วันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

แอกและภาระที่แบก


 แอกและภาระที่แบก  

วันอาทิตย์ สัปดาห์ที่ 14
เทศกาลธรรมดา
ปี A
ศคย  9:9-10
รม 8:9.11-13
มธ 11:25-30

บทนำ

เมื่อไม่นานมานี้ สถาบันวิจัยประชากรแห่งรัฐฟลอริดา ได้เปิดเผยผลสำรวจภาวะบีบคั้นที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของชาวอเมริกันสมัยใหม่ ดังนี้

1)            หนึ่งในสี่ของชาวอเมริกันกำลังทนทุกข์กับภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ความรู้สึกโดดเดี่ยว และความกังวลเกี่ยวกับปัญหาต่างๆ
2)            สี่ในห้าของครอบครัวอเมริกันที่แต่งงานใหม่ สมาชิกของครอบครัวกำลังเผชิญกับปัญหาในชีวิต ส่วนใหญ่เป็นปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพและความไม่เข้าใจกัน
3)            ภาวะบีบคั้นที่ไม่สามารถจัดการได้ นำไปสู่การฆ่าตัวตาย การล่วงละเมิดทางเพศเด็ก ครอบครัวแตกแยก และความขัดแย้งรุนแรง
4)            ปัญหาภาวะบีบคั้นเหล่านี้ได้ส่งผลเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล รัฐบาลอเมริกันต้องใช้เงินมากกว่า 64.9 พันล้านดอลล่าร์ต่อปีในการแก้ปัญหาเหล่านี้

ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัญหาเหล่านี้ได้เกิดขึ้นในสังคมไทยด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีปัญหาความแตกแยกรุนแรง แบ่งสีเลือกข้าง แม้จะมีการคืนอำนาจให้ประชาชนผ่านทางการเลือกตั้ง อย่างที่เรากำลังจะพากันไปเลือกตั้งในวันนี้ (3 กรกฎาคม) แต่หลังการเลือกตั้งสิ้นสุดลง ใช่ว่าปัญหาเหล่านี้จะหมดสิ้นไป เพราะแต่ละฝ่ายต่างมุ่งแสวงหาแต่ประโยชน์ส่วนตน ไม่เคารพการตัดสินใจของประชาชนและคำนึงถึงชาติบ้านเมือง ประชาชนกลายเป็นเครื่องมือและข้ออ้างเพื่อให้ตนเองสมประโยชน์ จึงมีคำพูดในลักษณะที่ว่า “นักการเมืองคิดถึงแต่การเลือกตั้งครั้งต่อไป แต่รัฐบุรุษคิดถึงความผาสุกของประชาชน”

พระเยซูเจ้าทรงเข้าใจถึงสภาพจิตใจและปัญหาทุกอย่างที่เรากำลังเผชิญอยู่ พระองค์จึงได้มอบ “ข่าวดี” แก่เราในพระวรสารวันนี้ “ท่านทั้งหลายที่เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาพบเราเถิด เราจะให้ท่านได้พักผ่อน” (มธ 11:28) การดำเนินชีวิตคริสตชนและติดตามพระเยซูเจ้า เราจะพบกับสันติสุข การพักผ่อน และความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า นี่คือสิ่งที่พระองค์ทรงท้าทายเราในวันนี้

1.  แอกและภาระที่แบก

ในสมัยของพระเยซูเจ้าชาวยิวใช้แอกไม้วางบนคอวัวเพื่อลากไถ (ชาวนาไทยในอดีตใช้แอกกับควาย) ไม่ต้องสงสัยว่านักบุญยอแซฟและพระเยซูเจ้ามีประสบการณ์ในการทำแอกไม้ วิลเลียม บาร์คเลย์กล่าวว่า สมัยนั้นพระเยซูเจ้าได้ชื่อว่าเป็นคนทำแอกไม้ที่ดีที่สุดในแคว้นกาลิลี มีผู้คนจากทั่วประเทศพากันมาซื้อแอกที่พระองค์ทำ เหนือประตูร้านของพระองค์ที่นาซาแรธมีข้อความว่า “แอกของฉันเหมาะกำลังดี” และพระองค์ทรงใช้ภาพและประสบการณ์ที่พระองค์มีขณะทำงานในช่วงพระชนม์ชีพไม่เปิดเผย สอนเราในวันนี้ว่า “แอกของเราอ่อนนุ่มและภาระที่เราให้ท่านแบกก็เบา” (มธ 11:30)

เมื่อพระเยซูเจ้าพูดถึง “ภาระที่เบา” พระองค์ไม่ได้หมายความว่าภาระนั้นง่ายสำหรับการแบกรับ แต่เป็นภาระที่พระองค์มอบให้เราด้วยความรัก แม้ภาระนั้นจะหนักมากเพียงใด แต่เมื่อแบกด้วยความรักก็กลายเป็นภาระที่เบาและง่ายสำหรับการแบก ทุกอย่างดูง่ายและเป็นไปได้เสมอสำหรับความรัก ที่สำคัญมากกว่านั้นคือ พระองค์ทรงช่วยเราแบกภาระดังกล่าว พระองค์ทรงประทับอยู่กับเราและช่วยเหลือเราเสมอในห้วงเวลาแห่งปัญหาและความยากลำบาก

