
การอธิษฐานภาวนาด้วยความสุภาพถ่อมตน
|
อาทิตย์ สัปดาห์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา ปี C |
บสร 35:12-14, 16-18 2 ทธ 4:6-8, 16-18 ลก 18:9-14 |
บทนำ
ครั้งหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวได้ถามคุณแม่เทเรซาแห่งกัลกัตตาว่า เคยถูกผจญในเรื่องความภูมิใจในตนเองไหม
แม่เทเรซายิ้มและตอบว่า “ภูมิใจเรื่องอะไรละ” ผู้สื่อข่าวตอบว่า “ก็ภูมิใจในสิ่งดีงามทั้งหลายที่ได้ทำเพื่อคนยากจนที่สุดไง” คุณแม่เทเรซาตอบว่า “ฉันไม่เคยทราบเลยว่าฉันได้ทำอะไร
นั่นเป็นงานของพระเจ้าทั้งนั้น ที่ทำงานผ่านทางสมาชิกในคณะและอาสาสมัครของฉัน” ความสุภาพถ่อมตนเป็นสิ่งที่ทำให้เราเห็นความแตกต่างระหว่างนักบุญกับคนบาป
ดังอุปมาเรื่องฟาริสีกับคนเก็บภาษีในพระวรสาร ซึ่งมีแต่เฉพาะพระวรสารของบุญลูกาเท่านั้น
พระเยซูเจ้าทรงเล่าลักษณะแตกต่างกันระหว่างฟาริสีกับคนเก็บภาษี
ในการอธิษฐานภาวนา ฟาริสี หมายถึง “คนที่แยกตัวออกจากผู้อื่น” เพื่อรักษาความบริสุทธิ์ของศาสนา
ถือปฏิบัติตามธรรมบัญญัติอย่างเคร่งครัด และคิดว่า “ฉันบริสุทธิ์กว่าคนอื่น” ในทัศนะของชาวฟาริสี “ถ้าจะมีคนดีสองคนในโลก
คนนั้นคือฉันและลูกชายของฉัน แต่ถ้ามีเพียงคนเดียวคนนั้นคือตัวฉันเอง” ความหยิ่งจองหองและการถือปฏิบัติตามกฎมากกว่าความรักต่อผู้อื่น
ทำให้พระเยซูเจ้าตำหนิพวกเขาในพระวรสาร
ส่วน
“คนเก็บภาษี” เป็นชาวยิวที่เก็บภาษีให้รัฐบาลโรมันและเก็บส่วนที่เหลือไว้เป็นของตน
อาชีพเก็บภาษีจึงสร้างรายได้มหาศาล โดยเฉพาะภาษีการใช้สะพาน การใช้ถนนและการเป็นเจ้าของเกวียนซึ่งสามารถเรียกเก็บที่ไหนก็ได้
สำหรับคนยากจนไม่มีเงินจ่าย คนเก็บภาษีจะจ่ายล่วงหน้าและเรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราสูง
คนเก็บภาษีจึงเป็นที่รังเกียจของคนทั่วไป เป็น “พวกขี้ฉ้อ
ขูดเลือดขูดเนื้อและขายชาติ” เพราะทำงานให้กับรัฐบาลโรมัน
จัดอยู่ในระนาบเดียวกันกับโจร ฆาตกรและหญิงโสเภณี
1. การอธิษฐานภาวนาด้วยความสุภาพถ่อมตน
พระเยซูเจ้าทรงเล่าอุปมาเกี่ยวกับชาวฟาริสีและคนเก็บภาษี
ซึ่งเข้าไปอธิษฐานภาวนาในพระวิหารเพื่อสอนเราเกี่ยวกับความสุภาพถ่อมตน
พระองค์ทรงหยิบยกเรื่องราวชีวิตจริงของชาวยิวซึ่งอธิษฐานภาวนาวันละ 4 ครั้ง ได้แก่
เวลาเก้าโมงเช้า เที่ยงวัน บ่ายสามโมง และหกโมงเย็น จากวิธีอธิษฐานภาวนาของชาวฟาริสีและคนเก็บภาษี
สะท้อนให้เห็นความสัมพันธ์ที่พวกเขามีต่อพระเจ้าและต่อเพื่อนมนุษย์
ชาวฟาริสียืนขึ้นอธิษฐานภาวนากับตนเอง
ดูเหมือนกำลังขอบคุณพระเจ้า แต่ในความเป็นจริงเขาขอบคุณตนเองที่ไม่ได้เป็นขโมย หรือล่วงประเวณี
เขารู้สึกพอใจกับสิ่งที่ตนเองทำเป็นพิเศษ เช่น การอดอาหารสัปดาห์ละสองวัน
(วันจันทร์กับวันพฤหัสบดีซึ่งมีตลาดนัดเพื่อให้คนเห็น)
และได้ถวายหนึ่งในสิบของรายได้ทั้งหมด (ทำมากกว่าที่กฎหมายกำหนด)
เขามีเจตนาเปรียบเทียบความดีของตนกับข้อเสียของคนอื่น เขาจึงไม่ใช่คนน่ายกย่อง
เขามิได้อธิษฐานภาวนาถึงพระเจ้า แต่กำลังสรรเสริญตนเอง โอ้อวดและดูหมิ่นคนอื่น
ส่วนคนเก็บภาษีซึ่งเป็นคนบาปสาธารณะที่ชาวยิวรังเกียจ
เขารู้ความจริงเกี่ยวกับตนเองและสำนึกผิดจึงยืนอยู่ห่าง ๆ ไม่กล้าเงยหน้า
ตีอกชกตัวและกล่าวว่า “ข้าแต่พระเจ้า
โปรดทรงพระกรุณาต่อข้าพเจ้าคนบาปด้วยเถิด” (God, have mercy on me,
