หน้าที่ต่อพระเจ้าและบ้านเมือง
วันอาทิตย์
สัปดาห์ที่ 29 เทศกาลธรรมดา
ปี A
|
อสย 45:1,4-6
1 ธส 1:1-5ข
มธ 22:15-21
|
บทนำ
มหาตะมะ คานธี บิดาผู้สร้างชาติอินเดีย เป็นผู้นำชาวอินเดียต่อสู้เพื่อปลดปล่อยประเทศจากการยึดครองของอังกฤษด้วยวิธี
“อหิงสา” (การไม่ใช้ความรุนแรง)
คานธีจึงเป็นที่เคารพนับถือของชาวอินเดียทั้งชาติและทั่วโลก มีรูปติดอยู่ตามสถานที่ต่างๆ
ทั่วไป มีสถานที่แห่งหนึ่งได้ติดรูปคานธีและรูปพระเยซูเจ้าคู่กัน
ผู้ที่นิยมนับถือคานธีหลังจากเห็นรูปทั้งสองในสถานที่แห่งนั้น ได้กล่าวว่า “ข้าพเจ้าโค้งคำนับให้คานธี แต่ข้าพเจ้าคุกเข่านมัสการพระเยซูเจ้า”
เป็นความจริงว่า การนมัสการนั้นใช้กับพระเจ้าเท่านั้น
ส่วนมนุษย์นั้น แม้จะเป็นที่นิยมชมชอบมากเพียงใด เราก็ไม่อาจกราบนมัสการเหมือนพระเจ้าได้เพราะเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง
เนื่องจากมนุษย์เป็นสัตว์สังคม ไม่สามารถอยู่ได้โดยลำพังต้องอยู่ร่วมกับคนอื่น
เราจึงมีหน้าที่ต่อสังคมและชาติบ้านเมืองที่เราสังกัดอยู่อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
เราต้องจัดลำดับหน้าที่ของเราต่อพระเจ้าและชาติบ้านเมืองในแบบที่สมดุลกัน
ในสมัยของพระเยซูเจ้า รัฐบาลโรมันได้ผลิตเหรียญสำหรับใช้ในการซื้อขายแลกเปลี่ยน
ด้านหนึ่งเป็นรูปของจักรพรรดิติแบริอุส ซีซาร์ อีกด้านหนึ่งเป็นตราแผ่นดิน ประชาชนตั้งแต่อายุ
14 ปีถึง 65 ปี (ในดินแดนที่ถูกยึดครอง) จึงต้องเสียภาษีให้รัฐบาลโรมันด้วยเงินเหรียญที่ผลิตขึ้นนี้
(มีการอ้างถึงเงินเหรียญนี้บ่อยครั้งในพระวรสาร) ซึ่งสำหรับชาวยิวชาตินิยมไม่เห็นด้วยกับการเสียภาษีนี้
จนเป็นที่มาของความเกลียดชังคนเก็บภาษีทุกคน และถือคนเก็บภาษีเป็นคนบาปในระนาบเดียวกับหญิงโสเภณีและฆาตกร แต่พระเยซูเจ้าไม่คิดอย่างนั้น ทรงคบค้ากับพวกคนเก็บภาษีและเรียกคนหนึ่งให้มาเป็นศิษย์
(มธ 9:9-10)
1.
หน้าที่ต่อพระเจ้าและบ้านเมือง
คำถามที่ศัตรูของพระเยซูเจ้าหยิบยกขึ้นมาถามเพื่อจับผิดพระองค์ในพระวรสารวันนี้
“การเสียภาษีแก่จักรพรรดิซีซาร์เป็นการถูกต้องหรือไม่”
มิใช่คำถามที่ต้องการคำตอบแบบตรงไปตรงมา แต่เป็นหลุมพรางที่ต้องการจับผิดพระเยซูเจ้า
หากพระองค์ตอบว่า “ต้องเสีย”
ประชาชนจะเสื่อมความนิยมในพระองค์ (เพราะสนับสนุนการยึดครองของพวกโรมัน) หากตอบว่า
“ไม่ต้องเสีย”
พรรคพวกของกษัตริย์เฮโรดและชาวฟาริสีจะกล่าวหาพระองค์ว่าเป็นกบฏ ที่ยุยงประชาชนให้ขัดสู้กับอำนาจของพวกโรมัน
พระเยซูเจ้าไม่ตกหลุมพรางที่พวกเขาขุดดักไว้ ยิ่งกว่านั้นยังเปิดเผยพันธกิจของพระองค์คือ
การสถาปนาอาณาจักรของพระเจ้าและศักดิ์ศรียิ่งใหญ่ของมนุษย์ “ของของซีซาร์ จงคืนให้ซีซา และของของพระเจ้า
ก็จงคืนให้พระเจ้าเถิด” (มธ 22:21) พระเยซูเจ้าทรงชี้แนะให้เราเคารพผู้ปกครอง ที่ได้รับการแต่งตั้งตามกฎหมายและสิทธิในการปกครองของเขา
ทรงชี้ให้เห็นว่า ซีซาร์เป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งมิใช่เทพเจ้าแต่อย่างใด ประการสำคัญ
ทรงชี้ให้เห็นว่ามีบางสิ่งที่เป็นของพระเจ้า
นั่นคือมนุษย์ทั้งครบที่สร้างมาตามฉายาของพระองค์
ในฐานะที่เป็นพลเมืองของประเทศ
เราต้องเคารพและปฏิบัติตามกฎหมายบ้านเมือง ต้องเสียภาษี ต้องไปใช้สิทธิเลือกตั้ง
และดำรงตนเป็นพลเมืองดีของชาติบ้านเมือง ในอีกด้านหนึ่ง
ในฐานะคริสตชนเราเป็นประชากรแห่งอาณาจักรพระเจ้า
เราต้องแสวงหาและปฏิบัติตามแผนการและพระประสงค์ของพระเจ้า
ความรักและการรับใช้พระเจ้าที่เรามีต้องแสดงออกต่อเพื่อนพี่น้อง ต้องไม่มีความขัดแย้งกันระหว่างหน้าที่ต่อพระเจ้าและบ้านเมือง
2.