ในชีวิตประจำวันเรามีภาระที่ต้องแบกรับหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นค่าครองชีพที่สูงขึ้น (ค่ากินอยู่ ค่าเล่าเรียนลูก ค่าจ้างแรงงาน) หน้าที่การงานที่ต้องรับผิดชอบ สุขภาพอนามัย หรือความมั่นคงปลอดภัยในชีวิต  พระเยซูเจ้าทรงรับรู้และเข้าใจในภาระที่เรากำลังแบก “ท่านทั้งหลายที่เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาพบเราเถิด เราจะให้ท่านได้พักผ่อน” (มธ 11:28) พระองค์ทรงเรียกให้เรามาหาพระองค์ และปฏิบัติตามแนวทางที่พระองค์ทรงสอน เมื่อเรามีพระเจ้าเป็นศูนย์กลางของชีวิตและปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระองค์ ภาระต่างๆ ในชีวิตจะไม่หนักจนเกินไป

2.           บทเรียนสำหรับเรา

พระวรสารวันนี้ ได้ให้บทเรียนที่สำคัญหลายอย่างกับเรา

ประการแรก เราต้องวางภาระทุกอย่างของเราต่อหน้าพระเยซูเจ้า เป็นความจริงว่าเราไม่อาจมีชีวิตอยู่โดยปราศจากปัญหาและความยากลำบาก แต่เมื่อเราวางภาระและความกังวลใจทุกอย่างที่พระแท่นในพิธีบูชาขอบพระคุณ เราจะพบความบรรเทาและสันติสุข ช่วงเวลาที่เราได้อยู่กับพระเจ้า จึงเป็นเหมือนกับการชาร์ตแบตเตอรีและเติมพลังอีกครั้งหนึ่ง การยกโทษและการให้อภัยที่เราได้รับเมื่อเรามาหาพระองค์ทางศีลอภัยบาป จะทำให้เราได้รับความบรรเทา ความหวัง และความชื่นชมยินดี

ประการที่สอง เราต้องปล่อยวางภาระที่ไม่จำเป็น เพื่อจะได้รับแอกของพระองค์ที่จะนำเราไปสู่ชีวิตใหม่ พลังใหม่ และความยินดีใหม่ ภาระบางอย่างในชีวิตเป็นเรื่องไร้สาระและไม่มีประโยชน์สำหรับชีวิตฝ่ายจิต เพื่อจะปลอดปล่อยชีวิตของเราจากความกังวลและความวุ่นวายใจไร้สาระเหล่านี้ เราต้องรู้จักยกโทษและให้อภัยซึ่งกันและกันด้วยใจกว้าง ในอันที่จะช่วยให้เราได้พักผ่อนและพบสันติสุขแท้ ซึ่งมิใช่สำหรับตัวเราเองเท่านั้น แต่จะต้องแบ่งปันกับผู้อื่นในชีวิตประจำวันด้วย

ประการที่สาม เราจะต้องมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระเยซูเจ้า เราถูกเรียกให้ติดตามและมีชีวิตที่สนิทสัมพันธ์ส่วนตัวกับพระเยซูเจ้า ผู้มีใจสุภาพอ่อนโยนและถ่อมตน นี่คือ ปรีชาญาณที่พระองค์ทรงปิดบังจากผู้ปรีชาและรอบรู้ แต่ทรงเปิดเผยให้ผู้ต่ำต้อยได้ทราบ เป็นความจริงว่า บางคนมีปริญญาหลายใบ มีทรัพย์สมบัติมาก มีอำนาจล้นฟ้า แต่ไม่มีความสุข

บทสรุป

พี่น้องที่รัก แอกแห่งความรักที่พระเยซูเจ้ามอบให้แก่เรา จะไม่ทำให้เรารู้สึกหนักหรือเป็นภาระ แต่จะทำให้เราได้พบการพักผ่อนและสันติสุขแท้ พระองค์ทรงเรียกเราแต่ละคนให้ติดตามและมีชีวิตที่สนิทสัมพันธ์กับพระองค์ ให้เราได้เลียนแบบพระหฤทัยของพระองค์ที่สุภาพอ่อนโยนและถ่อมตน “จงรับแอกของเราแบกไว้ และมาเป็นศิษย์ของเรา เพราะเรามีใจสุภาพอ่อนโยนและถ่อมตน” (มธ 11:29)

ให้เราได้หันกลับมาหาพระเยซูเจ้า ผู้นำความรัก ความหวังและการให้อภัยไปสู่ผู้ต่ำต้อย ขอให้ความรักขององค์พระเยซูเจ้าทรงนำทางเราและช่วยให้เราตระหนักว่า พระเจ้าจะต้องยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุด ชีวิตของเราจะต้องเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ และเป็นเครื่องหมายที่มองเห็นได้แห่งความรักของพระองค์กับเพื่อนพี่น้อง เป็นต้นคนต่ำต้อย เพื่อเราจะสามารถกล่าวได้อย่างนักบุญเอากุสตินที่ว่า “จิตใจข้าพเจ้าจะไม่พบการพักผ่อน จนกว่าจะได้พักพิงอยู่ในพระเจ้า”

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
1 กรกฎาคม 2011

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น