วันเสาร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

พระญาณสอดส่องของพระเจ้า

สัปดาห์ที่ 8 เทศกาลธรรมดา ปี A
อสย 49:14-15
1 คร 4:1-5
มธ 6:24-34

บทนำ

“สุดสลด! พ่อแจ้งจับแม่ หลังพาลูกสาว 3 คนเร่ขายตัว” นี่คือข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับเมื่อต้นเดือนตุลาคม ปีที่แล้ว (5 ต.ค. 2010) เนื้อข่าวก็คือ หนุ่มใหญ่วินมอเตอร์ไซด์ย่านดินแดงได้เข้าร้องทุกข์ “มูลนิธิปวีณา” ให้ช่วยจับเมีย หลังพาลูกสาว 2 คนและลูกเลี้ยงอีก 1 คน เร่ขายบริการทางเพศให้ชาวต่างชาติ โดยบังคับขายตัวตั้งแต่ 6 ขวบ นานเป็นปี ความเพิ่งมาแตกหลังเห็นลูกเลี้ยงกลับบ้านตอนเช้า เมื่อทราบความจริงจากปากลูกทั้งสามถึงกับทำใจไม่ได้ ขณะที่แม่ยังให้การปฏิเสธ

ข่าวในลักษณะเช่นนี้จะได้ยินบ่อยมาก ในยุคสมัยที่ถือเงินตราเป็นพระเจ้า ลัทธิวัตถุนิยมที่บูชาเงินตราได้ครอบงำจิตใจมนุษย์ ทำให้เงินมีความสำคัญเหนือความถูกต้องชอบธรรม จนทำให้แม่ผู้ให้กำเนิดมองข้ามคุณค่าความเป็นมนุษย์ของลูก ยอมขายลูกเพื่อให้ได้เงินหรือสิ่งของที่ตนเองต้องการ โดยไม่สนใจว่าจิตใจของลูกจะเจ็บปวดและบอบช้ำแค่ไหน ในเวลาที่ต้องกลายเป็นที่ละบายความใคร่ของคนที่ไม่เคยรู้จัก

สังคมทุกวันนี้มองอะไรเป็นธุรกิจไปหมด เงินทองมีอิทธิพลเหนือจิตใจสูงมาก แต่ในท่ามกลางสภาพสังคมที่ฟอนเฟะ สิ้นหวัง ประกาศกอิสยาห์ได้ยืนยันกับประชากรอิสแอลและเราคริสตชนในปัจจุบันว่า ถึงแม้แม่จะลืมบุตรที่ยังกินนมและไม่สงสารบุตรที่เกิดจากครรภ์ของนาง แต่พระเจ้าจะไม่ลืมเรา พระเจ้ายังทรงซื่อสัตย์ต่อประชากรของพระองค์และทรงรักษาคำสัญญาที่ให้ไว้ แม้เราจะหันหลังให้พระเจ้าและไว้ใจในตนเอง บุคคลอื่น เงินตรา หรือสิ่งวัตถุภายนอก แต่พระเจ้าไม่เคยทอดทิ้งเรา

1. พระญาณสอดส่องของพระเจ้า

ในพระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าได้เตือนเราว่า เราเป็นบุตรที่มีค่ายิ่งของพระเจ้า พระองค์ทรงรักและดูแลเอาใจใส่เรา ทรงบอกเรามิให้วิตกทุกร้อนหรือเป็นกังวลเกี่ยวกับสิ่งใดๆ ทรงบอกให้เราดูนกในอากาศและดอกไม้ในทุ่งนา ที่พระบิดาเจ้าทรงดูแลและเลี้ยงดูมัน ทั้งนี้ เพื่อเราจะได้วางใจในพระองค์ เพราะมนุษย์ประเสริฐกว่านกและดอกไม้เป็นไหนๆ และพระเจ้าทรงเอาใจใส่เราเป็นพิเศษ

ความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้คือ “พระญาณสอดส่องของพระเจ้า” ที่ทรงดูแลเอาใจใส่เรา เราจึงไม่ควรวิตกทุกข์ร้อน แต่ควรวางใจในความรักและการเอาใจใส่ของพระเจ้า คริสตชนจะต้องวางทุกอย่างของตนในมือของพระเจ้า ดังนั้น ความภักดีของเราต่อพระเจ้าจึงไม่ควรแบ่งแยก แต่จะต้องวางใจในพระองค์อย่างสิ้นเชิง พระเยซูเจ้าทรงยืนยันหนักแน่นว่า เราไม่สามารถเป็น “ข้าสองเจ้า บ่าวสองนายได้” นั่นคือ เราไม่สามารถรับใช้พระเจ้าและเงินตราในเวลาเดียวกันได้

พระเยซูเจ้าต้องการสอนศิษย์ของพระองค์ว่า “อะไรคือสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตของเรา” เราจะต้องตัดสินใจเลือกระหว่างพระเจ้ากับเงินทองหรือสิ่งวัตถุภายนอก ซึ่งเป็นสิ่งที่เข้ากันไม่ได้เพราะขัดแย้งกับเป้าหมายแห่งชีวิต พระเยซูเจ้าทรงแนะนำไม่ให้เรากังวลเกี่ยวกับปัญหาในชีวิตของเรา เช่น การกิน การดื่ม และการนุ่งห่ม พระบิดาเจ้าของเราทรงทราบว่าเราต้องการสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ดังนั้น พระองค์จึงทรงแนะนำเราว่า “จงแสวงหาพระอาณาจักรของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มทุกสิ่งเหล่านี้ให้” (มธ 6:33)

