วันเสาร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2568

ต้องทำให้ความเชื่อมีชีวิต

 

ต้องทำให้ความเชื่อมีชีวิต

อาทิตย์

สัปดาห์ที่ 27 เทศกาลธรรมดา

ปี C

ฮบก 1:2-3; 2:2-4

2 ทธ 1:6-8, 13-14

ลก 17:5-10

บทนำ

ชุมชนวัดแห่งหนึ่งฝนไม่ตกมาเป็นเวลานาน เจ้าอาวาสได้ประกาศว่าจะมีการอธิษฐานภาวนาขอฝนในวันเสาร์ถัดไป ขอให้ทุกคนนำสิ่งของแห่งความเชื่อมาเพื่อเป็นแรงบันดาลใจ เมื่อถึงเวลาที่กำหนด ทุกคนออกมารวมตัวกัน ทำให้ลานหน้าวัดเต็มไปด้วยใบหน้าและหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง ในมือที่ถือหนังสือภาวนา พระคัมภีร์ ไม้กางเขน ลูกประคำ ฯลฯ

ทันทีที่เวลาแห่งการอธิษฐานภาวนากำลังจะสิ้นสุดลง ฝนได้เริ่มโปรยปรายลงมา เสียงร้องดังกึกก้องไปทั่วฝูงชน แต่มีเพียงเด็กน้อยวัยเก้าขวบคนหนึ่งถือร่มมาด้วย เขาได้แสดงถึงความเชื่อที่แท้จริง ด้วยการนำร่มมาด้วย เขาได้ยืนยันความเชื่อและความวางใจอย่างเต็มเปี่ยมว่าพระเจ้าจะทรงฟังคำภาวนา

บทอ่านทั้งสามบทในสัปดาห์ที่ 27 เทศกาลธรรมดา กล่าวถึงความเชื่อและการทำงานของความเชื่อในชีวิตเรา “สำหรับผู้ที่มีความเชื่อ ไม่จำเป็นต้องมีคำอธิบายใด ๆ สำหรับผู้ที่ไม่มีความเชื่อ จะไม่มีคำอธิบายใด ๆ เกิดขึ้นได้” (นักบุญโทมัส อไควนัส) ความเชื่อนี้เองเป็นหัวใจสำคัญของพระวาจาพระเจ้าวันนี้

1.        ต้องทำให้ความเชื่อมีชีวิต

พระวรสารวันนี้บรรดาอัครสาวกทูลพระเยซูเจ้าให้เพิ่มความเชื่อให้พวกเขา และพระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า ถ้าท่านมีความเชื่อเท่าเมล็ดมัสตาร์ด และพูดกับต้นหม่อนต้นนี้ว่า จงถอนรากแล้วไปขึ้นอยู่ในทะเลเถิด ต้นหม่อนต้นนั้นก็จะเชื่อฟังท่าน (ลก 17:6) เมล็ดมัสตาร์ดเป็นเมล็ดเล็กที่สุดในบรรดาพืชพรรณทั้งหลาย ส่วนต้นหม่อนเราทราบดีว่าปลูกเพื่อใช้ใบเลี้ยงตัวไหม พระเยซูเจ้าทรงเลือกใช้พันธุ์ไม้สองชนิดซึ่งเปรียบเทียบกันไม่ได้เลย เพื่อเน้นให้เห็นถึง พลังของความเชื่อ

พระเยซูเจ้าทรงสอนว่า ความเชื่อของเราต้องเติบโตขึ้น “ความเชื่อเล็กน้อย นำวิญญาณไปสู่สวรรค์ ขณะที่ความเชื่อมั่นคง นำสวรรค์มาสู่วิญญาณ” เหนือสิ่งอื่นใดทรงต้องการบอกเราว่า ทุกสิ่งเป็นไปได้เสมอ หากเราเชื่อว่าเป็นไปได้” ตัวอย่างพี่น้อง “ตระกูลไรท์” หากพวกเขาไม่เชื่อว่า วันหนึ่งต้องบินได้เหมือนนก มนุษย์คงไม่สามารถเดินทางไปถึงดวงจันทร์ หรือหาก โทมัส เอดิสันไม่เชื่อว่า เขาสามารถผลิตหลอดไฟได้ (หลังการทดลองล้มเหลว 700 ครั้ง) โลกคงไม่สว่างไสวเหมือนทุกวันนี้

