บทเรียนจากชาวสะมาเรีย
จันทร์ สัปดาห์ที่
27 เทศกาลธรรมดา |
ยนา 1:1-7; 2:1, 11 ลก 10:25-37 |
บทอ่านแรก
พูดถึงเรื่องโยนาห์ที่ได้รับพระบัญชาจากพระเจ้าให้ไปเทศน์สอนที่เมืองนินาเวห์
นครใหญ่ซึ่งชาวเมืองประพฤติผิดศีลธรรม และตั้งอยู่ห่างออกไป 800 กิโลเมตร โยนาห์ปฏิเสธและออกเดินทางไปทิศทางตรงข้าม
การไม่เชื่อฟังของโยนาห์ไม่เพียงแต่ทำให้ชีวิตของเขาตกอยู่ในอันตรายเท่านั้น
แต่ยังคุกคามชีวิตของลูกเรือผู้บริสุทธิ์อีกด้วย ที่สุด
โยนาห์หนีพระบัญชาของพระเจ้าไม่ได้
อุปมาเรื่องชาวสะมาเรียผู้ใจดี เป็นบทสรุปคำสอนในภาคปฏิบัติของพระเยซูเจ้าที่เกี่ยวข้องกับภาคปฏิบัติมากที่สุด
ประการแรก เรามีหน้าที่ต้องช่วยเหลือผู้อื่น แม้ว่าชายที่ถูกโจรปล้นจะประสบความเดือดร้อนเพราะความผิดพลาดของเขา
เราเห็นชัดว่า เขาเป็นคนประมาท เดินทางคนเดียวโดยลำพังในเส้นทางที่รู้ดีอยู่แล้วว่าอันตราย
ทำให้ถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส สะท้อนภาพความจริงแห่งชีวิตของเราแต่ละคนซึ่งเป็นคนบาป
ผิดพลาดเป็นประจำ บางครั้งความผิดพลาดหนัก
“เกือบสิ้นชีวิต” ที่เราต้องการความช่วยเหลือจากใครสักคน
ประการที่สอง เราต้องช่วยเหลือคนเดือดร้อนก่อน
เราเห็นสมณะมีใจจดจ่อกับการปฏิบัติหน้าที่ตามจารีตพิธีในพระวิหาร
ถือปฏิบัติตามกฎเกณฑ์อย่างเคร่งครัดเรื่องการเป็นมลทิน
จนลืมความต้องการของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
ศาสนาสำหรับเขาเป็นแต่เพียงการถือปฏิบัติตามจารีตพิธีอย่างครบถ้วนไม่มีที่ติ
แต่ขาดมิติของชีวิตในความสัมพันธ์กับเพื่อนมนุษย์
โดยเฉพาะคนเดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนซึ่งอยู่ต่อหน้า
ประการที่สาม
เราต้องช่วยเหลือคนเดือนร้อนแม้ต้องเสี่ยง ชาวเลวีไม่ยอมเสี่ยงเพราะเกรงว่า ตนเองจะติดร่างแหไปด้วย หากหมอไม่ยอมช่วยคนไข้เพราะกลัวติดโรคย่อมไม่มีการรักษาเกิดขึ้น
แต่หมอทั้งหลายยอมเสี่ยง เหตุผลหนึ่งที่เราไม่กล้าเสี่ยงเพราะไม่อยากเดือดร้อน
คิดคำนวณดูแล้วไม่คุ้ม ทำให้เสียเวลา เสียงาน เสียอารมณ์ ประการสำคัญคือเสียเงิน แต่พระเยซูเจ้าสอนว่า “อย่าชั่งน้ำหนัก
อย่าคำนวณ แต่จงยอมแพ้ต่อความรัก”
ประการสุดท้าย บทเรียนจากชาวสะมาเรียซึ่งชาวยิวมองว่าเป็นคนบาป เขาได้ทำในสิ่งที่คนเคร่งศาสนา ชื่อเสียงดี มีเกียรติภูมิไม่ทำกัน
เขาเป็นคนช่วยเหลือชายบาดเจ็บเกือบสิ้นชีวิต
เขากระทำในสิ่งที่ให้ชีวิต
เข้าไปหา ปลอบโยน พันแผลให้ ช่วยพยุงขึ้นหลังสัตว์
เป็นธุระจัดการเรื่องที่พัก และจัดหาคนดูแล เขาเป็นคนต่างถิ่นที่เดินทางตามลำพัง
ไม่มีทรัพย์สินมาก แต่ “ตาของเขาช่างสังเกตและหัวใจของเขาเต้นในจังหวะเดียวกันกับหัวใจของพระเจ้า”
พระเยซูเจ้าทรงเรียกร้องบรรดาศิษย์ให้ทำอย่างชาวสะมาเรีย
“ท่านจงไปและทำเช่นเดียวกันเถิด” (ลก 10:37) คำสั่งของพระองค์ต้องปลุกเร้าหัวใจเราให้ทำเช่นเดียวกัน
ศิษย์พระคริสต์ต้องเลียนแบบชาวสะมาเรีย ก้าวเดินไปบนเส้นทางแห่งกระแสเรียกด้วยดวงตาและหูที่เปิดกว้าง
โดยมีเข็มทิศแห่งความเมตตาเป็นเครื่องนำทาง ยอมให้หัวใจของตนเต้นในจังหวะเดียวกันกับหัวใจของพระเจ้า
เพื่อทำให้คน “เกือบสิ้นชีวิต” ที่เราพบได้มีชีวิตอยู่ต่อไป
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
ID LINE : dondaniele
วัดนักบุญยอแซฟ
ดอนทอย-หนองสนุก, สกลนคร
5 ตุลาคม 2025
ภาพ : การเยี่ยมผู้ป่วย, วัดดอนทอย-หนองสนุก, สกลนคร; 2025-06-26
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น