราให้เตรียมพร้อมตลอดเวลาถึงการเสด็จมาครั้งที่สองของพระองค์
มีเพียงนักบุญมัทธิวที่กล่าวถึงเรื่องนี้ โดยพูดถึงสาวพรหมจารีสิบคนที่กำลังคอยรับเจ้าบ่าว
หญิงสาวสิบคนนี้คือคนที่ได้รับเชิญให้เป็นเพื่อนเจ้าสาวในการต้อนรับเจ้าบ่าวตามธรรมเนียม
ปัญหาสำหรับพวกเธอคือไม่รู้เวลาที่แน่นอนว่าเจ้าบ่าวจะมาเวลาใด
อาจมาถึงตอนกลางคืนจึงต้องเตรียมตะเกียงไว้จุดยามค่ำคืน
ตะเกียงที่ใช้กันในสมัยนั้นเป็นภาชนะเล็กๆ
ใส่น้ำมันสำหรับจุดได้สองสามชั่วโมง ดังนั้น
จึงต้องเตรียมขวดบรรจุน้ำมันไปด้วยเพื่อใช้เติมตะเกียงให้ลุกอยู่เสมอ
ตรงนี้เองที่พระเยซูเจ้าทรงชี้ให้เห็นหญิงโง่ห้าคน ที่ถือตะเกียงไปแต่ไม่ได้เอาน้ำมันไปด้วย
ขณะที่หญิงฉลาดห้าคนเตรียมน้ำมันใส่ขวดไปด้วย เนื่องจากเจ้าบ่าวชักช้าทุกคนจึงง่วงและหลับไป
เมื่อเจ้าบ่าวมาถึง หญิงโง่ได้รู้ถึงความผิดพลาดของตนที่ไม่ได้เตรียมน้ำมันไปด้วย จึงได้ร้องขอน้ำมันจากหญิงฉลาดแต่มีไม่พอต้องไปซื้อหาที่ตลาด
ทำให้พลาดโอกาสสำคัญในงานฉลองมงคลสมรส
คำอุปมานี้ต้องการเตือนกลุ่มคริสตชนในระยะเริ่มแรก
ที่หวังว่าพระเยซูเจ้าจะเสด็จมาในไม่ช้า มัทธิได้บอกผู้ฟังถึงความจริงที่ว่า
การเสด็จมาครั้งที่สองอาจชักช้าและไม่เป็นไปตามที่ทุกคนคาดหมาย
การตื่นเฝ้าและเตรียมพร้อมจึงเป็นสิ่งจำเป็น “เจ้าบ่าว”
ได้แก่พระคริสตเจ้า “เจ้าสาว”
หมายถึงพระศาสนจักร (วว 22:17)
“หญิงสาวสิบคน” คือตัวแทนสมาชิกของพระศาสนจักร
“ตะเกียง” ที่หญิงสาวเหล่านี้ถือคือความเชื่อที่คริสตชนแต่ละคนมี
“น้ำมัน” คือกิจการดี
ตะเกียงที่ไม่มีน้ำมันก็เหมือนความเชื่อที่ไม่มีกิจการ
เป็นความเชื่อที่ตายแล้วและไร้ประโยชน์ (ยก 2:17)
2. บทเรียนสำหรับเรา
คำอุปมาในพระวรสารวันนี้
พระเยซูเจ้าได้ให้บทเรียนที่สำคัญสำหรับเราคริสตชนในการดำเนินชีวิตหลายประการ
ประการแรก มีบางสิ่งที่ยืมกันไม่ได้ นั่นคือ “คุณงามความดี” หรือบุญกุศลที่ทุกคนต้องสร้างและสั่งสม
ในวาระสุดท้ายนั้นสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ขอยืมจากใครไม่ได้ เพราะ “ความดีไม่มีขาย อยากได้ต้องทำเอง”บ่อยครั้งเราคริสตชนหลงภูมิใจในความเชื่อแห่งศีลล้างบาปที่เราได้รับ
และหวังว่าจะเป็นหลักประกันสำหรับการเอาตัวรอด เหมือนหญิงโง่ที่มีตะเกียงแต่ไม่มีน้ำมัน
ย่อมไร้ประโยชน์ ความเชื่อเท่านั้นไม่พอสำหรับการเอาตัวรอด
ต้องมีกิจการดีด้วยและลงมือปฏิบัติตั้งแต่เวลานี้
ประการที่สอง โอกาสที่สูญเสียไปแล้วเอากลับคืนมาไม่ได้ หญิงโง่ออกไปหาซื้อน้ำมันขณะที่เจ้าบ่าวกำลังมาและพวกเธอมาไม่ทัน
ทำให้พลาดโอกาสสำคัญในการร่วมฉลองงานมงคลสมรส
เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จกลับมาพิพากษาโลกเป็นเช่นนี้แหละ ผู้ที่เตรียมพร้อมก็จะได้เข้าไปในงานเลี้ยงแห่งเมืองสวรรค์
ชีวิตที่เรามีจึงเป็นพระพรและโอกาสที่พระเจ้าให้มา
จงใช้ให้เกิดประโยชน์เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายสุดท้ายคือการอยู่กับพระเจ้า
ประการที่สาม จงเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอ การเสด็จมาและการเรียกของพระเจ้าไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า หญิงโง่ไม่อยู่ในสภาพเตรียมพร้อม
เธอจุดตะเกียงเหมือนคนอื่น แต่ช้าเกินไป เธอมาถึงที่ประตูงานมงคลสมรส
แต่สายไปเสียแล้ว พระเจ้าประทานชีวิตให้เรา
และให้เราเป็นผู้รับผิดชอบอย่างสมบูรณ์ ให้เราใช้ชีวิตของเราให้ดีที่สุด
เหมือนตะเกียงที่มีน้ำมันอยู่เสมอ เราจะต้องพร้อมที่จะต้อนรับพระคริสตเจ้าทุกลมหายใจ “จงตื่นเฝ้าระวังไว้เถิด เพราะท่านไม่รู้กำหนดวันและเวลา” (มธ
25:13)
บทสรุป
พี่น้องที่รัก เรากำลังเดินทางมาถึงช่วงสุดท้ายของปีพิธีกรรม โดยเฉพาะในเดือนพฤศจิกายนที่เตือนเราให้ระลึกถึงผู้ตาย
วาระสุดท้ายแห่งชีวิตของเราและของโลก เพื่อเราจะสามารถเตรียมตัวเผชิญวาระสุดท้ายไม่ใช่ด้วยความกลัวและวิตกทุกข์ร้อน
แต่เลียนแบบอย่างหญิงฉลาดที่นำน้ำมันไปด้วย
ด้วยการกระทำกิจการดีเพื่อทำให้ความเชื่อของเรามีชีวิต
เราจะต้องมีน้ำมันแห่งความรักในหัวใจเพื่อขับไล่ความมืดให้หมดสิ้นไปจากชีวิตของเรา
เพื่อให้แสงสว่างของพระคริสตเจ้าฉายแสงรอบตัวเรา ด้วยการดำเนินชีวิตตามพระวรสารและเป็นพยานส่องสว่างโลก
ให้เราได้วอนขอพระหรรษทานจากพระเจ้า
เพื่อเราจะได้พร้อมที่จะต้อนรับพระองค์เข้ามาในชีวิตของเราและฉายแสงแห่งความรักของพระองค์ให้ทุกคนได้เห็นในชีวิตประจำวัน
คุณพ่อขวัญ
ถิ่นวัลย์
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว4 พฤศจิกายน 2011
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น