ความเชื่อหมายถึง ความวางใจอย่างเต็มเปี่ยมในพระเจ้า ผู้อยู่เคียงข้างและพร้อมช่วยเราเสมอ นี่คือพลังยิ่งใหญ่ของความเชื่อซึ่งพระเจ้าทรงมอบแก่เราตั้งแต่วันรับศีลล้างบาป ความเชื่อนี้มาพร้อมกับ “หน้าที่” นั่นคือ หน้าที่แห่งความรักต่อเพื่อนมนุษย์  ซึ่งเราต้องทำให้เกิดผลจริงในชีวิตประจำวัน นักบุญเทเรซาแห่งกัลกัตตา สอนว่า “ความเชื่อในภาคปฏิบัติคือ ความรัก และความรักในภาคปฏิบัติคือการรับใช้” การรับใช้คือการมองเห็นความเดือดร้อนและความต้องการของผู้อื่นแล้วไม่อยู่เฉย แต่ยื่นมือช่วยเหลือ นี่คือเครื่องพิสูจน์ความเชื่อที่มีชีวิตของเรา

2.        บทเรียนสำหรับเรา

พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน

ประการแรก เราต้องทำให้ความเชื่อของเรามีชีวิต อุปมาเรื่องผู้รับใช้ทำตามหน้าที่สอนเราว่า “การทำหน้าที่อย่างเดียวไม่พอ” ผู้สมควรได้รับการยกย่องคือคนทำมากกว่าหน้าที่ ทำด้วยหัวใจและความรักยิ่งใหญ่ ความบกพร่องที่สุดอย่างหนึ่งคือ เรามักทำดีเพียงครั้งคราวและคิดว่าแค่นี้พอแล้ว เช่น การมาวัดวันอาทิตย์ ได้ฟังพระวาจาและรับพระองค์ในศีลมหาสนิท แต่ไม่นำพระองค์กลับออกไปกับเราด้วยในชีวิตประจำวัน

ประการที่สอง เราต้องวางใจในพระเจ้า เวลาอยู่ในห้วงของความทุกข์และความยากลำบากในชีวิตเรามักคิดว่า พระเจ้าทรงทอดทิ้งเรา ไม่ทรงฟังคำภาวนาของเรา ประกาศกฮาบากุกรู้สึกแบบเดียวกันจึงถามพระเจ้าว่า “ทำไม” และ “อีกนานแค่ไหน” เรามักถามพระเจ้าเช่นกัน “ทำไมเกิดเหตุการณ์เช่นนี้กับเรา” และ “เราต้องทนกับสิ่งเหล่านี้นานแค่ไหน” ที่สุด ฮาบากุกได้พบคำตอบว่า พระเจ้าทรงช่วยเหลือผู้เชื่อในพระองค์

ประการที่สาม เราต้องเพิ่มพูนความเชื่อของเราทุกวัน ในความสัมพันธ์ที่มีกับพระเจ้าผ่านทางการอธิษฐานภาวนา การอ่านพระคัมภีร์ และการรับใช้ผู้อื่น ความเชื่อของเราจะเพิ่มมากขึ้นเมื่อเราแสดงความรักต่อผู้อื่น คนแปลกหน้า และคนในครอบครัว โดยเฉพาะการให้อภัย ซึ่งเป็นของประทานของพระเจ้าผ่านทางความเชื่อ เพราะเมื่อเราเชื่อในพระเจ้าแม้เพียงเล็กน้อย ทุกสิ่งเป็นไปได้เสมอ แม้กระทั่งการย้ายภูเขา หรือการให้อภัยศัตรู

บทสรุป

พี่น้องที่รัก พระวาจาของพระเจ้าวันนี้เตือนเราให้ดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อในพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม แม้ในเวลาของความยากลำบาก   ความเชื่อเป็นของประทานจากพระเจ้า และเป็นสมบัติล้ำค่าของคริสตชน ความเชื่อของเราต้องเป็นดังตะเกียงส่องทางชีวิตของเราในโลกแห่งความมืด ซึ่งเราต้องรักษาให้ลุกโชนอยู่เสมอ ด้วยน้ำมันแห่งความรักและการอธิษฐานภาวนา

คริสตชนไม่เพียงเชื่อในพระเจ้าเท่านั้น แต่ต้องดำเนินชีวิตสอดคล้องกับความเชื่อ นำความเชื่อของตนสู่การปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ศิษย์พระคริสต์ต้องทำให้ความเชื่อมีชีวิต ในความรักโดยไม่แบ่งแยก การให้อภัยกันไม่สิ้นสุด การมองผู้อื่นด้วยดวงตาและหูที่เปิดกว้างโดยมีเข็มทิศแห่งความเมตตาเป็นเครื่องนำทาง และยอมให้หัวใจของตนเต้นในจังหวะเดียวกันกับหัวใจของพระเจ้า เพื่อตัดสินได้ว่ามีสิ่งไหนควรทำและอะไรควรมาก่อนมาหลัง

คุณพ่อขวัญ  ถิ่นวัลย์

ID LINE : dondaniele

วัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย-หนองสนุก, สกลนคร

4 ตุลาคม 2025

ภาพ : การเยี่ยมอภิบาล, วัดดอนทอย-หนองสนุก, สกลนคร; 2025-7-24

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น