a sinner) นี่เป็นคำภาวนาที่สั้นที่สุดในพระคัมภีร์และลึกซึ้งที่สุด
เพราะคนเก็บภาษีสำนึกในความบาปผิดของตน
เขาตระหนักในความรักเมตตาของพระเจ้าที่ทรงให้อภัยคนบาป
ทำให้เขาเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า
2. บทเรียนสำหรับเรา
พระวาจาของพระเจ้าวันนี้ได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ
ในการนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ประการแรก เราต้องอธิษฐานการภาวนาด้วยความสุภาพถ่อมตน คนเก็บภาษีอธิษฐานภาวนาด้วยความสุภาพถ่อมตนและพระเจ้าทรงฟังคำภาวนาของเขา
ซึ่งตรงข้ามกับชาวฟาริสี “เพราะว่าผู้ใดยกตนขึ้นจะถูกกดให้ต่ำลง
ผู้ใดที่ถ่อมตนลงจะได้รับการยกย่องให้สูงขึ้น” (ลก 18:14) เรามักอธิษฐานภาวนาวอนขอสิ่งจำเป็นจากพระเจ้า แต่เราลืมถวายเกียรติ
สรรเสริญและขอบพระคุณพระองค์ โดยเฉพาะพระพรแห่งชีวิต สุขภาพ
หน้าที่การงานและชีวิตที่ราบรื่นในแต่ละวัน
ประการที่สอง เราต้องสำนึกผิดในความไม่ดีที่ได้ทำ คนสำนึกในความผิดของตนจะได้รับพระเมตตาจากพระเจ้า
เป็นที่น่าสังเกตว่า นักบุญผู้ศักดิ์สิทธิ์กลับเป็นคนสำนึกในความบาปของตนมากที่สุด
นักบุญเปาโลได้เขียนถึงตัวเองว่า “ข้าพเจ้าเป็นคนแรกในบรรดาคนบาปเหล่านี้” (1 ทม 1:15) นักบุญฟรังซิส อัสซีซี
พูดถึงตัวท่านเองว่า “ไม่มีใครอีกแล้วที่น่าเกลียด
น่าชิงชังและน่าสังเวชเท่าตัวข้าพเจ้า” คนหยิ่งจองหองและดูหมิ่นคนอื่นไม่อาจเข้าถึงพระเจ้าได้
ประการที่สาม เราต้องตระหนักในความรักและการให้อภัยของพระเจ้า คนเก็บภาษีเข้าใจอย่างถ่องแท้
ตระหนักในความรักของพระเจ้าผู้ทรงให้อภัยคนบาป ทำให้เขาเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า
เรามารวมตัวกันทุกอาทิตย์ในพิธีบูชาขอบพระคุณ เพื่อขอบคุณความรักไม่มีเงื่อนไขและร่วมส่วนในการถวายบูชาบนไม้กางเขนของพระเยซูเจ้า
เพื่อลบล้างบาปของเราทั้งหลาย อีกทั้ง ดำเนินชีวิตเป็นเครื่องหมายแห่งความรักไม่มีเงื่อนไขในชีวิตประจำวัน
บทสรุป
พี่น้องที่รัก พระเยซูเจ้าทรงสอนเราถึงท่าทีถูกต้องที่เราควรมีเมื่ออธิษฐานภาวนา
เราต้องมีความสุภาพถ่อมตนและสำนึกในความผิดของตนเหมือนคนเก็บภาษี
ที่ตระหนักในความผิดของตนเองโดยไม่เปรียบเทียบ ดูหมิ่นดูแคลน หรือกล่าวโทษผู้อื่น
อีกทั้งไม่ยกตนและสรรเสริญความดีของตนเองเหมือนชาวฟาริสี
เพราะเราแต่ละคนต่างเป็นคนบาปที่ต้องการการให้อภัยจากพระเจ้าด้วยกันทั้งนั้น
คริสตชนควรมีท่าทีถูกต้องต่อตนเอง
ต่อพระเจ้า และต่อเพื่อนมนุษย์ ความหยิ่งจองหองและความภูมิใจในความชอบธรรมของตนเอง
เป็นอุปสรรคขวางกั้นระหว่างเรากับพระเจ้า และระหว่างเรากับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ศิษย์พระคริสต์ต้องอธิษฐานภาวนาด้วยความสุภาพถ่อมตน
สำนึกว่าเราเป็นคนบาป ไม่กล่าวโทษ หรืออวดตัวว่าดีกว่าคนอื่น
ตระหนักในความรักและการให้อภัยของพระเจ้า และดำเนินชีวิตเป็นเครื่องหมายแห่งความรักที่ไม่มีเงื่อนไขในชีวิตประจำวัน
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
ID LINE : dondaniele
วัดนักบุญยอแซฟ ดอนทอย-หนองสนุก, สกลนคร
25 ตุลาคม 2025
ภาพ : มิสซาคุ้มตลาดวัวตู้เก้า, วัดดอนทอย-หนองสนุก, สกลนคร; 2025-10-25
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น