“ทุกอย่างต่างมีเหตุผลของมัน”
ชีวิตจะต้องพบความสุข หรือความทุกข์
จะมีรอยยิ้มหรือมีน้ำตา
พ่อสอนว่า “มันมีเหตุผลของมัน”
ย้อนกลับไปที่คำๆเดิม
“สุดแต่น้ำพระทัยพระองค์..”
ในเมื่อมันต่างมีเหตุผลของมัน พ่อจึงสอนอีกว่า
เพียงแค่เราเชื่อว่ามันจะผ่านไปด้วยดี
เพียงแค่เรามีความเชื่อว่ามันจะผ่านไปด้วยพระเมตตาของพระเจ้า
ทุกอย่างก็จะผ่านไป
.........................................
ฉันเคยสงสัยว่าทำไมคนบางคนต้องก้าวร้าว
ทำไมคนบางคนจึงกล้าทำร้ายคนอื่นอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร
ทำไมคนบางคนต้องคอยจับผิดแม้เรื่องเล็กน้อยของคนอื่น
และมากมายที่สงสัยว่าทำไมต้องมีคนแบบนี้บนโลกใบนี้
“ทุกอย่างต่างมีเหตุผลของมัน”
ฉันมานั่งนึก ไตร่ตรองแล้วว่า
ถ้าไม่มีคนก้าวร้าว เราจะรู้ได้อย่างไรว่าความอ่อนโยนเป็นอย่างไร
เค้าเป็นครูของเราให้เราเรียนรู้จักว่านี่แหละที่เรียกว่าก้าวร้าว
ถ้าไม่มีคนเข้มงวด คอยจับผิด หรือตำหนิแม้เรื่องเล็กน้อย
องค์กรจะมีระเบียบวินัยได้อย่างไร
บางทีเราต้องชื่นชมและเห็นใจเขา
เพราะเขานี่แหละที่จะโดนคนรอบข้างทำร้ายและไม่หวังดี
สำคัญคือเราเองก็ทำอย่างเขาไม่ได้มิใช่หรือ
ฉันพร่ำย้ำคำสั่งสอนเหล่านี้ให้จดจำไว้ในใจ
เพราะการยอมรับใครสักคนที่ก้าวร้าว
ใครสักคนที่มีแต่คำพูดเชิงลบสม่ำเสมอ
เป็นสิ่งที่ฉันยากจะทำใจให้รักพวกเขาได้
ฉันแทบจะนับเวลาเป็นนาทีเมื่ออยู่ในสถานการณ์กับพวกเขาเหล่านั้น
เมื่อสิ้นสุดความอดทน ฉันมักจะเดินออกจากสถานการณ์นั้นไป
ไปหาที่สงบๆ พักพิง
บางสิ่งบางอย่างต้องใช้เวลา
และต้องใช้ความคิดทางบวกให้มากๆ
เพื่อความสงบสุขของจิตใจตัวเราเอง
หลังจากนี้..ฉันคงได้คำใหม่เพื่อสงบตัวเองได้ดีขึ้น
“ทุกอย่างต่างมีเหตุผลของมัน”
และ
“สุดแต่น้ำพระทัยพระองค์”
................................................
ด้วยรักค่ะ
น้ำผึ้งหวาน
27 กุมภาพันธ์ 2554
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น