วันเสาร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2563

ไม่ดีแต่พูด แต่ลงมือทำ

 


ไม่ดีแต่พูด แต่ลงมือทำ

อาทิตย์

สัปดาห์ที่ 26 เทศกาลธรรมดา

ปี A

อสค 18:25-28

ฟป 2:1-11

มธ 21:28-32

บทนำ

ณ วัดแห่งหนึ่งหลังพิธีบูชาขอบพระคุณ พระสงฆ์หนุ่มซึ่งเพิ่งย้ายมาใหม่ได้ถามสัตบุรุษว่า “เราจัดให้มีการศึกษาพระคัมภีร์เพื่อเรียนรู้พระวาจาของพระเจ้าดีไหม” ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “เป็นความคิดที่เยี่ยมมาก” เขารู้สึกดีใจที่ทุกคนเห็นดีด้วยและได้นำเสนอเจ้าอาวาส  คุณพ่อเจ้าอาวาสได้บอกให้ถามสัตบุรุษอีกครั้งว่า “มีใครมาเรียนบ้าง” สัปดาห์ต่อมาเขาประกาศว่า “ใครสนใจร่วมโครงการศึกษาพระคัมภีร์ให้มาลงชื่อ” ปรากฏว่ามีมาแค่สองคน

ทำให้พระสงฆ์หนุ่มตระหนักว่า การตอบรับข้อเสนอกับการปฏิบัติจริงเป็นคนละเรื่อง ทุกสังคมมีคนดีแต่พูดแต่ไม่ทำอะไร สอดรับกับอุปมาเรื่องบุตรสองคนในพระวรสารวันนี้ ชายเจ้าของสวนองุ่นมีบุตรสองคน เขาได้ไปหาบุตรคนแรกร้องขอให้ไปทำงานที่สวนองุ่น แต่กลับถูกปฏิเสธอย่างไม่ใยดีในตอนแรก ต่อมาภายหลังได้เปลี่ยนใจไปทำงาน ขณะที่บุตรคนที่สองสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะไป แต่สุดท้ายไม่ได้ไป

อุปมานี้เกิดขึ้นในพระวิหารที่กรุงเยรูซาเล็มสามวันก่อนพระเยซูเจ้าถูกจับ ทรงโต้แย้งกับหัวหน้าสมณะและพวกผู้อาวุโสของชาวยิว (มธ 21:23) บุตรคนแรกเป็นตัวแทนของคนเก็บภาษี หญิงโสเภณี และคนบาปซึ่งเจริญชีวิตในบาปในสายตาของชาวยิว แต่ได้เชื่อและเปลี่ยนแปลงชีวิต บุตรคนที่สองเป็นตัวแทนของบรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสี ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นคนชอบธรรม แต่เมื่อบุตรพระเจ้าเสด็จมากลับปฏิเสธและจับพระองค์ไปตรึงกางเขน

1.        ไม่ดีแต่พูด แต่ลงมือทำ

อุปมาเรื่องบุตรสองคนสอนเราว่า คำพูดไม่อาจทดแทนการกระทำได้ บุตรทั้งสองตอบรับคำร้องขอของบิดาแตกต่างกัน คนแรกตอบปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง ขณะที่คนที่สองตอบอย่างสุภาพ แต่ไม่ไป คำตอบรับอย่างสุภาพของเขาไม่อาจทดแทนการกระทำได้ การกระทำเท่านั้นที่เป็นเครื่องพิสูจน์ความรักแท้ เวลาเป็นเด็กเราคงเคยบอกรักแม่ และแม่มักพูดว่า “แม่หวังว่าลูกจะทำให้แม่เห็นมากกว่านี้”

อุปมานี้สะท้อนคนสองประเภท ซึ่งเป็นคนไม่สมบูรณ์ทั้งคู่และไม่มีค่าควรแก่การยกย่อง คนแรกดีกว่าคนที่สองในแง่ที่เขายอมปฏิบัติตามในภายหลัง การกระทำของเขาดีกว่าคำพูด มีคนเป็นจำนวนมากจัดอยู่ในประเภทนี้ แม้ไม่ได้อ้างตัวเป็นคริสตชนหรือไม่รู้จักชื่อของพระเยซูเจ้าด้วยซ้ำ แต่ชีวิตของเขาเป็นตัวอย่างดี มีคุณธรรมยิ่งกว่าคนเป็นคริสตชนเสียอีก เป็นชีวิตที่เสียสละ คิดถึงคนอื่นมากกว่าตนเอง

ขณะที่อีกคนให้คำมั่นสัญญาหนักแน่น แต่ทำในสิ่งตรงข้าม ทำนอง “พูดอย่าง ทำอย่าง” “มือถือสาก ปากถือศีล” หรือ “ดีแต่พูด” ชีวิตจริงหรือความประพฤติไม่สอดคล้องกับคำพูดหรือสิ่งที่สอน คนประเภทนี้มักอ้างตัวอย่างหนึ่ง แต่ปฏิบัติตัวตรงกันข้าม คำพูดของเขาไม่มีน้ำหนักและไม่น่าเชื่อถือ คนประเภทนี้เป็นที่รังเกียจของสังคมและหมู่คณะ ในความเป็นจริง “ไม่มีใครต้องการฟังว่าเราจะพูดอะไร แต่ต้องการดูว่าชีวิตของเราเป็นอย่างไรต่างหาก”

