อาณาจักรของพระเจ้า
วันอาทิตย์ สัปดาห์ที่ 17 เทศกาลธรรมดา ปี A | 1 พกษ 3: 5, 7-12 รม 8: 28-30 มธ 13: 44-52 |
บทนำ
เมื่อไม่นานมานี้ (5 กรกฎาคม 2011) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มีการค้นพบกรุสมบัติที่เต็มไปด้วยทองคำ เพชรและอัญมณี จำนวนมากซุกซ่อนอยู่ในห้องลับใต้ดินภายในวัดศรีปัทมนาภะสวามี วัดฮินดูเก่าแก่แห่งหนึ่งสมัยศตวรรษที่ 16 ในเมืองตริวันดรัม รัฐแคราล่า ทางตอนใต้ของอินเดีย เบื้องต้นคาดว่าทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่ค้นพบจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 14,000 ล้านปอนด์หรือราว 687,080 ล้านบาท
ยังไม่สามารถบอกได้ว่า ทรัพย์สมบัติเหล่านี้เป็นกรรมสิทธิ์ของใคร แม้จะพบเหรียญกษาปณ์ของบริษัท “อินเดียตะวันออก” (East India Company) ของอังกฤษที่เคยผูกขาดการค้าในดินแดนแถบนี้รวมอยู่ด้วย ผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณคดีคาดว่า ทรัพย์สมบัติที่ค้นพบอาจเป็นของบรรดาทายาทของ “มหาราชา” พระองค์หนึ่งที่เคยมีอำนาจเหนือพื้นที่บริเวณนี้ในอดีต
ในพระวรสารวันนี้พระเยซูเจ้าทรงตรัสถึงเรื่องในลักษณะเดียวกัน “ขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ในทุ่งนา” และ “ไข่มุกเม็ดงาม” เนื่องจากดินแดนปาเลสไตน์สมัยนั้นอยู่ในภาวะสงคราม การซ่อนของมีค่าไว้ใต้ดินจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่สุด จนถึงกับมีคำกล่าวที่ว่า “พื้นดินเป็นที่เก็บเงินที่ปลอดภัยเพียงที่เดียวเท่านั้น” อีกทั้ง “ไข่มุก” เป็นสิ่งที่คนทั่วไปหลงใหล มิใช่เพราะเป็นสิ่งที่มีราคาแต่เป็นความสวยงามของมัน และเมื่อได้จับต้องเป็นเจ้าของจะรู้สึกปีติยินดี กฎหมายทัลมุด (Talmud) ของยิวกล่าวถึงไข่มุกว่า มีราคายิ่งกว่าสิ่งใด
1. อาณาจักรของพระเจ้า
คำอุปมาในพระวรสารวันนี้ บอกให้เราทราบถึงอาณาจักรของพระเจ้าและความชื่นชมยินดีเมื่อใครคนหนึ่งได้ครอบครองเป็นเจ้าของ คำอุปมาเรื่องขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ในทุ่งนาและไข่มุกเม็ดงาม มีความแตกต่างและความสอดคล้องกัน ในกรณีของคนที่พบขุมทรัพย์นั้นเป็นเรื่องบังเอิญ ส่วนพ่อค้าที่พบไข่มุกนั้นต้องใช้เวลาแสวงหาตลอดชีวิต การค้นพบอาณาจักรของพระเจ้าจึงเป็นได้ทั้งเรื่องบังเอิญ หรือต้องแสวงหาตลอดชีวิต
พระเยซูเจ้าเสด็จมาเพื่อประกาศอาณาจักรของพระเจ้าในโลก “เวลาที่กำหนดไว้มาถึงแล้ว พระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ใกล้แล้ว จงกลับใจและเชื่อข่าวดีเถิด” (มก 1:15) พระองค์เสด็จไปทั่วแคว้นกาลิลีเพื่อประกาศเรื่องพระอาณาจักร (มธ 4:23) แต่อาณาจักรของพระเจ้าแตกต่างจากอาณาจักรของโลกนี้ อาณาจักรของพระเจ้าเป็นธรรมล้ำลึกที่แสดงถึงการปกครองของพระเจ้าในโลก และการประทับอยู่ของพระองค์ในหัวใจ ในชีวิต ในบ้าน ในสังคม และในโลกของเรา
อาณาจักรของพระเจ้าจึงมีคุณค่าเหนือสิ่งอื่นใด เพื่อจะครอบครองอาณาจักรนี้ต้องละทิ้งทุกสิ่ง ชายที่พบขุมทรัพย์ในทุ่งนาและพ่อค้าที่พบไข่มุกเม็ดงาม รีบกลับไปขายทุกสิ่งที่มีเพื่อซื้อที่นาและไข่มุกเม็ดนั้น ใครที่แสวงหาและปรารถนาขุมทรัพย์แห่งอาณาจักรของพระเจ้า จะพบกับความยินดีอย่างหาที่สุดมิได้ เป็นความสุขแห่งการได้พบและอยู่กับพระเจ้า สิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตคือการรู้จักพระเจ้าและดำเนินชีวิตตามคุณค่าพระวรสาร