2. บทเรียนสำหรับเรา

คำถามที่เราจะต้องถามตนเองอยู่เสมอคือ “อะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเรา” เป็นความจริงว่า เรามีความกังวลหลายอย่างในชีวิต ซึ่งกลายเป็นปัญหาที่เกาะกินใจเราอยู่เสมอ ที่สร้างปัญหาและความรำคาญให้กับชีวิตของเราไม่เว้นแต่ละวัน เช่น พ่อแม่กังวลเกี่ยวกับอนาคตลูก คนงานกังวลเกี่ยวกับงานที่พวกเขากำลังทำอยู่ นักเรียนกังวลเกี่ยวกับการสอบที่กำลังจะมาถึง คนป่วยกังวลเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บที่ตนเองเป็นอยู่ ความกังวลเหล่านี้ทำให้เราวุ่นวายใจ

เมื่อพระเยซูเจ้าทรงสอนศิษย์ของพระองค์ ไม่ให้กังวลเกี่ยวกับอาหาร เครื่องดื่ม และเครื่องนุ่งห่ม พระองค์มิได้ประณามสิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิตเหล่านี้ แน่นอนว่า เราจะต้องวางแผนสำหรับอนาคต แต่เหนือสิ่งอื่นใด เราต้องแสวงหาสิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิตของเราคือ ความรอดนิรันดร “มนุษย์จะได้ประโยชน์ใดในการที่ได้โลกทั้งโลกเป็นกำไร แต่ต้องเสียชีวิต” (มธ 16:26) ชีวิตของเราจะมีความหมายก็ต่อเมื่อเราเดินมุ่งตรงไปยังอาณาจักรของพระบิดาเจ้า นี่คือ สิ่งเดียวเท่านั้นที่เราจะต้องเป็นกังวล

พระเยซูเจ้าทรงสอนเราในปัจจุบันว่า เราจะต้องวางปัญหาทุกอย่างไว้กับพระเจ้า ไว้ใจในพระองค์ว่าจะทรงดูแลเอาใจใส่เรา สิ่งที่เราควรจะกล่าวกับตนเองทุกวันคือ “ขอบคุณพระเจ้า... มันไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด” แล้วหันเหชีวิต ทัศนคติ และจิตใจของเราไปยังพระเยซูเจ้า คริสตชนจะต้องไม่กังวล เพราะเราวางใจความรักอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ความกังวลคือสิ่งบอกเหตุว่าเราขาดความไว้ใจในพระองค์

พระเยซูเจ้าทรงให้แนวทางในการเอาชนะความกังวลเหล่านี้:

ประการแรก เราจะต้องมีจิตใจเพ่งไปที่อาณาจักรของพระเจ้า คือการดำเนินชีวิตตามแผนการและน้ำพระทัยของพระเจ้า ความรักที่เปี่ยมล้นในพระเจ้าจะขจัดความกังวลให้หมดสิ้นไป

ประการที่สอง ความกังวลจะหมดสิ้นไป เมื่อเราเชื่อในพระญาณสอดส่องของพระเจ้า ที่ทรงมีแผนการสำหรับชีวิตเราและทรงเอาใจใส่ดูแลเราเสมอ แม้ในห้วงเวลาของความยากลำบาก

ประการที่สาม เราจะต้องดำเนินชีวิตในปัจจุบันโดยไม่คิดถึงอนาคตข้างหน้าที่ยังมาไม่ถึง เวลาที่สำคัญที่สุดคือ “เดี๋ยวนี้ ขณะนี้” ซึ่งเป็นความจริงที่อยู่ต่อหน้าเรา แต่ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ต้องวางแผนหรือเตรียมการสำหรับอนาคต อีกทั้ง เรายังต้องใส่ใจในความต้องการของผู้คนที่อยู่รอบข้างเรา แต่เหนือสิ่งอื่นใดที่พระเยซูเจ้าต้องการสอนเราคือ การหยุดใส่ใจในหนทางที่นำเราไปสู่บาป

บทสรุป

พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าเตือนศิษย์ของพระองค์และเราในปัจจุบัน ให้เชื่อไว้ใจในพระเจ้า ซึ่งเป็นองค์แห่งความรักและความดีบริบูรณ์ พระองค์ทรงทราบดีถึงความต้องการของเราแต่ละคน และทรงจัดหาทุกอย่างเพื่อเรา นี่คือ สิ่งที่เราเรียกว่า “พระญาณสอดส่อง” ดังนั้น เราจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องเป็นกังวล หรือวิตกทุกข์ร้อน เพราะพระบิดาเจ้าผู้ทรงรู้ทุกอย่าง พระองค์ทรงทราบทุกอย่างเกี่ยวกับเราและสิ่งที่จำเป็นสำหรับลูกของพระองค์ทุกคน

เราจะต้องตระหนักเสมอว่า พระเจ้าทรงเอาพระทัยใส่เราเหมือนบิดาที่ปฏิบัติต่อลูก แม้แม่ในโลกนี้จะลืมลูกของนางได้ แต่พระเจ้าไม่เคยลืมและทอดทิ้งเรา ให้เราได้วางใจในพระเจ้าทุกวันเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคปฏิบัติในความรักต่อกันและบอกตนเองเสมอว่า “จงแสวงหาพระอาณาจักรของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มทุกสิ่งเหล่านี้ให้” (มธ 6:33)

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
วัดพระคริสตประจักษ์ นาบัว
25 กุมภาพันธ์ 2011

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น