บทเรียนสำหรับเรา
คำตอบของพระเยซูเจ้าในพระวรสาร
ได้ให้บทเรียนที่สำคัญสำหรับเราคริสตชนในการดำเนินชีวิตหลายประการ
ประการแรก จงให้ความยุติธรรมกับทุกคน พระเยซูเจ้าต้องการจะบอกเราถึงพันธกรณีแห่งความยุติธรรม
ที่จะต้องคืนแก่ทุกคนในสิ่งที่เป็นของเขา เราไม่มีสิทธิที่จะเอารัดเอาเปรียบ หรือแสวงหาประโยชน์เพื่อตัวเราเองเท่านั้นโดยไม่คิดถึงคนอื่น
เพราะทุกคนล้วนเป็นฉายาของพระเจ้า เท่าเทียมกันในเกียรติและศักดิ์ศรี
จึงควรได้รับการปฏิบัติต่อกันบนพื้นฐานของความเสมอภาคและยุติธรรม
ประการที่สอง จงขอบคุณพระเจ้า หากพระเจ้าได้ประทานทุกสิ่งแก่เรา
(สิ่งที่เรามีและเราเป็น)
จึงเป็นหน้าที่ของเราแต่ละคนที่จะต้องขอบพระคุณ วางใจและรับใช้พระองค์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพิธีเฉลิมฉลองศีลมหาสนิท ศูนย์กลางแห่งชีวิตคริสตชนซึ่งหมายถึง
“การขอบพระคุณ” ที่เรามาร่วมพิธีทุกอาทิตย์
เราจะต้องสำนึกพระคุณและมอบคืนแด่พระเจ้าด้วยชีวิตทั้งครบของเรา พระเจ้าจะต้องสำคัญเป็นลำดับแรกเสมอในชีวิตของเรา
ประการที่สาม จงนอบน้อมเชื่อฟังพระเจ้า มนุษย์ถูกสร้างมาตามฉายาของพระเจ้า
จุดมุ่งหมายของมนุษย์คือการมีส่วนในชีวิตของพระเจ้า ด้วยความนอบน้อมเชื่อฟังพระองค์
ในกรณีที่มีความขัดแย้ง เราจะต้องเชื่อฟังพระเจ้ามากกว่าเชื่อฟังมนุษย์
หน้าที่ของเราต่อพระเจ้าจะต้องสำคัญกว่าหมด เช่น การมาวัดวันอาทิตย์
การถือปฏิบัติตามพระบัญญัติ การอธิษฐานภาวนา การให้ความเคารพต่อเพื่อนพี่น้องและมโนธรรมของตน
ฯลฯ
พี่น้องที่รัก ในพระวรสารชาวฟาริสีพยายามที่จะเล่นงานพระเยซูอยู่ตลอดเวลา
แต่พระเยซูเจ้าทรงรู้เท่าทันและหาทางออกต่อปัญหาที่พวกเขาหยิบยกขึ้นมาถามเพื่อจับผิดได้อย่างแนบเนียน
อีกทั้งได้เปิดเผยให้เห็นถึงพันธกิจของพระองค์ในการสถาปนาอาณาจักรของพระเจ้า และศักดิ์ศรีของมนุษย์ที่เป็นฉายาของพระเจ้า
ที่เราจะต้องมุ่งแสวงหาแผนการและปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระองค์
พระเยซูเจ้าได้บอกให้เราทราบว่า
ทุกสิ่งเป็นของพระเจ้า เราจึงต้องขอบพระคุณและมอบตัวเราทั้งครบแด่พระเจ้า
โดยไม่สงวนสิ่งใดไว้สำหรับตัวเราเอง แต่ละคนจะต้องดำเนินชีวิตตามจิตตารมย์ที่แท้จริงแบบคริสตชน
ด้วยการมุ่งการงานหน้าที่และสิ่งที่จะกระทำในวันนี้
ไปสู่พระเจ้าผู้เป็นคำตอบและหลักชัยแห่งชีวิตของเราแต่เพียงผู้เดียว
คุณพ่อขวัญ
ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว14 ตุลาคม 2011
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น