วันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เพื่อนเก่า

การพบปะกันครั้งแรกที่เชียงใหม่ 24 พฤศจิกายน 2000

 เพื่อนเก่า

มีเรื่องเล่าว่า เพื่อนรักสองคนร่วมเดินทางข้ามทะเลทรายไปด้วยกัน ระหว่างทางเกิดความไม่เข้าใจและโต้เถียงกันอย่างรุนแรง เพื่อนคนหนึ่ง พลั้งมือตบหน้าอีกคนหนึ่ง คนที่ถูกทำร้ายรู้สึกผิดหวังและเจ็บปวดมาก แต่ไม่โต้ตอบอะไร กลับใช้นิ้วเขียนบนผืนทรายว่า “วันนี้ ถูกเพื่อนตบหน้า”

ทั้งสองคนยังคงเดินทางต่อไปด้วยกัน เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น กระทั่งถึงแหล่งน้ำ ทั้งสองตัดสินใจลงอาบน้ำชำระร่างกาย พลันนั่นเอง คนที่ถูกตบหน้าเกิดจมน้ำ เพื่อนอีกคนไม่รั้งรอรีบเข้าช่วยชีวิต ทำให้เพื่อนคนนั้นรอดตาย แต่ยังไม่ยอมพูดอะไร กลับสลักข้อความลงบนหินว่า “วันนี้ เพื่อนรักช่วยชีวิตไว้”

เพื่อนคนนั้นรู้สึกแปลกใจ จึงถามว่า “เมื่อถูกเราตบหน้า นายเขียนข้อความบนทราย แล้วทำไมเมื่อครู่ กลับสลักลงบนหิน” เพื่อนคนถูกตบหน้ายิ้มและพูดว่า “เมื่อเพื่อนทำไม่ดี เราเขียนมันไว้บนทราย เพื่อให้สายลมแห่งการให้อภัย พัดผ่านและลบล้างไม่ให้เหลืออะไร แต่เมื่อเพื่อนทำดีช่วยชีวิต เราสลักไว้บนก้อนหินแห่งความทรงจำในหัวใจ ซึ่งสายลมไม่สามารถลบล้างหรือทำลายได้”

เราคงเคยได้ยินคำคมที่ว่า “นกไม่มีขน คนไม่มีเพื่อน ขึ้นสู่ที่สูงไม่ได้” ในชีวิตของมนุษย์แต่ละคนต้องมีเพื่อนที่เคยช่วยเหลือ ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา ก่อนจะแยกจากกันไปตามหน้าที่ความรับผิดชอบของแต่ละคน เพื่อนเก่าเป็นเหมือนกับรูปถ่าย ซึ่งเป็น “ความทรงจำที่น่าภาคภูมิใจ” ดังนั้น การได้มีโอกาสมาพบปะกันจึงเป็นสิ่งที่มีคุณค่า คล้ายกับการได้หยิบรูปถ่ายในอัลบั้มขึ้นมาปัดฝุ่น คิดถึงเหตุการณ์และเรื่องราวในภาพเหล่านั้น

แต่การได้มีโอกาสพบปะกันเป็นมากกว่าการดูภาพเก่าๆ โดยลำพัง เพราะได้รับรู้ความเป็นไปของเพื่อนในช่วงที่ห่างหายไม่เจอกัน อาทิความทุกข์ของเพื่อนฆราวาสคนหนึ่งที่เพิ่งสูญเสียลูกชาย การได้อยู่ด้วยกันแม้เพียงเวลาสั้นๆ จึงเป็นกำลังใจและยาขนานเอกสำหรับกันและกัน ซึ่งบางครั้งไม่ต้องพูดอะไรมาก เพียงแค่ได้เจอหน้ากันก็มีความสุขแล้ว

การได้พบกันจึงเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่ทุกคนถวิลหา และคิดว่า “น่าจะพบกันบ่อยครั้งขึ้น อาจเป็นปีละครั้ง”เพราะแต่ละคนต่างอายุมากขึ้น เพื่อนดีๆ ที่เข้าใจกันนั้นเริ่มมีน้อยลงและหายากขึ้นทุกที คงมีแต่ “เพื่อนเก่า” เท่านั้นแหละ ที่พอจะเข้าใจและพูดจากันรู้เรื่อง เพื่อนบางคน 30 ปีแล้วที่ไม่เจอกัน การได้พบกันจึงเป็นความยินดีและประสบการณ์อันล้ำค่าที่หาที่ไหนไม่ได้ นอกจากใน “เพื่อนเก่า” ของเรา
เพื่อนเก่าจากบ้านเณรฟาติมาท่าแร่ 30 ปีที่ไม่ได้เจอกัน

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
danielkhuan@hotmail.com
ไร่วนานุรักษ์ วังน้ำเขียว
24 กุมภาพันธ์ 2011

หมายเหตุ เพื่อนรุ่นเดียวกันที่เข้าบ้านเณรใหญ่แสงธรรมมีทั้งหมด 29 คน ได้บวชเป็นพระสงฆ์ 17 คน (รวมนักบวช 20 คน) ถือเป็น “แสงธรรม รุ่น 15” (2529/1986) การรวมรุ่นครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ที่ธารารีสอร์ท พัทยา ของคุณวีระศิลป์-เสาวนีย์ ธาราศิลป์ ถือเป็นที่สงบและสวยงามมาก

2 ความคิดเห็น:

  1. พ่อขวัญรุ่นเดียวกับ พ่อยุทธ พ่ออ้วน พ่อเกียรติหรือนี่....เซอร์ไพร์สมากๆๆๆ

    ตอบลบ
  2. ขอพระประทานพระพรอันอุดม ให้เป็นสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร

    ตอบลบ