2.        บทเรียนสำหรับเรา

อุปมาเรื่องบุตรสองคนได้ให้บทเรียนสำคัญสำหรับเราหลายประการ ในการนำไปปฏิบัติในชีวิต

ประการแรก เราต้องไม่ดีแต่พูด เป็นการง่ายที่จะพูดหรือแสดงความคิดเห็น แต่สิ่งที่ทำให้ความคิดนั้นมีคุณค่าและเกิดผลคือ การลงมือปฏิบัติ “การกระทำย่อมดังกว่าคำพูดเสมอ” บ่อยครั้งเราเตือนบุตรหลานให้มาวัดวันอาทิตย์ ให้ถอยห่างจากการพนันและยาเสพติด แต่เรากลับเป็นตัวอย่างไม่ดีสำหรับพวกเขา นักบุญยอห์นบอกเราว่า “อย่ารักกันแต่ปากเพียงด้วยคำพูดเท่านั้น แต่จงรักกันด้วยการกระทำและด้วยความจริง” (1 ยน 3:18)

ประการที่สอง เราต้องลงมือทำเดี๋ยวนี้ บิดาพูดกับบุตรทั้งสองว่า “ลูกเอ๋ย วันนี้ จงไปทำงานในสวนองุ่นเถิด” (มธ 21:28) เรามีชีวิตอยู่ใน “วันนี้” เท่านั้น ยังไม่รู้ว่า “พรุ่งนี้” จะมีชีวิตอยู่หรือเปล่า ดังนั้น เวลาสำคัญที่สุดคือ ขณะนี้ วันนี้ ไม่ใช่การผัดวันประกันพรุ่ง เอาไว้ให้รวยกว่านี้ถึงทำบุญ หรือรอให้แก่ชราก่อนถึงเข้าวัด แต่จงลงมือทำวันนี้ให้ดีที่สุดเพราะ “อาจไม่มีวันพรุ่งนี้สำหรับเรา”

ประการที่สาม เราต้องตอบรับพระเจ้า ทรงเรียกและเชื้อเชิญเราให้เปลี่ยนแปลงตนเองและตอบรับพระองค์ พระเยซูเจ้าทรงตอบรับพระบิดาเจ้าและนอบน้อมเชื่อฟังจนถึงที่สุดคือความตายบนไม้กางเขน การตอบรับหมายถึงการปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้า “ผู้ที่ปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดาของเรา...นั่นแหละจะเข้าสู่สวรรค์ได้” (มธ 7:21) และหมายถึงการรับใช้ “บุตรแห่งมนุษย์มิได้มาเพื่อให้ผู้อื่นรับใช้ แต่มาเพื่อรับใช้ผู้อื่น” (มธ 20:28) ความสุขและความรอดพ้นของเราขึ้นอยู่กับการตอบรับพระเจ้าในชีวิต

บทสรุป

พี่น้องที่รัก อุปมาเรื่องบุตรสองคนสะท้อนความจริงว่าไม่มีใครดีพร้อม แม้คนแรกดีกว่าคนที่สอง แต่ทั้งคู่ได้ทำให้บิดาผิดหวังและเจ็บปวด ลักษณะของบุตรที่ทำให้บิดาปลื้มปีติคือ คนพร้อมรับคำสั่ง เชื่อฟัง และปฏิบัติตามด้วยใจยินดี พระเยซูเจ้าทรงเรียกเราให้มีอิสระที่จะตอบรับพระองค์ในการกระทำ ด้วยการดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระองค์ในความรักต่อพี่น้อง เห็นอกเห็นใจและให้อภัยกันด้วยใจกว้าง

อุปมาจบลงด้วยการเน้นคนบาปมาหาพระเยซูเจ้า บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีคิดว่าตนเองเป็นผู้ชอบธรรมไม่ต้องพึ่งพระเจ้า ตรงข้ามกับคนเก็บภาษี หญิงโสเภณี และคนบาปที่ กลับใจและรับใช้พระองค์ด้วยความกระตือรือร้น ศิษย์พระคริสต์ต้องตอบรับแผนการและพระประสงค์ของพระเจ้าในการกระทำ ไม่ดีแต่พูด ความเชื่อของเราต้องแสดงออกในภาคปฏิบัติ เพื่อได้ชื่อว่าเป็นคริสตชนที่เป็นผู้ใหญ่ และเป็นศิษย์แท้จริงของพระองค์

คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์

khuanthinwan@gmail.com

วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย

26 กันยายน 2020

ภาพ: พิธีบูชาขอบพระคุณปลงศพเยราร์ด วิษณุ นาพรม, วัดแม่พระแจกจ่ายพระหรรษทาน ดอนม่วย, สกลนคร; 2020-6-18

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น