ต้องทำให้ความเชื่อมีชีวิต
อาทิตย์ สัปดาห์ที่ 27 เทศกาลธรรมดา ปี C |
ฮบก 1:2-3; 2:2-4 2 ทธ 1:6-8, 13-14 ลก 17:5-10 |
บทนำ
ชุมชนวัดแห่งหนึ่งฝนไม่ตกมาเป็นเวลานาน
เจ้าอาวาสได้ประกาศว่าจะมีการอธิษฐานภาวนาขอฝนในวันเสาร์ถัดไป ขอให้ทุกคนนำสิ่งของแห่งความเชื่อมาเพื่อเป็นแรงบันดาลใจ
เมื่อถึงเวลาที่กำหนด ทุกคนออกมารวมตัวกัน ทำให้ลานหน้าวัดเต็มไปด้วยใบหน้าและหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง
ในมือที่ถือหนังสือภาวนา พระคัมภีร์ ไม้กางเขน ลูกประคำ ฯลฯ
ทันทีที่เวลาแห่งการอธิษฐานภาวนากำลังจะสิ้นสุดลง ฝนได้เริ่มโปรยปรายลงมา
เสียงร้องดังกึกก้องไปทั่วฝูงชน แต่มีเพียงเด็กน้อยวัยเก้าขวบคนหนึ่งถือร่มมาด้วย เขาได้แสดงถึงความเชื่อที่แท้จริง
ด้วยการนำร่มมาด้วย เขาได้ยืนยันความเชื่อและความวางใจอย่างเต็มเปี่ยมว่าพระเจ้าจะทรงฟังคำภาวนา
บทอ่านทั้งสามบทในสัปดาห์ที่ 27 เทศกาลธรรมดา
กล่าวถึงความเชื่อและการทำงานของความเชื่อในชีวิตเรา “สำหรับผู้ที่มีความเชื่อ
ไม่จำเป็นต้องมีคำอธิบายใด ๆ สำหรับผู้ที่ไม่มีความเชื่อ จะไม่มีคำอธิบายใด ๆ
เกิดขึ้นได้” (นักบุญโทมัส อไควนัส) ความเชื่อนี้เองเป็นหัวใจสำคัญของพระวาจาพระเจ้าวันนี้
1.
ต้องทำให้ความเชื่อมีชีวิต
พระวรสารวันนี้บรรดาอัครสาวกทูลพระเยซูเจ้าให้เพิ่มความเชื่อให้พวกเขา
และพระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “ถ้าท่านมีความเชื่อเท่าเมล็ดมัสตาร์ด
และพูดกับต้นหม่อนต้นนี้ว่า ‘จงถอนรากแล้วไปขึ้นอยู่ในทะเลเถิด’
ต้นหม่อนต้นนั้นก็จะเชื่อฟังท่าน” (ลก 17:6) เมล็ดมัสตาร์ดเป็นเมล็ดเล็กที่สุดในบรรดาพืชพรรณทั้งหลาย
ส่วนต้นหม่อนเราทราบดีว่าปลูกเพื่อใช้ใบเลี้ยงตัวไหม พระเยซูเจ้าทรงเลือกใช้พันธุ์ไม้สองชนิดซึ่งเปรียบเทียบกันไม่ได้เลย
เพื่อเน้นให้เห็นถึง “พลังของความเชื่อ”
พระเยซูเจ้าทรงสอนว่า ความเชื่อของเราต้องเติบโตขึ้น
“ความเชื่อเล็กน้อย นำวิญญาณไปสู่สวรรค์ ขณะที่ความเชื่อมั่นคง
นำสวรรค์มาสู่วิญญาณ” เหนือสิ่งอื่นใดทรงต้องการบอกเราว่า “ทุกสิ่งเป็นไปได้เสมอ
หากเราเชื่อว่าเป็นไปได้” ตัวอย่างพี่น้อง “ตระกูลไรท์” หากพวกเขาไม่เชื่อว่า
วันหนึ่งต้องบินได้เหมือนนก มนุษย์คงไม่สามารถเดินทางไปถึงดวงจันทร์ หรือหาก โทมัส
เอดิสันไม่เชื่อว่า เขาสามารถผลิตหลอดไฟได้ (หลังการทดลองล้มเหลว 700 ครั้ง) โลกคงไม่สว่างไสวเหมือนทุกวันนี้
ความเชื่อหมายถึง
ความวางใจอย่างเต็มเปี่ยมในพระเจ้า ผู้อยู่เคียงข้างและพร้อมช่วยเราเสมอ
นี่คือพลังยิ่งใหญ่ของความเชื่อซึ่งพระเจ้าทรงมอบแก่เราตั้งแต่วันรับศีลล้างบาป
ความเชื่อนี้มาพร้อมกับ “หน้าที่” นั่นคือ หน้าที่แห่งความรักต่อเพื่อนมนุษย์ ซึ่งเราต้องทำให้เกิดผลจริงในชีวิตประจำวัน นักบุญเทเรซาแห่งกัลกัตตา สอนว่า “ความเชื่อในภาคปฏิบัติคือ ความรัก
และความรักในภาคปฏิบัติคือการรับใช้” การรับใช้คือการมองเห็นความเดือดร้อนและความต้องการของผู้อื่นแล้วไม่อยู่เฉย
แต่ยื่นมือช่วยเหลือ นี่คือเครื่องพิสูจน์ความเชื่อที่มีชีวิตของเรา
2.
บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ
ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ประการแรก เราต้องทำให้ความเชื่อของเรามีชีวิต อุปมาเรื่องผู้รับใช้ทำตามหน้าที่สอนเราว่า “การทำหน้าที่อย่างเดียวไม่พอ”
ผู้สมควรได้รับการยกย่องคือคนทำมากกว่าหน้าที่ ทำด้วยหัวใจและความรักยิ่งใหญ่
ความบกพร่องที่สุดอย่างหนึ่งคือ เรามักทำดีเพียงครั้งคราวและคิดว่าแค่นี้พอแล้ว เช่น
การมาวัดวันอาทิตย์ ได้ฟังพระวาจาและรับพระองค์ในศีลมหาสนิท
แต่ไม่นำพระองค์กลับออกไปกับเราด้วยในชีวิตประจำวัน
ประการที่สอง เราต้องวางใจในพระเจ้า เวลาอยู่ในห้วงของความทุกข์และความยากลำบากในชีวิตเรามักคิดว่า พระเจ้าทรงทอดทิ้งเรา
ไม่ทรงฟังคำภาวนาของเรา ประกาศกฮาบากุกรู้สึกแบบเดียวกันจึงถามพระเจ้าว่า “ทำไม” และ “อีกนานแค่ไหน” เรามักถามพระเจ้าเช่นกัน “ทำไมเกิดเหตุการณ์เช่นนี้กับเรา” และ “เราต้องทนกับสิ่งเหล่านี้นานแค่ไหน” ที่สุด ฮาบากุกได้พบคำตอบว่า พระเจ้าทรงช่วยเหลือผู้เชื่อในพระองค์
ประการที่สาม เราต้องเพิ่มพูนความเชื่อของเราทุกวัน ในความสัมพันธ์ที่มีกับพระเจ้าผ่านทางการอธิษฐานภาวนา การอ่านพระคัมภีร์ และการรับใช้ผู้อื่น
ความเชื่อของเราจะเพิ่มมากขึ้นเมื่อเราแสดงความรักต่อผู้อื่น คนแปลกหน้า และคนในครอบครัว
โดยเฉพาะการให้อภัย ซึ่งเป็นของประทานของพระเจ้าผ่านทางความเชื่อ
เพราะเมื่อเราเชื่อในพระเจ้าแม้เพียงเล็กน้อย ทุกสิ่งเป็นไปได้เสมอ
แม้กระทั่งการย้ายภูเขา หรือการให้อภัยศัตรู
บทสรุป
พี่น้องที่รัก พระวาจาของพระเจ้าวันนี้เตือนเราให้ดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อในพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม
แม้ในเวลาของความยากลำบาก ความเชื่อเป็นของประทานจากพระเจ้า
และเป็นสมบัติล้ำค่าของคริสตชน ความเชื่อของเราต้องเป็นดังตะเกียงส่องทางชีวิตของเราในโลกแห่งความมืด
ซึ่งเราต้องรักษาให้ลุกโชนอยู่เสมอ ด้วยน้ำมันแห่งความรักและการอธิษฐานภาวนา
คริสตชนไม่เพียงเชื่อในพระเจ้าเท่านั้น
แต่ต้องดำเนินชีวิตสอดคล้องกับความเชื่อ นำความเชื่อของตนสู่การปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ศิษย์พระคริสต์ต้องทำให้ความเชื่อมีชีวิต ในความรักโดยไม่แบ่งแยก การให้อภัยกันไม่สิ้นสุด
การมองผู้อื่นด้วยดวงตาและหูที่เปิดกว้างโดยมีเข็มทิศแห่งความเมตตาเป็นเครื่องนำทาง
และยอมให้หัวใจของตนเต้นในจังหวะเดียวกันกับหัวใจของพระเจ้า เพื่อตัดสินได้ว่ามีสิ่งไหนควรทำและอะไรควรมาก่อนมาหลัง
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
ID LINE : dondaniele
วัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย-หนองสนุก, สกลนคร
4 ตุลาคม 2025
ภาพ : การเยี่ยมอภิบาล, วัดดอนทอย-หนองสนุก, สกลนคร; 2025-7-24
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น