2. บทเรียนสำหรับเรา
คำอุปมานี้ ได้ให้บทเรียนที่สำคัญกับเราหลายประการ หากเราต้องการพบขุมทรัพย์แห่งพระอาณาจักรของพระเจ้าและพบความยินดีอย่างหาที่สุดมิได้
ประการแรก เราต้องแสวงหาพระเยซูเจ้าให้พบ เมื่อเราค้นพบพระเยซูเจ้าและพันธกิจแห่งชีวิตของพระองค์ สิ่งอื่นทั้งหลายจะกลายเป็นเรื่องรอง นักบุญเปาโลเป็นตัวอย่างสำหรับเราในเรื่องนี้ “ข้าพเจ้าคิดว่าการมีชีวิตอยู่ก็คือพระคริสตเจ้า และการตายก็เป็นกำไร” (ฟป 1:21) เพื่อจะกล่าวเช่นนั้นได้ เราต้องมีประสบการณ์ส่วนตัวและความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระองค์ ผู้เป็นขุมทรัพย์ที่แท้จริงสำหรับเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การภาวนาและการดำเนินชีวิตตามพระวาจาของพระองค์
ประการที่สอง เราต้องยอมสละทุกสิ่ง เพื่อจะได้สิ่งที่ดีที่สุดเราต้องยอมสละสิ่งที่ดีรองลงมา เช่น ความสะดวกสบาย เราจะต้องพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองและยอมสละน้ำใจของเรา เพื่อจะได้พบและอยู่ในอาณาจักรของพระเจ้าตลอดไป หน้าที่แห่งอาณาจักรของพระเจ้าประการหนึ่งคือ การตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ด้วยการแบ่งปันสิ่งที่เรามีกับคนขัดสนและต้องการความช่วยเหลือ พระเยซูเจ้ามิได้ตำหนิการมีทรัพย์สมบัติมาก แต่พระองค์ประณามการใช้ทรัพย์สมบัติอย่างเห็นแก่ตัวต่างหาก
ประการที่สาม เราต้องดำเนินชีวิตมุ่งไปยังเป้าหมายที่สูงค่า ดูเหมือนว่าเราใช้เวลาส่วนใหญ่ในการแสวงหาขุมทรัพย์ที่จอมปลอม เช่น เงินทอง สถานะทางสังคมหรือความพึงพอใจชั่วครู่ชั่วยาม เราต้องมุ่งแสวงหาสิ่งที่สูงค่ากว่านั้นคือ แผนการและพระประสงค์ของพระเจ้า อาณาจักรของพระเจ้าคืออาณาจักรแห่งความรักและการให้อภัย ดังนั้น เราต้องเจริญชีวิตในความรักและการให้อภัยซึ่งกันและกัน เป็นต้นในครอบครัว สังคมและหมู่คณะของเรา เพื่อทำให้อาณาจักรของพระเจ้าปรากฏเป็นจริงตั้งแต่ในโลกนี้
บทสรุป
พี่น้องที่รัก คำอุปมาที่พระเยซูเจ้าเล่าในพระวรสารบอกให้เราทราบว่า ไม่มีสิ่งไหนในโลกที่จะมีค่าและสำคัญมากไปกว่าอาณาจักรของพระเจ้า ซึ่งเป็นอาณาจักรแห่งความจริงและชีวิต อาณาจักรแห่งความศักดิ์สิทธิ์และพระหรรษทาน อาณาจักรแห่งความเมตตากรุณาและยุติธรรม อาณาจักรแห่งความรักและสันติสุข พระเยซูเจ้าทรงเชื้อเชิญเราให้สร้างพระอาณาจักรและแสวงหาการประทับอยู่ของพระองค์ ซึ่งเป็นสิ่งที่สูงค่าและจะไม่มีวันสูญเสียไป
อาณาจักรของพระเจ้าสามารถเห็นได้อย่างเด่นชัดในพระบุคคลของพระเยซูเจ้า บุตรของพระเจ้าที่เสด็จมาเพื่อ “รับใช้ผู้อื่นและมอบชีวิตของตนเป็นสินไถ่เพื่อมวลมนุษย์” (มก 10:45) พระองค์ทรงท้าทายและมอบแบบอย่างนี้แก่เราบนไม้กางเขน ประการสำคัญ อาณาจักรของพระเจ้าเริ่มแล้วตั้งแต่ในโลกนี้ ในเวลาที่เราดำเนินชีวิตในความรักต่อกันและให้อภัยความผิดของกันและกัน
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว21 กรกฎาคม 2011
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น