วันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2568

บทเรียนจากชาวสะมาเรีย

 

บทเรียนจากชาวสะมาเรีย

จันทร์

สัปดาห์ที่ 27 เทศกาลธรรมดา

ยนา 1:1-7; 2:1, 11

ลก 10:25-37

บทอ่านแรก พูดถึงเรื่องโยนาห์ที่ได้รับพระบัญชาจากพระเจ้าให้ไปเทศน์สอนที่เมืองนินาเวห์ นครใหญ่ซึ่งชาวเมืองประพฤติผิดศีลธรรม และตั้งอยู่ห่างออกไป 800 กิโลเมตร โยนาห์ปฏิเสธและออกเดินทางไปทิศทางตรงข้าม การไม่เชื่อฟังของโยนาห์ไม่เพียงแต่ทำให้ชีวิตของเขาตกอยู่ในอันตรายเท่านั้น แต่ยังคุกคามชีวิตของลูกเรือผู้บริสุทธิ์อีกด้วย ที่สุด โยนาห์หนีพระบัญชาของพระเจ้าไม่ได้

อุปมาเรื่องชาวสะมาเรียผู้ใจดี เป็นบทสรุปคำสอนในภาคปฏิบัติของพระเยซูเจ้าที่เกี่ยวข้องกับภาคปฏิบัติมากที่สุด ประการแรก เรามีหน้าที่ต้องช่วยเหลือผู้อื่น แม้ว่าชายที่ถูกโจรปล้นจะประสบความเดือดร้อนเพราะความผิดพลาดของเขา เราเห็นชัดว่า เขาเป็นคนประมาท เดินทางคนเดียวโดยลำพังในเส้นทางที่รู้ดีอยู่แล้วว่าอันตราย ทำให้ถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส สะท้อนภาพความจริงแห่งชีวิตของเราแต่ละคนซึ่งเป็นคนบาป ผิดพลาดเป็นประจำ  บางครั้งความผิดพลาดหนัก “เกือบสิ้นชีวิต” ที่เราต้องการความช่วยเหลือจากใครสักคน

ประการที่สอง เราต้องช่วยเหลือคนเดือดร้อนก่อน เราเห็นสมณะมีใจจดจ่อกับการปฏิบัติหน้าที่ตามจารีตพิธีในพระวิหาร ถือปฏิบัติตามกฎเกณฑ์อย่างเคร่งครัดเรื่องการเป็นมลทิน จนลืมความต้องการของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน  ศาสนาสำหรับเขาเป็นแต่เพียงการถือปฏิบัติตามจารีตพิธีอย่างครบถ้วนไม่มีที่ติ แต่ขาดมิติของชีวิตในความสัมพันธ์กับเพื่อนมนุษย์ โดยเฉพาะคนเดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนซึ่งอยู่ต่อหน้า

ประการที่สาม เราต้องช่วยเหลือคนเดือนร้อนแม้ต้องเสี่ยง ชาวเลวีไม่ยอมเสี่ยงเพราะเกรงว่า ตนเองจะติดร่างแหไปด้วย  หากหมอไม่ยอมช่วยคนไข้เพราะกลัวติดโรคย่อมไม่มีการรักษาเกิดขึ้น แต่หมอทั้งหลายยอมเสี่ยง เหตุผลหนึ่งที่เราไม่กล้าเสี่ยงเพราะไม่อยากเดือดร้อน คิดคำนวณดูแล้วไม่คุ้ม ทำให้เสียเวลา เสียงาน เสียอารมณ์ ประการสำคัญคือเสียเงิน  แต่พระเยซูเจ้าสอนว่า “อย่าชั่งน้ำหนัก อย่าคำนวณ แต่จงยอมแพ้ต่อความรัก”

ประการสุดท้าย บทเรียนจากชาวสะมาเรียซึ่งชาวยิวมองว่าเป็นคนบาป เขาได้ทำในสิ่งที่คนเคร่งศาสนา ชื่อเสียงดี มีเกียรติภูมิไม่ทำกัน เขาเป็นคนช่วยเหลือชายบาดเจ็บเกือบสิ้นชีวิต  เขากระทำในสิ่งที่ให้ชีวิต  เข้าไปหา ปลอบโยน พันแผลให้ ช่วยพยุงขึ้นหลังสัตว์ เป็นธุระจัดการเรื่องที่พัก และจัดหาคนดูแล เขาเป็นคนต่างถิ่นที่เดินทางตามลำพัง ไม่มีทรัพย์สินมาก แต่ “ตาของเขาช่างสังเกตและหัวใจของเขาเต้นในจังหวะเดียวกันกับหัวใจของพระเจ้า”

พระเยซูเจ้าทรงเรียกร้องบรรดาศิษย์ให้ทำอย่างชาวสะมาเรีย “ท่านจงไปและทำเช่นเดียวกันเถิด” (ลก 10:37) คำสั่งของพระองค์ต้องปลุกเร้าหัวใจเราให้ทำเช่นเดียวกัน ศิษย์พระคริสต์ต้องเลียนแบบชาวสะมาเรีย ก้าวเดินไปบนเส้นทางแห่งกระแสเรียกด้วยดวงตาและหูที่เปิดกว้าง โดยมีเข็มทิศแห่งความเมตตาเป็นเครื่องนำทาง ยอมให้หัวใจของตนเต้นในจังหวะเดียวกันกับหัวใจของพระเจ้า เพื่อทำให้คน “เกือบสิ้นชีวิต” ที่เราพบได้มีชีวิตอยู่ต่อไป

คุณพ่อขวัญ  ถิ่นวัลย์

ID LINE : dondaniele

วัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย-หนองสนุก, สกลนคร

5 ตุลาคม 2025

ภาพ : การเยี่ยมผู้ป่วย, วัดดอนทอย-หนองสนุก, สกลนคร; 2025-06-26

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น